stellar on Nostr: ...
มนุษย์เกิดมาเพื่อส่งต่อคุณค่า องค์ความรู้ วัฒนธรรม และ นวัตกรรม ไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานของพวกเขา ⚡
ถ้าเกิดไม่มีทายาทสืบทอดองค์ความรู้หรือปัจจัยที่กล่าวมาด้านบน มนุษย์คงไม่สามารถพัฒนาและเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างที่
เป็นอยู่ทุกวันนี้
ถ้ากล่าวอย่างง่ายมันก็คือ Proof of work ที่ส่งต่อกันมาจาก generation สู่ generation จากการค้นพบการใช้ไฟ มาจนถึงการค้นพบไฟฟ้าที่ทำให้ยังมีแสงส่องสว่างๆ ในช่วงกลางคืนที่มืดมิด อาจจะผ่านการบอกเล่า หรือ เมื่อสังคมมนุษย์เริ่มพัฒนาขึ้น ก็ผ่านการบันทึกเป็นภาษาเขียน
ตัว Proof of work เองไม่ใช่แค่ความมั่งคั่ง แต่เป็นทักษะ ความรู้ หรือ แม้แต่มุมมองแนวคิดที่ทำให้มนุษย์ใช้ในการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ หรือ แม้แต่ใช้ในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนรุ่นหลังให้ดีขึ้น คำว่า Proof of work มันจึงเป็นคำที่เหมาะมากที่จะใช้อธิบายการพัฒนาของสังคมมนุษย์
ถ้ามองดีๆจะเห็นว่ามันอยู่คู่กับเผ่าพันธ์ุเรามาอย่างยาวนาน จนกระทั่งทุกวันนี้มันก็ยังคงอยู่ แม้จะมีคนมีอำนาจมากมายที่พยายามจะขโมย Proof of work เหล่านี้ของเราไป อีกทั้งยังไม่สร้าง Productivity ใดๆให้สังคม แต่ตามกลไกลธรรมชาติมันก็จะมีคนอีกฝั่งที่พยายามหาวิธีไม่ให้คนเหล่านั้นขโมย Proof of work ของเราไปได้ และโต้กลับเพื่อคืนสมดุลให้กับเผ่าพันธ์ุเรา อาจจะเรียกได้ว่าเป็น self-defense mechanism นั่นแหละ
ตัวอย่างง่ายๆก็คือ Satoshi Nakamoto ที่สร้างบิตคอยมาเพื่อเป็นทางออกจากเงื้อมมือของผู้คนเหล่านี้
ถึงแม้ว่าในอีกร้อยปีพันปีข้างหน้า Bitcoin จะเป็นเพียงนวัตกรรมที่ดูปกติ สำหรับสายตาคนสมัยนั้น แต่เรื่องราวของการปลอดแอกและช่วยคืนสมดุลให้กับมนุษชาติ มันจะเป็นเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ยิ่งกว่าตัวเทคโนโลยีของ Bitcoin เสียอีก
เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าเราทุกคนเมื่อได้รู้ถึง Proof of work แล้ว เราจะส่งต่อคุณค่าเฉกเช่นเดียวกับที่ Satoshi ทำ มันไม่จำเป็นต้องถึงขนาดปฏิวัติอะไรหรอก แค่สานต่อองค์ความรู้ ส่งต่อประสบการณ์ที่เราได้รับในช่วงชีวิต มอบคุณค่า ความมั่งคั่ง และเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตให้กับคนรุ่นหลัง
ผมว่ามันก็ยิ่งใหญ่มากแล้ว จริงๆ 🔥
GM ล่วงหน้าครับผม ✨
#Siamstr #siamstr #siamstrOG
ถ้าเกิดไม่มีทายาทสืบทอดองค์ความรู้หรือปัจจัยที่กล่าวมาด้านบน มนุษย์คงไม่สามารถพัฒนาและเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างที่
เป็นอยู่ทุกวันนี้
ถ้ากล่าวอย่างง่ายมันก็คือ Proof of work ที่ส่งต่อกันมาจาก generation สู่ generation จากการค้นพบการใช้ไฟ มาจนถึงการค้นพบไฟฟ้าที่ทำให้ยังมีแสงส่องสว่างๆ ในช่วงกลางคืนที่มืดมิด อาจจะผ่านการบอกเล่า หรือ เมื่อสังคมมนุษย์เริ่มพัฒนาขึ้น ก็ผ่านการบันทึกเป็นภาษาเขียน
ตัว Proof of work เองไม่ใช่แค่ความมั่งคั่ง แต่เป็นทักษะ ความรู้ หรือ แม้แต่มุมมองแนวคิดที่ทำให้มนุษย์ใช้ในการเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่างๆ หรือ แม้แต่ใช้ในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนรุ่นหลังให้ดีขึ้น คำว่า Proof of work มันจึงเป็นคำที่เหมาะมากที่จะใช้อธิบายการพัฒนาของสังคมมนุษย์
ถ้ามองดีๆจะเห็นว่ามันอยู่คู่กับเผ่าพันธ์ุเรามาอย่างยาวนาน จนกระทั่งทุกวันนี้มันก็ยังคงอยู่ แม้จะมีคนมีอำนาจมากมายที่พยายามจะขโมย Proof of work เหล่านี้ของเราไป อีกทั้งยังไม่สร้าง Productivity ใดๆให้สังคม แต่ตามกลไกลธรรมชาติมันก็จะมีคนอีกฝั่งที่พยายามหาวิธีไม่ให้คนเหล่านั้นขโมย Proof of work ของเราไปได้ และโต้กลับเพื่อคืนสมดุลให้กับเผ่าพันธ์ุเรา อาจจะเรียกได้ว่าเป็น self-defense mechanism นั่นแหละ
ตัวอย่างง่ายๆก็คือ Satoshi Nakamoto ที่สร้างบิตคอยมาเพื่อเป็นทางออกจากเงื้อมมือของผู้คนเหล่านี้
ถึงแม้ว่าในอีกร้อยปีพันปีข้างหน้า Bitcoin จะเป็นเพียงนวัตกรรมที่ดูปกติ สำหรับสายตาคนสมัยนั้น แต่เรื่องราวของการปลอดแอกและช่วยคืนสมดุลให้กับมนุษชาติ มันจะเป็นเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ยิ่งกว่าตัวเทคโนโลยีของ Bitcoin เสียอีก
เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าเราทุกคนเมื่อได้รู้ถึง Proof of work แล้ว เราจะส่งต่อคุณค่าเฉกเช่นเดียวกับที่ Satoshi ทำ มันไม่จำเป็นต้องถึงขนาดปฏิวัติอะไรหรอก แค่สานต่อองค์ความรู้ ส่งต่อประสบการณ์ที่เราได้รับในช่วงชีวิต มอบคุณค่า ความมั่งคั่ง และเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตให้กับคนรุ่นหลัง
ผมว่ามันก็ยิ่งใหญ่มากแล้ว จริงๆ 🔥
GM ล่วงหน้าครับผม ✨
#Siamstr #siamstr #siamstrOG