Panai Lawasut on Nostr: กำแพงของการสร้าง Proof of work ...
กำแพงของการสร้าง Proof of work มันช่างสูงเหลือเกิน
ผมไม่รู้ว่าราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการสร้างPOWของคนอื่นมันแพงแค่ไหน แต่สำหรับของพ่อกับแม่ผม มันคือบ้านหลังเดียวของครอบครัวที่ต้องโดนยึดในขณะที่พ่อผมอายุ 60 พอดี
ของผมเองถ้าไม่บังเอิญเอา POW ที่พ่อกับแม่ผมทำไว้ให้มาต่อยอดได้ บ้านซักหลังคงไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ
และคิดว่าราคาที่ต้องจ่ายในการสร้าง POW ของรุ่นถัดไปมันคงแพงขึ้นเรื่อยๆ จนวันนึงมันอาจจะถึงจุดที่ไม่มีวันจ่ายไหว
หลังจากผมเข้าใจปรัชญาของบิทคอยน์ ผมรู้ได้ทันทีว่า
การที่คุณจะสร้าง values ในระดับที่คนอื่นจะยอมให้มูลค่ากับคุณ คุณจำเป็นต้องใช้พลังงานและเวลาไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในระดับที่ใครก็ไม่สามารถเอาพลังงานและเวลามาของเค้าแลกได้เท่ากับคุณได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้นแปลว่า ใครเริ่มสร้าง POW ก่อน คนนั้นมีโอกาสชนะ
และนั่นก็หมายถึง ใครเจอก่อนว่าตัวเองอยากทำอะไร คนนั้นก็มีโกาสได้เริ่มสร้าง POW ก่อน
เรื่องใหญ่ๆที่ผมให้ความใส่ใจกับลูกคือ เค้าค้นพ้บตัวเองหรือยัง เค้าชอบทำอะไร เค้าใช้เวลากับอะไรได้นานที่สุด เพราะผมอยากให้เค้าเริ่มสร้าง POW ให้เร็วที่สุด
ลูกสาวผมเกิดมาในช่วงที่ผมไม่พร้อม ตอนนั้นผมอายุ27 รายได้แค่พอเลี้ยงตัวเองคนเดียวในกรุงเทพฯเท่านั้น กลายเป็นต้องเลี้ยง 3 ชีวิต หมุนไม่เคยทันซักเดือน
กลับมาอยู่เมืองชล ต้องพลักดันนางให้เข้าเนอสเซอรี่ตั้งแต่ 2 ขวบครึ่ง เพราะเราทำงานกันตั้งแต่ตี5-6โมงเย็น มีเวลาเล่นกับนางน้อยมาก
พอนางเข้าอนุบาล ผมวิ่งเต้นทุกอย่างเพื่อให้นางเข้าโรงเรียนประจำจังหวัด เพราะมั่นใจว่าวิชาการที่นี่แข็งเป็นอันดับต้นๆของภาคตะวันออก
นางเรียนที่นี่จนจบ ป.6 นั่นเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขกับลูกสาวในวัยที่น่ารักได้น้อยสุดๆ
เข้าเรียน 7:30 เลิก 17:30 การบ้านอีกมหาศาล(แม้นางจะไม่ค่อยทำก็เถอะ) เวลาเหลือน้อยมากๆ ไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยนู่นนี่กันบ่อยๆเหมือนกับลูกชาย
คุณเริ่มเห็นกำแพงของการสร้าง POW ที่ค่อยๆก่อขึ้นมาโดยผมเองมั้ย
ผมแม่งโง่สุดๆ ผมรู้สึกเกลียดตัวเองมาก เอาเวลาในช่วงที่สำคัญมากของชีวิตคนๆนึง(ซึ่งแม่งคือลูกเราเองด้วย) ส่งไปในพลาญในระบบผลิตมนุษย์ที่บิดเบี้ยว โดยอ้างว่าเพราะเราต้องเอาเวลามาหาเงินเลี้ยงครอบครัว
“แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย”
ผมเองเริ่มรู้จักบิทคอยน์ตอนนางประมาณ ป.5
เริ่มรู้ตัวแล้วว่าผิดทาง ผมคุยกับนางว่า “พ่อไม่สนใจผลการเรียนนะ หนูอยากทำอะไร อยากลองอะไรก็ได้ ลองให้หมด”
นางเองก็ลองเยอะอยู่นะ นางจะออกไปทางศิลปินหน่อยๆ ขอไปเรียนวาดรูป เฉพาะวาดรูปลองไปประมาณ3สถาบัน เรียนบัลเล่ต์ เรียนเปียโน กีตาร์ เรียนร้องเพลง มีเรียนเดินแบบด้วย เรียนดูไพ่ก็เอา
พอนางจบ ป.6 นางบอกว่าจะไปสอบเข้า รร.วิทยาศาสตร์จุฬาภรณ (ฉันก็เรียนที่นี่)
นางไม่ใช่คนหัวดี ผมรู้ว่าไม่ใช่วิสัยนาง แต่นางไปสอบเพราะเพื่อนไปสอบกันทั้งห้อง
กำแพงของการสร้าง POW แม่งยังมีสังคมรอบตัวมาช่วยก่อ ระบบนี่แม่งวางมาดีจริง
ร.ร.รับนัดเรียน 88 คน นางสอบติดเป็นตัวสำรองอันดับที่ 80!! แต่คนดันมีคนสละสิทธิจนนางติด มันเป็น ร.ร.ประจำ คนส่วนใหญ่ๆเลย ไม่อยากให้ลูกอยู่
แต่ฉันดันเสือกดีใจรีบส่งเข้านางเข้าไปเรียน
ฉันก็รู้นะว่าฉันก็ยังช่วยก่อกำแพงนี้อยู่ แต่มุมนึงก็เริ่มเห็นตัวตนนางแล้ว ลักษณะเหยียบเรือ2แคบ ในระบบก็เรียนไป POW ก็สร้างไป
ทุกอาทิตย์ที่รับนางกลับมาบ้าน ผมจะถามว่า อาทิตย์นี้ทำ POW อะไรบ้าง คำตอบมันก็จะแบบว่า มีบ้าง ไม่มีบ้าง ผมก็ไม่ได้สนใจ แค่จะทำให้นางรับรู้ว่านี่คือเรื่องสำคัญ
ครั้งนึงนางกลับมาบ้าน มาเล่าให้ผมฟังอย่างดีใจว่า อาทิตย์ที่ผ่านมามีงานโรงเรียน เค้าอนุญาตให้นักเรียนเปิดบูทหาเงินได้ นางเปิดบูทดูหมอ!!!
“บูธดูหมอในงานโรงเรียนวิทยาศาสตร์เนี่ยนะ” 3 คำถาม 20 บาท ได้เงินมา 700.-
ผมดีใจมาก ไม่ใช่เพราะนางหาเงินได้ แต่เพราะผมเริ่มเห็นสัญญาณบางอย่าง การมี passion กับการทำอะไรสักอย่าง การไม่ตามกระแสคนรอบตัว การเริ่มขบถต่อระบบ
ตอนนี้นาง ม.3 เป็นช่วงเวลาที่มองหาที่เรียนต่อกัน โดยปกติเด็ก ร.ร.นี้ประมาณครึ่งนึง จะเข้าไปเรียนต่อในกทม. ซึ่งร.ร.เป็นเบอร์ต้นๆที่เรารู้จักกันดีทั้งนั้น และอีกครึ่งนึงก็จะเรียนต่อที่เดิม และร.ร.บังคับให้สอบแข่งขันกันเข้ามาใหม่ทุกคน
แปลว่าในช่วงเวลาปิดเทอมนี้ทุกคนจะติววิชาการกันอย่างหนักหน่วง
นางขอผมเข้าไปเรียนพิเศษในกรุงเทพฯ แต่ไม่ใช่ติววิชาการแต่อย่างใด
… นางขอเรียนแต่งหน้า !!!!!….
ผมเชื่อว่าไม่มีพ่อที่ไหนอนุญาตให้ลูกสาวอายุ14 ไปเรียนแต่งหน้า
แต่ผมกลับดีใจมากที่นางมาขอแบบนั้น
อันที่จริงนางแต่งหน้าไปโรงเรียนตั้งแต่ ม.2 (ผมแปลกใจที่แม่นางผู้ดุนางทุกเรื่องกลับไม่บ่นเรื่องนี้)
นางมีลิปสติกมากกว่าแม่นาง
นางดูยูทูปอะไรพวกนี้อยู่ตลอดเวลา
ผมเชื่อว่านางอาจจะเจอตัวตนของนางก็ได้
ผมคุยกับแม่นางว่าเอาเลย พลักดันให้สุด ไม่ต้องสนเรื่องค่าใช้จ่าย
2 คนแม่ลูกพากันไปหาข้อมูล เข้ากรุงเทพไปคุยกับครู กลับมาเล่าให้ผมฟังแบบเสียงเซ็งๆถึงค่าเรียน
การเรียนกับคนที่คนสร้าง POW เรื่องนั้นๆมาจริงๆ เป็นอะไรที่ประหยัดเวลามาก ผมเชียร์ขาดใจ แต่พอได้ฟังตัวเลขค่าเรียนแล้วถึงกับหน้าซีด…
จริงๆก็ไม่แปลกใจ นั้นมันค่า POW ของเค้า แล้วก็ไม่มีเด็กอายุ 14 ที่ไม่รู้จะเอาแน่รึเปล่า ที่ไหนไปเรียนหรอก นั่นมันที่ของมืออาชีพ
แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะพลักดันกันไปให้สุดทาง ก็เลยกัดฟันลุยกันไป
กัดฟันจริงครับ ต้องเช่าหอที่กทม. ค่าเครื่องสำอางที่ครูพาไปซื้อ ค่านางแบบที่ต้องจ้างมาเอง และต้องใช้ประมาณ 20 คน ค่ากินอยู่ในกรุงเทพอีก
ผมดีดตัวเลขมาคร่าวๆ น่าจะต้องใช้จริงประมาณเกือบ 3 เท่าของค่าเรียน
และทั้งหมดนี่อาจหมดไปฟรีๆเพราะลูกสาวผมเจอ passion เรื่องอื่น
ผมได้แต่คิดในใจว่า ทำไมกำแพงในการสร้าง POW ของเด็กคนนึงมันถึงได้สูงขนาดนี้วะ
ขนาดว่าเจอสิ่งที่ชอบแล้ว
มีพ่อแม่ที่เข้าใจแล้ว
ยังต้องมีกำลัง effort ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องด้วย
ผมนึกเสียดายแทนเด็กที่ไม่มีโอกาสทำเรื่องพวกนี้ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเด็กส่วนใหญ่ในประเทศ เด็กรุ่นที่เราเชื่อกันว่าจะเป็น gen ที่ adopt บิทคอยน์
gen ที่อาจจะได้เจอกับตลาดเสรีจริงๆที่มันโหดร้ายมาก
แล้วทั้งหมดนี่ของลูกสาวผมเอง มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น มันยังต้องเอาเวลา พลังงาน และก็น่าจะเงินด้วย เข้าไปแลกอีกเยอะเลย
ถ้าคุณยังไม่เจอสิ่งที่คุณอยากทำคุณจะแพ้คนที่เค้าเจอก่อน
ถ้าคุณเจอตัวคุณแล้ว แต่คุณสร้าง POW ไม่มากพอ คุณจะแพ้คนที่เค้ายอมแลกมากกว่า
ถ้าคุณสร้าง POW มากแล้ว แต่ไม่สามารถเอา POW ของคนรุ่นก่อนหน้ามาใช้ หรือไม่สามารถส่งต่อ POW ให้รุ่นถัดไป คุณจะแพ้คนที่เค้าทำได้
ทั้งหมดผมแค่อยากชวนให้คิดว่า กำแพงของเรื่องนี้มันสูงมากนะ และจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วตอนนี้คุณอยู่ ณ จุดไหนของ process กันล่ะ”
#ทีมตรู่
#siamstr
ผมไม่รู้ว่าราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการสร้างPOWของคนอื่นมันแพงแค่ไหน แต่สำหรับของพ่อกับแม่ผม มันคือบ้านหลังเดียวของครอบครัวที่ต้องโดนยึดในขณะที่พ่อผมอายุ 60 พอดี
ของผมเองถ้าไม่บังเอิญเอา POW ที่พ่อกับแม่ผมทำไว้ให้มาต่อยอดได้ บ้านซักหลังคงไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของ
และคิดว่าราคาที่ต้องจ่ายในการสร้าง POW ของรุ่นถัดไปมันคงแพงขึ้นเรื่อยๆ จนวันนึงมันอาจจะถึงจุดที่ไม่มีวันจ่ายไหว
หลังจากผมเข้าใจปรัชญาของบิทคอยน์ ผมรู้ได้ทันทีว่า
การที่คุณจะสร้าง values ในระดับที่คนอื่นจะยอมให้มูลค่ากับคุณ คุณจำเป็นต้องใช้พลังงานและเวลาไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ในระดับที่ใครก็ไม่สามารถเอาพลังงานและเวลามาของเค้าแลกได้เท่ากับคุณได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้นแปลว่า ใครเริ่มสร้าง POW ก่อน คนนั้นมีโอกาสชนะ
และนั่นก็หมายถึง ใครเจอก่อนว่าตัวเองอยากทำอะไร คนนั้นก็มีโกาสได้เริ่มสร้าง POW ก่อน
เรื่องใหญ่ๆที่ผมให้ความใส่ใจกับลูกคือ เค้าค้นพ้บตัวเองหรือยัง เค้าชอบทำอะไร เค้าใช้เวลากับอะไรได้นานที่สุด เพราะผมอยากให้เค้าเริ่มสร้าง POW ให้เร็วที่สุด
ลูกสาวผมเกิดมาในช่วงที่ผมไม่พร้อม ตอนนั้นผมอายุ27 รายได้แค่พอเลี้ยงตัวเองคนเดียวในกรุงเทพฯเท่านั้น กลายเป็นต้องเลี้ยง 3 ชีวิต หมุนไม่เคยทันซักเดือน
กลับมาอยู่เมืองชล ต้องพลักดันนางให้เข้าเนอสเซอรี่ตั้งแต่ 2 ขวบครึ่ง เพราะเราทำงานกันตั้งแต่ตี5-6โมงเย็น มีเวลาเล่นกับนางน้อยมาก
พอนางเข้าอนุบาล ผมวิ่งเต้นทุกอย่างเพื่อให้นางเข้าโรงเรียนประจำจังหวัด เพราะมั่นใจว่าวิชาการที่นี่แข็งเป็นอันดับต้นๆของภาคตะวันออก
นางเรียนที่นี่จนจบ ป.6 นั่นเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขกับลูกสาวในวัยที่น่ารักได้น้อยสุดๆ
เข้าเรียน 7:30 เลิก 17:30 การบ้านอีกมหาศาล(แม้นางจะไม่ค่อยทำก็เถอะ) เวลาเหลือน้อยมากๆ ไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยนู่นนี่กันบ่อยๆเหมือนกับลูกชาย
คุณเริ่มเห็นกำแพงของการสร้าง POW ที่ค่อยๆก่อขึ้นมาโดยผมเองมั้ย
ผมแม่งโง่สุดๆ ผมรู้สึกเกลียดตัวเองมาก เอาเวลาในช่วงที่สำคัญมากของชีวิตคนๆนึง(ซึ่งแม่งคือลูกเราเองด้วย) ส่งไปในพลาญในระบบผลิตมนุษย์ที่บิดเบี้ยว โดยอ้างว่าเพราะเราต้องเอาเวลามาหาเงินเลี้ยงครอบครัว
“แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลย”
ผมเองเริ่มรู้จักบิทคอยน์ตอนนางประมาณ ป.5
เริ่มรู้ตัวแล้วว่าผิดทาง ผมคุยกับนางว่า “พ่อไม่สนใจผลการเรียนนะ หนูอยากทำอะไร อยากลองอะไรก็ได้ ลองให้หมด”
นางเองก็ลองเยอะอยู่นะ นางจะออกไปทางศิลปินหน่อยๆ ขอไปเรียนวาดรูป เฉพาะวาดรูปลองไปประมาณ3สถาบัน เรียนบัลเล่ต์ เรียนเปียโน กีตาร์ เรียนร้องเพลง มีเรียนเดินแบบด้วย เรียนดูไพ่ก็เอา
พอนางจบ ป.6 นางบอกว่าจะไปสอบเข้า รร.วิทยาศาสตร์จุฬาภรณ (ฉันก็เรียนที่นี่)
นางไม่ใช่คนหัวดี ผมรู้ว่าไม่ใช่วิสัยนาง แต่นางไปสอบเพราะเพื่อนไปสอบกันทั้งห้อง
กำแพงของการสร้าง POW แม่งยังมีสังคมรอบตัวมาช่วยก่อ ระบบนี่แม่งวางมาดีจริง
ร.ร.รับนัดเรียน 88 คน นางสอบติดเป็นตัวสำรองอันดับที่ 80!! แต่คนดันมีคนสละสิทธิจนนางติด มันเป็น ร.ร.ประจำ คนส่วนใหญ่ๆเลย ไม่อยากให้ลูกอยู่
แต่ฉันดันเสือกดีใจรีบส่งเข้านางเข้าไปเรียน
ฉันก็รู้นะว่าฉันก็ยังช่วยก่อกำแพงนี้อยู่ แต่มุมนึงก็เริ่มเห็นตัวตนนางแล้ว ลักษณะเหยียบเรือ2แคบ ในระบบก็เรียนไป POW ก็สร้างไป
ทุกอาทิตย์ที่รับนางกลับมาบ้าน ผมจะถามว่า อาทิตย์นี้ทำ POW อะไรบ้าง คำตอบมันก็จะแบบว่า มีบ้าง ไม่มีบ้าง ผมก็ไม่ได้สนใจ แค่จะทำให้นางรับรู้ว่านี่คือเรื่องสำคัญ
ครั้งนึงนางกลับมาบ้าน มาเล่าให้ผมฟังอย่างดีใจว่า อาทิตย์ที่ผ่านมามีงานโรงเรียน เค้าอนุญาตให้นักเรียนเปิดบูทหาเงินได้ นางเปิดบูทดูหมอ!!!
“บูธดูหมอในงานโรงเรียนวิทยาศาสตร์เนี่ยนะ” 3 คำถาม 20 บาท ได้เงินมา 700.-
ผมดีใจมาก ไม่ใช่เพราะนางหาเงินได้ แต่เพราะผมเริ่มเห็นสัญญาณบางอย่าง การมี passion กับการทำอะไรสักอย่าง การไม่ตามกระแสคนรอบตัว การเริ่มขบถต่อระบบ
ตอนนี้นาง ม.3 เป็นช่วงเวลาที่มองหาที่เรียนต่อกัน โดยปกติเด็ก ร.ร.นี้ประมาณครึ่งนึง จะเข้าไปเรียนต่อในกทม. ซึ่งร.ร.เป็นเบอร์ต้นๆที่เรารู้จักกันดีทั้งนั้น และอีกครึ่งนึงก็จะเรียนต่อที่เดิม และร.ร.บังคับให้สอบแข่งขันกันเข้ามาใหม่ทุกคน
แปลว่าในช่วงเวลาปิดเทอมนี้ทุกคนจะติววิชาการกันอย่างหนักหน่วง
นางขอผมเข้าไปเรียนพิเศษในกรุงเทพฯ แต่ไม่ใช่ติววิชาการแต่อย่างใด
… นางขอเรียนแต่งหน้า !!!!!….
ผมเชื่อว่าไม่มีพ่อที่ไหนอนุญาตให้ลูกสาวอายุ14 ไปเรียนแต่งหน้า
แต่ผมกลับดีใจมากที่นางมาขอแบบนั้น
อันที่จริงนางแต่งหน้าไปโรงเรียนตั้งแต่ ม.2 (ผมแปลกใจที่แม่นางผู้ดุนางทุกเรื่องกลับไม่บ่นเรื่องนี้)
นางมีลิปสติกมากกว่าแม่นาง
นางดูยูทูปอะไรพวกนี้อยู่ตลอดเวลา
ผมเชื่อว่านางอาจจะเจอตัวตนของนางก็ได้
ผมคุยกับแม่นางว่าเอาเลย พลักดันให้สุด ไม่ต้องสนเรื่องค่าใช้จ่าย
2 คนแม่ลูกพากันไปหาข้อมูล เข้ากรุงเทพไปคุยกับครู กลับมาเล่าให้ผมฟังแบบเสียงเซ็งๆถึงค่าเรียน
การเรียนกับคนที่คนสร้าง POW เรื่องนั้นๆมาจริงๆ เป็นอะไรที่ประหยัดเวลามาก ผมเชียร์ขาดใจ แต่พอได้ฟังตัวเลขค่าเรียนแล้วถึงกับหน้าซีด…
จริงๆก็ไม่แปลกใจ นั้นมันค่า POW ของเค้า แล้วก็ไม่มีเด็กอายุ 14 ที่ไม่รู้จะเอาแน่รึเปล่า ที่ไหนไปเรียนหรอก นั่นมันที่ของมืออาชีพ
แต่ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะพลักดันกันไปให้สุดทาง ก็เลยกัดฟันลุยกันไป
กัดฟันจริงครับ ต้องเช่าหอที่กทม. ค่าเครื่องสำอางที่ครูพาไปซื้อ ค่านางแบบที่ต้องจ้างมาเอง และต้องใช้ประมาณ 20 คน ค่ากินอยู่ในกรุงเทพอีก
ผมดีดตัวเลขมาคร่าวๆ น่าจะต้องใช้จริงประมาณเกือบ 3 เท่าของค่าเรียน
และทั้งหมดนี่อาจหมดไปฟรีๆเพราะลูกสาวผมเจอ passion เรื่องอื่น
ผมได้แต่คิดในใจว่า ทำไมกำแพงในการสร้าง POW ของเด็กคนนึงมันถึงได้สูงขนาดนี้วะ
ขนาดว่าเจอสิ่งที่ชอบแล้ว
มีพ่อแม่ที่เข้าใจแล้ว
ยังต้องมีกำลัง effort ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องด้วย
ผมนึกเสียดายแทนเด็กที่ไม่มีโอกาสทำเรื่องพวกนี้ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเด็กส่วนใหญ่ในประเทศ เด็กรุ่นที่เราเชื่อกันว่าจะเป็น gen ที่ adopt บิทคอยน์
gen ที่อาจจะได้เจอกับตลาดเสรีจริงๆที่มันโหดร้ายมาก
แล้วทั้งหมดนี่ของลูกสาวผมเอง มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น มันยังต้องเอาเวลา พลังงาน และก็น่าจะเงินด้วย เข้าไปแลกอีกเยอะเลย
ถ้าคุณยังไม่เจอสิ่งที่คุณอยากทำคุณจะแพ้คนที่เค้าเจอก่อน
ถ้าคุณเจอตัวคุณแล้ว แต่คุณสร้าง POW ไม่มากพอ คุณจะแพ้คนที่เค้ายอมแลกมากกว่า
ถ้าคุณสร้าง POW มากแล้ว แต่ไม่สามารถเอา POW ของคนรุ่นก่อนหน้ามาใช้ หรือไม่สามารถส่งต่อ POW ให้รุ่นถัดไป คุณจะแพ้คนที่เค้าทำได้
ทั้งหมดผมแค่อยากชวนให้คิดว่า กำแพงของเรื่องนี้มันสูงมากนะ และจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วตอนนี้คุณอยู่ ณ จุดไหนของ process กันล่ะ”
#ทีมตรู่
#siamstr