Panai Lawasut on Nostr: ออกตัวก่อน : ...
ออกตัวก่อน : โน้ตนี้ไม่น่าจะให้ value กับใครทั้งสิ้นในทุ่งม่วงนี้ ฉันบ่นถึงคนรอบตัวฉันบน social กระแสหลักล้วนๆ ข้ามได้ข้าม ถ้าข้ามไม่ได้ เราหัวอกเดียวกัน 😘
ฉันทำ if มานานแล้ว ตั้งกะยังไม่รู้จักบิทคอย ตั้งกะหมอป๊อปยังไม่เริ่มทำช่องเลยด้วยซ้ำ แค่นับเฉพาะที่ทานวันละมื้อก็ 6-7 ปีแล้ว
ช่วงแรกที่เริ่มเข้าใจไอเดียของการดูแลสุขภาพมันเปิดโลกมากเลย มันเหมือนตอนเริ่มเข้าใจบิทคอยเลย
ฉันคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนบนโลกควรรู้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรอบตัวที่ฉันรัก ฉันกระหน่ำดูคลิปพวกนี้เป็น 1,000 ชม. ทั้งไทยและเทศ เพราะเพื่อจะได้เข้าใจมันจริงๆแล้วเอาไปเล่าต่อได้ โดยเฉพาะช่วงที่หมอป๊อปเริ่มทำคลิป ความรู้ความเข้าใจมันเพิ่มขึ้นเยอะมาก แถมมีคลิปป้ายยาส่งต่อให้คนอื่นดูได้อีกเพียบ
ช่วงนั้นมันเหมือนมีคำว่า if อยู่บนหน้าพากฉัน คุยอะไรกับใครก็จะคอยพาบทสนทนามาเข้าเรื่องนี้ตลอด ก็ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันสำคัญจริงๆนิ
แต่ก็ไม่ต่างจากการป้ายยาส้มเลย พูดเรื่องการเงินทุกคนเข้าใจว่าสำคัญ พอเล่าไปถึง solution คนส่วนใหญ่กลับส่ายหน้า เรื่องสุขภาพฉันให้ความสำคัญมากกว่าเรื่องการเงินอีก พอเล่าถึงวิธีการปรับพฤติกรรมเพื่อสุขภาพ คนส่วนใหญ่กลับยอมแพ้
มันเป็นเรื่องเข้าใจได้ แล้วฉันก็ไม่คิดจะไปตัดสินวิธีคิดของคนอื่น เราอยู่ในเกมส์ที่ถูกสื่อกระแสหลักหล่อหลอมมาให้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว
แต่พอหนักเข้าเรื่อยๆ ฉันเองแหละที่เริ่มยอมแพ้ที่จะเล่าเรื่องพวกนี้ให้ใครฟัง เพราะสุดท้ายมันกลับให้ผลตรงกันข้ามกับความตั้งใจของเรา
หลายๆคนกลับกลายมาเป็นห่วงเราแทน หลายๆคนมองเราว่าถูกลัทธิอะไรซักอย่างล้างสมอง หลายครั้งเราถูกเอาไปเป็นโจ๊คในวงสนทนา
ฉันเลิกพูดถึงเรื่องการดูแลสุขภาพไปนานละ แม้กระทั่งเวลามีคนมาบ่นเรื่องสุขภาพให้เราฟัง แล้วเราก็รู้วิธีการแก้ไขด้วย ฉันยังไม่พยามจะเล่าให้ฟังเลย
และมันทำให้ฉันอยู่ของฉันได้อย่างสงบมานานแล้ว
แต่วันนี้มันจะอะไรกันหนักกันหนา..!!!
ฉันลบ FB ไปพักใหญ่แล้ว จะมีดราม่าอะไรกันก็ไม่รู้เรื่องเลย (แต่นี่คือเหตุที่ลบมันไม่ใช่รึ) กลับมีคนรอบตัวแคปโพสไม่ก็เซฟรูปงานวิจัยที่รายงานโดย AHA ส่งมากันเต็มไปหมด (จริงๆก็ไม่เยอะหรอก แต่มากกว่า 2 ก็ดูผิดวิสัยละ)
จริงๆฉันก็ไม่สนใจหรอก คิดว่าก็ไม่น่ามีอะไรต่างจาก narrative เดิมๆ แต่พอเริ่มมีคนที่3 ส่งมานี่ฉันเริ่มหงุดหงิดละ ถึงกะต้องตามไปดู
แล้วก็พบว่า เอ๊า..มันก็ไม่มีอะไรนิ !! งานวิจัยก็ไม่ใช่ตัวเต็ม เอาแค่เรื่องกลุ่มตัวอย่างคนทำ if 20,000 คนนี่ ฉันก็ตกใจละ มึงไปหามากจากไหนวะ fat adapted กันหมดแล้วมั้ย คงไม่ใช่ไปบังคับเอาคนมางดอาหาร 16ชม. จนเครียด แล้วตรวจเจอคอติซอลเต็มเลือดไปหมดแล้วบอกว่าเสี่ยงหัวใจนะ ถ้างั้นพระพุทธศาสนาคงไม่อายุ 2 พันกว่าปีได้หรอกมั้ง พระสงฆ์คงอาพาธกันหมดแล้ว
ทุกคนที่พยามถามกันมาหลังไมค์ด้วยความเป็นห่วง ขอบคุณมากที่เป็นห่วงกัน แต่เอาจริงๆ รู้มั้ยฉันคิดอะไรอยู่
พวกเอ็งมันอ่อนไง..!!!! เป็นพวก Loser ไง..!!!
พวกเอ็งก็แค่พยามหาความชอบธรรมให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น พวกเอ็งมันวินัยต่ำ เอาชนะความต้องการของตัวเองไม่ได้ เลือกแต่อะไรที่มันง่ายกว่าก่อน เข้าใจอยู่ว่าสื่อสังคมมันสอนเรามาอีกแบบแต่พวกเอ็งก็ไม่เปิดใจรับฟัง เพราะมันง่ายกว่าที่จะเชื่อแบบเก่า ทำเหมือนที่คนอื่นเค้าทำกันมันเพลย์เซฟ
ถ้าแค่ใจตัวเองยังเอาชนะไม่ได้ พวกเอ็งอย่าหวังเอาชนะเรื่องอื่นบนโลกเฟียตๆนี้เลย ไม่ต้องเลยเถิดไปคุยกันเรื่อง POW หรอก พวกเอ็งทำมันไม่ได้แน่
แล้วไม่ต้องพยามใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง ฉันมองข้ามเรื่องนี้ไปนานแล้ว ฉันมองพวกเอ็งด้วยความสงสารด้วยซ้ำ
แม่งเอ๊ย..พูดแล้วขึ้น!!
สบายใจละ..ขอบคุณพื้นที่ทุ่งม่วง ฉันคงไม่กล้าไปบ่นบนโลกโซเชียลกระแสหลัก ไม่รู้ไอ้เรื่องนี้มันไวรัลขนาดนี้ได้ไง แต่ดูแล้วร้านขนมเฟียตของฉันคงอยู่ไปอีกนานแน่นอน 5555555 🤭🤭🤭
พ่อค้ายาบ่นพ่อค้ายาด้วยกัน
เห็นหมอบ่น อยากบ่นมั่ง
#ToffeecakeCartel
#siamstr
ฉันทำ if มานานแล้ว ตั้งกะยังไม่รู้จักบิทคอย ตั้งกะหมอป๊อปยังไม่เริ่มทำช่องเลยด้วยซ้ำ แค่นับเฉพาะที่ทานวันละมื้อก็ 6-7 ปีแล้ว
ช่วงแรกที่เริ่มเข้าใจไอเดียของการดูแลสุขภาพมันเปิดโลกมากเลย มันเหมือนตอนเริ่มเข้าใจบิทคอยเลย
ฉันคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนบนโลกควรรู้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรอบตัวที่ฉันรัก ฉันกระหน่ำดูคลิปพวกนี้เป็น 1,000 ชม. ทั้งไทยและเทศ เพราะเพื่อจะได้เข้าใจมันจริงๆแล้วเอาไปเล่าต่อได้ โดยเฉพาะช่วงที่หมอป๊อปเริ่มทำคลิป ความรู้ความเข้าใจมันเพิ่มขึ้นเยอะมาก แถมมีคลิปป้ายยาส่งต่อให้คนอื่นดูได้อีกเพียบ
ช่วงนั้นมันเหมือนมีคำว่า if อยู่บนหน้าพากฉัน คุยอะไรกับใครก็จะคอยพาบทสนทนามาเข้าเรื่องนี้ตลอด ก็ฉันคิดว่าเรื่องนี้มันสำคัญจริงๆนิ
แต่ก็ไม่ต่างจากการป้ายยาส้มเลย พูดเรื่องการเงินทุกคนเข้าใจว่าสำคัญ พอเล่าไปถึง solution คนส่วนใหญ่กลับส่ายหน้า เรื่องสุขภาพฉันให้ความสำคัญมากกว่าเรื่องการเงินอีก พอเล่าถึงวิธีการปรับพฤติกรรมเพื่อสุขภาพ คนส่วนใหญ่กลับยอมแพ้
มันเป็นเรื่องเข้าใจได้ แล้วฉันก็ไม่คิดจะไปตัดสินวิธีคิดของคนอื่น เราอยู่ในเกมส์ที่ถูกสื่อกระแสหลักหล่อหลอมมาให้เป็นแบบนี้อยู่แล้ว
แต่พอหนักเข้าเรื่อยๆ ฉันเองแหละที่เริ่มยอมแพ้ที่จะเล่าเรื่องพวกนี้ให้ใครฟัง เพราะสุดท้ายมันกลับให้ผลตรงกันข้ามกับความตั้งใจของเรา
หลายๆคนกลับกลายมาเป็นห่วงเราแทน หลายๆคนมองเราว่าถูกลัทธิอะไรซักอย่างล้างสมอง หลายครั้งเราถูกเอาไปเป็นโจ๊คในวงสนทนา
ฉันเลิกพูดถึงเรื่องการดูแลสุขภาพไปนานละ แม้กระทั่งเวลามีคนมาบ่นเรื่องสุขภาพให้เราฟัง แล้วเราก็รู้วิธีการแก้ไขด้วย ฉันยังไม่พยามจะเล่าให้ฟังเลย
และมันทำให้ฉันอยู่ของฉันได้อย่างสงบมานานแล้ว
แต่วันนี้มันจะอะไรกันหนักกันหนา..!!!
ฉันลบ FB ไปพักใหญ่แล้ว จะมีดราม่าอะไรกันก็ไม่รู้เรื่องเลย (แต่นี่คือเหตุที่ลบมันไม่ใช่รึ) กลับมีคนรอบตัวแคปโพสไม่ก็เซฟรูปงานวิจัยที่รายงานโดย AHA ส่งมากันเต็มไปหมด (จริงๆก็ไม่เยอะหรอก แต่มากกว่า 2 ก็ดูผิดวิสัยละ)
จริงๆฉันก็ไม่สนใจหรอก คิดว่าก็ไม่น่ามีอะไรต่างจาก narrative เดิมๆ แต่พอเริ่มมีคนที่3 ส่งมานี่ฉันเริ่มหงุดหงิดละ ถึงกะต้องตามไปดู
แล้วก็พบว่า เอ๊า..มันก็ไม่มีอะไรนิ !! งานวิจัยก็ไม่ใช่ตัวเต็ม เอาแค่เรื่องกลุ่มตัวอย่างคนทำ if 20,000 คนนี่ ฉันก็ตกใจละ มึงไปหามากจากไหนวะ fat adapted กันหมดแล้วมั้ย คงไม่ใช่ไปบังคับเอาคนมางดอาหาร 16ชม. จนเครียด แล้วตรวจเจอคอติซอลเต็มเลือดไปหมดแล้วบอกว่าเสี่ยงหัวใจนะ ถ้างั้นพระพุทธศาสนาคงไม่อายุ 2 พันกว่าปีได้หรอกมั้ง พระสงฆ์คงอาพาธกันหมดแล้ว
ทุกคนที่พยามถามกันมาหลังไมค์ด้วยความเป็นห่วง ขอบคุณมากที่เป็นห่วงกัน แต่เอาจริงๆ รู้มั้ยฉันคิดอะไรอยู่
พวกเอ็งมันอ่อนไง..!!!! เป็นพวก Loser ไง..!!!
พวกเอ็งก็แค่พยามหาความชอบธรรมให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น พวกเอ็งมันวินัยต่ำ เอาชนะความต้องการของตัวเองไม่ได้ เลือกแต่อะไรที่มันง่ายกว่าก่อน เข้าใจอยู่ว่าสื่อสังคมมันสอนเรามาอีกแบบแต่พวกเอ็งก็ไม่เปิดใจรับฟัง เพราะมันง่ายกว่าที่จะเชื่อแบบเก่า ทำเหมือนที่คนอื่นเค้าทำกันมันเพลย์เซฟ
ถ้าแค่ใจตัวเองยังเอาชนะไม่ได้ พวกเอ็งอย่าหวังเอาชนะเรื่องอื่นบนโลกเฟียตๆนี้เลย ไม่ต้องเลยเถิดไปคุยกันเรื่อง POW หรอก พวกเอ็งทำมันไม่ได้แน่
แล้วไม่ต้องพยามใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง ฉันมองข้ามเรื่องนี้ไปนานแล้ว ฉันมองพวกเอ็งด้วยความสงสารด้วยซ้ำ
แม่งเอ๊ย..พูดแล้วขึ้น!!
สบายใจละ..ขอบคุณพื้นที่ทุ่งม่วง ฉันคงไม่กล้าไปบ่นบนโลกโซเชียลกระแสหลัก ไม่รู้ไอ้เรื่องนี้มันไวรัลขนาดนี้ได้ไง แต่ดูแล้วร้านขนมเฟียตของฉันคงอยู่ไปอีกนานแน่นอน 5555555 🤭🤭🤭
พ่อค้ายาบ่นพ่อค้ายาด้วยกัน
เห็นหมอบ่น อยากบ่นมั่ง
#ToffeecakeCartel
#siamstr