Hipknox on Nostr: ## นิทานยามบ่าย ### เรื่อง : ...
## นิทานยามบ่าย
### เรื่อง : เทพเจ้าแห่งความเท่าเทียม
*Caution : เรื่องแต่ง*
#### ณ โลกคู่ขนาน
มนุษย์ 1 : ไม่ไหวแล้ว.. โลกตอนนี้มีแต่ความเหลื่อมล้ำ มันจะมากเกินไปแล้ว คนจนจะอดตายกันหมด คนรวยกลับรวยเอา ๆ
มนุษย์ 2 : อยากได้รัฐสวัสดิการ.. เมื่อไหร่คนรวยจะยอมแบ่งเงินที่หาได้ปีละเยอะ ๆ ไปจ่ายภาษีให้รัฐเพิ่มวะ.. ไอ้พวกเห็นแก่ตัวเอ้ย.. รวยแล้วยังจะงกอีก
คนรวย : ...
มนุษย์ 1 : ไม่ได้การละ รอรัฐมันคงจะช้าเกินไป พวกเราไปขอพรกับเทพเจ้าแห่งความเท่าเทียมกันดีกว่า ดูสิว่าเทพเจ้าจะช่วยอะไรเราได้บ้าง
มนุษย์ 2 : ดี ๆ เราไปกันเลย ในเมื่อรัฐแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันไม่ได้ เราคงต้องพึ่งพาเทพเจ้าแล้วหละ..
คนรวย : อย่า.. พวกมึงหยุดเลยนะ กูยอมจ่ายภาษีแพง ๆ แล้วก็ได้
มนุษย์ 1 : ทำไมล่ะ? กลัวอะไร? กลัวว่าพวกเราจะเท่าเทียมกันหรอ.. พวกคนรวย ๆ อย่างมึงแม่งเห็นแก่ตัวจริง ๆ
มนุษย์ 2 : ใช่ ๆ ทีนี้แหละ มึงกับกูจะได้เท่าเทียมกันสักที
คนรวย : ...
#### ณ วิหารศักดิ์สิทธิ์
เทพเจ้า (ทท) : โห้.. มนุษย์อย่างพวกเจ้ามีธุระอะไรกับข้า ผู้ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความเท่าเทียมกันล่ะ?
มนุษย์ 1 : ข้าได้ยินมาว่าท่านเป็นเทพเจ้าที่สามารถให้พรแห่งความเท่าเทียมได้ ตอนนี้มนุษย์บนโลกกำลังเกิดสภาวะของความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรง คนที่จนกลับจนลง ส่วนคนที่รวยกับรวยเอา ๆ ถ้าพวกเรามีเงินอย่างเท่าเทียมกัน พวกเราก็คงจะไม่ต้องทุกข์ยากแบบนี้
เทพเจ้า (ทท) : อืม.. งั้นพวกเจ้าก็คิดว่าสาเหตุนั้นมาจากเงินใช่มั้ย?
มนุษย์ 1 : ใช่แล้วท่าน ถ้าหากว่ามนุษย์ทุกคนร่ำรวยมีเงินทองเหมือน ๆ กัน พวกเราทุกคนก็จะเท่าเทียมกันได้
มนุษย์ 2 : พวกเราคิดกันมาแล้ว เราอยากจะขอพรที่ทำให้พวกเรามีเงินใช้แบบคนรวย ๆ โดยที่ไม่ต้องออกไปทำงานให้เหน็ดเหนื่อยก็สามารถมีเงินใช้ได้ตลอดเวลา
เทพเจ้า (ทท) : โหว.. มีเงินใช้โดยที่ไม่ต้องทำงานอย่างงั้นเหรอ? น่าสนใจดีนิ ว่าแต่พวกเจ้าคิดว่าพวกคนที่รวย ๆ เขาไม่ต้องทำงานกันรึยังไง?
มนุษย์ 1 : ก็จริงอยู่ที่พวกเราต่างก็ต้องทำงานเพื่อหาเงิน แต่ถ้าพวกเราทุกคนมีเงิน เราก็ไม่จำเป็นจะต้องออกไปทำงานไงท่าน มันจะไม่มีอีกต่อไปสิ่งที่เรียกว่าคนรวยและคนจน จะไม่มีความแตกต่างที่สร้างความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันให้เกิดขึ้นอีก
มนุษย์ 2 : ใช่ ๆ เพราะว่าตอนนี้คนรวยที่รวยมาก ๆ ก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ต่างจากพวกเราที่ทำงานกันแทบตายก็ยังไม่รวยสักที
เทพเจ้า (ทท) : อืม ๆ เราเข้าใจความคิดของมนุษย์อย่างพวกเจ้าแล้ว ถ้าอย่างนั้นจงรับเอาพรแห่งความเท่าเทียมของข้าไป
มนุษย์ 1,2 : (ซุบซิบ) จะมาแล้ว ๆ ... พวกเราจะสบายกันแล้ว
เทพเจ้า (ทท) : นับจากนี้ไป ข้าจะให้มนุษย์ทุก ๆ คนมีเงินใช้ 1 ยูนิต ต่อ 1 วินาทีอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่มีเงื่อนไข คนที่มีบัญชีธนาคารจะมีเงินเพิ่มขึ้นทุก ๆ 1 วินาที ส่วนคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารจะมียูนิตในรูปแบบของเงินกระดาษหรือเหรียญเพิ่มขึ้น 1 ยูนิตทุก ๆ 1 วินาที
และไม่ว่าพวกเจ้า มนุษย์คนใดคนหนึ่งคิดจะหลีกเลี่ยงผลของพรที่ข้าให้ไปนี้ด้วยการสร้างสกุลเงินใหม่ขึ้นมา พวกมันก็จะไร้การควบคุมและเพิ่มจำนวนขึ้นเองได้เมื่อมีคนให้ค่ายอมรับมัน จะเป็นเช่นเดียวกันกับเงินยูนิตเสมอ ซึ่งพวกเจ้าทุก ๆ คนจะมีเงินใช้แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ออกไปทำงานเลยก็ตาม พวกเจ้าทุก ๆ คนจะมีเงินเพิ่มขึ้นอย่างเท่าเทียมกันตามคำขอที่พวกเจ้าปรารถนา
มนุษย์ 1 : เห้ย..โคตรดี ไม่คิดเลยว่าเทพเจ้าแห่งความเท่าเทียมจะใจดีขนาดนี้ แบบนี้มันได้ตามสิ่งที่ขอเลย
มนุษย์ 2 : ใช่ ๆ แค่นี้พวกเราก็จะมีเงินใช้อย่างเท่าเทียมโดยที่ไม่ต้องออกไปลำบากทำงานกันแล้ว ดีใจน้ำตาไหลพราก
มนุษย์ 1 : ขอบคุณท่านเทพมาก ๆ เลยนะท่าน ท่านปรารถนาสิ่งตอบแทนใดจากพวกเรา ท่านบอกพวกเรามาได้เลย
เทพเจ้า (ทท) : หึหึ.. มนุษย์อย่างพวกเจ้าจะให้อะไรกับข้าที่เป็นเทพเจ้าได้กันเล่า อ่า..นอกซะจากความบันเทิงล่ะนะ
มนุษย์ 1,2 : ความบันเทิงอย่างงั้นเหรอ..?
#### เช้าวันถัดมา
คนรวย : เช้า ๆ แบบนี้สั่งกาแฟสักแก้วดีกว่า เอิ่ม.. เข้าแอพ หาร้าน เลือกเมนู แล้วก็กดสแกนจ่าย..
คนรวย : (เปิดดูบัญชี) ชิบหายแล้ว.. นี่มันเชี่ยอะไรวะเนี่ย? ทำไมอยู่ ๆ บัญชีธนาคารมันถึงมีเงินเด้งเข้าบัญชีรัว ๆ แบบนี้ได้วะ (เปิดทีวี)
ผู้ประกาศข่าว (TV1) : ขณะนี้มีผู้คนจำนวนมากออกไปจับจ่ายใช้เงินซื้อสินค้ากันตามห้างสรรพสินค้า จนสินค้าตามเชลฟ์สินค้าหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือแล้ว
ผู้ประกาศข่าว (TV2) : เบื้องต้นจากข้อมูลแถลงการออกมาจากทางภาครัฐ พบว่าบัญชีเงินฝากของคนในประเทศตอนนี้อยู่ ๆ ก็เพิ่มขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก และขอให้ประชาชนงดออกไปจับจ่ายซื้อขายสินค้ากันชั่วคราว
ผู้ประกาศข่าว (TV3) : มีแถลงการณ์จากธนาคารกลางแจ้งว่า ในตอนนี้พวกเราไม่สามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของเงินในบัญชีได้อีกต่อไป ทางธนาคารกลางได้ทำการทดลองเปิดใช้งานระบบเงินดิจิตอลสกุลใหม่รูปแบบ CBDC ที่มีแผ่นจะนำมาใช้ในปีหน้า แต่ก็ปรากฏว่าไม่สามารถที่จะควบคุมการเพิ่มขึ้นเองของเงินในระบบได้เช่นกัน
ผู้ประกาศข่าว (TV4) : มีรายงานข่าวเข้ามาครับ พบว่ามีเหตุการณ์แปลกประหลาด ประชาชนที่พบว่ามีเงินเข้าบัญชีอย่างไม่ทราบสาเหตุได้แห่กันออกไปถอนเงินจากตู้ ATM เพราะกลัวว่าบัญชีธนาคารจะถูกอายัด ทุกคนที่ไปถอนเงินต่างก็พบว่าตู้ ATM สามารถกดเงินออกมาได้เรื่อย ๆ ราวกับว่าตู้ ATM มันกลายเป็นเครื่องพิมพ์เงินไปแล้วครับ
ผู้ประกาศข่าว (TV5) : บะ..บ้าไปแล้ว แม้ตัวเลขในสมุดบัญชีธนาคารมันก็ยังเพิ่มขึ้นเองได้
คนรวย : ชิบหายแล้ว ไม่ใช่แค่ตัวเลขเงินในบัญชี เงินกระดาษก็ยังโดนไปด้วยหรอ.. ไอ้สองคนนั่นเอาจริงสินะ
มนุษย์ 1 : ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง คิด ๆ แล้วก็มีความสุขจริง ๆ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีเงินเยอะขนาดนี้เลย
มนุษย์ 2 : มีเงินเด้งเข้าบัญชี 1 ยูนิตต่อ 1 วินาที ตกชั่วโมงละ 3,600 ยูนิต วันนึงก็ 86,400 ยูนิตแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเดือน ๆ นึงจะมีเท่าไหร่..
มนุษย์ 1 : พวกเราออกไปซื้อเบียร์ที่ร้านชำหน้าปากซอยมาฉลองกันดีกว่า จากนี้ไปเราก็จะไม่ต้องออกไปทำงานอีกแล้ว
มนุษย์ 2 : ดีเลย งั้นเดี๋ยวกูขอไปที่ทำงานแป็ปนะ จะไปลาออก ฮ่า ๆ ๆ เดี๋ยวขากลับจะแวะซื้อกับแกล้มมาให้
มนุษย์ 2 : มีสตางค์นะมันช่างดีนะเออ.. (ร้องเพลง)
#### ณ ร้านขายของชำ
มนุษย์ 1 : ลุง.. ผมขอซื้อเบียร์ 2 ลัง วันนี้จะฉลองสักหน่อย
เจ้าของร้าน : มีอะไรน่าดีใจจนถึงกับต้องฉลองด้วยหรอ? อืม.. ได้ ๆ เบียร์ 2 ลัง ทั้งหมด 0.002 BTC รับทั้ง On-Chain และ Lightning
มนุษย์ 1 : ห๊ะ.. BTC อะไรวะลุง เล่นตลกอะไรเนี่ย? เบียร์ 2 ลังกี่ยูนิต ผมกำลังรีบ ๆ อยู่
เจ้าของร้าน : ยูนิตอย่างงั้นหรอ? ใครจะบ้า ปัญญาอ่อนรับเงินที่มันเพิ่มขึ้นได้เองในบัญชีกันล่ะ? ถ้าจะให้ขายเบียร์เป็นเงินนั่น กูปิดร้านแล้วไปนอนชักxาวดีกว่า จะมาเปิดร้านขายของอยู่ทำซากอะไร
มนุษย์ 1 : อ้าว เห้ย ลุง.. ก็ในกฎหมายมันเขียนไว้อยู่เนี่ยว่าเงินยูนิตมันใช้สำหรับชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย คนขายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ พูดงี้อยากติดคุกหรอลุง
เจ้าของร้าน : อ่า.. งั้นกูขอให้มึงรีบ ๆ โทรแจ้งตำรวจเลยครับ ถ้ามันยังมีคนทำงานเป็นตำรวจให้มึงอยู่อะนะ.. อีกอย่าง แทนที่จะมาหาซื้อเบียร์มึงรีบไปหาแย้งซื้อพวกน้ำเปล่ากับพวกอาหารแห้งจะดีกว่า
เจ้าของร้าน : เพื่อนกูที่ทำนาอยู่ต่างจังหวัดโทรมาบอกว่าเลิกขายข้าวเป็นยูนิตแล้วรับแลกเป็นอย่างอื่นแทน ส่วนเพื่อนอีกคนที่เป็นคนขับรถส่งของก็เพิ่งจะโทรมาบอกว่าตอนนี้ลาออกนอนอยู่บ้านเฉย ๆ แล้ว ให้ตายสิ
เจ้าของร้าน : พวกงานบริการ เด็กเสิร์ฟ คนขับรถ คนขายอาหารตามสั่ง ไปจนถึงพวกข้าราชการตอนนี้ไม่มีใครทำงานกันแล้ว.. ก็แหงสิ อยู่เฉย ๆ ก็มีเงินเข้าบัญชีรัว ๆ ใครมันจะออกไปทำงานกันวะ แล้วเองน่ะ คิดว่ามีเงินให้ใช้ฟรี ๆ กะว่าสบายแล้วสิ จะฝันก็เอาไว้ตอนที่กำลังนอนเถ๊อะ ฮ่า ๆ ๆ
มนุษย์ 1 : ...
#### ณ บริษัทของมนุษย์ 2
ประทานบริษัท : ตอนนี้เรากำลังเจอกับวิกฤติการเงินแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และผมเข้าใจดีว่าในตอนนี้มีพวกคุณหลายคนกำลังคิดว่าจะลาออกจากบริษัท เพราะว่าทุก ๆ คนมีเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้นเองได้โดยที่ไม่ต้องมาทำงาน ผมอยากให้ทุก ๆ คนใจเย็น ๆ แล้วตั้งสติดี ๆ
ประทานบริษัท : สำหรับบริษัทของเราที่มีกลุ่มพันธมิตรในเครือกำลังพิจารณาในการหาสิ่งที่จะมาเป็นตัวกลางสำหรับการแลกเปลี่ยนใหม่ ซึ่งพวกเรากำลังค้นหาสิ่งที่สามารถใช้เป็นเงินโดยที่ตัวของมันไม่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นเองแบบเกิดขึ้นกับเงินในเวลานี้
ประทานบริษัท : และจากที่พวกเราทดลองค้นหามาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเงินในบัญชี เงินกระดาษ หรือแม้แต่ธนาคารกลางที่ทดลองเปลี่ยนสกุลเงินใหม่ ทุก ๆ ครั้งหลังจากที่เริ่มใช้งานมัน พวกมันก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นเองในบัญชีของทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องกับมัน
ประทานบริษัท : ดังนั้นหลังจากที่พยายามค้นหาแล้ว มีเพียงแค่ทองคำเท่านั้นที่มันไม่ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเองได้ แต่ปัญหาก็คือพวกเราจะเอาทองคำมาใช้แลกเปลี่ยนนำเข้าสินค้าได้ยังไง ถ้าจะให้แบ่งพื้นที่ของเรือบรรทุกสินค้าเพื่อเอาไปใช้ในการขนทองคำมันคงไม่ดีแน่ ๆ
พนักงาน 1 : ขอโทษนะครับ ผมเคยอ่านเจอในหนังสือว่าก่อนหน้านี้พวกเราเคยใช้ตั๋วแลกทองคำกันนิครับ ถ้าพวกธนาคารสร้างสกุลเงินใหม่โดยที่ใช้ทองคำหนุนหลัง แบบนั้นก็น่าจะไม่มีปัญหานะครับ
ประทานบริษัท : พวกเขาทดลองแล้ว สุดท้ายแล้วถึงจะมีทองคำอยู่ในรีเสิร์ฟของพวกเขาในการหนุนค่าเงิน แต่อยู่ ๆ เงินในระบบก็จะเพิ่มขึ้นเองได้อยู่ดี ไม่ต่างจากปกติที่เงินมันก็ถูกผลิตเพิ่มโดยนโยบายของธนาคารกลาง ตอนนี้มันก็แค่เปลี่ยนมาถูกผลิตขึ้นเองโดยที่เข้าสู่มือของประชาชนโดยตรง
พนักงาน 2 : ท่านประทานครับ คือจริง ๆ แล้วผมมีถือบิตคอยน์อยู่นิดหน่อยนะครับ แต่แปลกใจมากที่มันก็เป็นเงินดิจิตอลชนิดหนึ่ง แต่ผมลองเช็คแล้วบิตคอยน์ในวอลเล็ตของผมมันไม่ได้เพิ่มขึ้นเองแบบเงินในบัญชอื่น ๆ เลยครับ
พนักงาน 3 : จริงด้วย ผมจำได้ว่ามันถูกโปรแกรมล็อคเอาไว้ให้มีจำนวนแค่ 21 ล้านหน่วย หรือว่าเพราะแบบนี้มันถึงไม่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นเองได้?
ประทานบริษัท : ถูกโปรแกรมล็อคจำนวนเอาไว้อย่างงั้นเหรอ.. อืม.. น่าสนใจดีนิ
พนักงาน 4 : แล้วถ้าเกิดเอามันมาใช้แทนเงินปกติ มันจะมีคนรับหรอ? มีใครบ้างที่รู้จักไอ้เงินบิตคอยน์อะไรเนี่ย
พนักงาน 2 : ก็ถ้าเทียบกับเงินที่เพิ่มขึ้นเองในบัญชีได้เรื่อย ๆ ที่ทุก ๆ คนก็ได้เงินแบบนั้นกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว กับเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดเวลาที่คุณอยากจะขายของ ๆ คุณ คุณอยากจะรับมันเป็นอะไร? คุณยังจะรับเป็นเงินยูนิตอย่างงั้นหรอ?
พนักงาน 4 : นั่นนะสิ ผมลืมคิดไปเลยถ้าทุก ๆ คนมีเงินเพิ่มขึ้นเท่า ๆ กัน สุดท้ายแล้วพวกข้าวของสินค้าที่มีจำกัดยังไงมันก็จะต้องมีราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นอินฟินิตี้ด้วยแน่ ๆ ถ้าทุกคนมีเงินใช้กันวันละ 86,400 ยูนิต กับประชากรทั้งหมด 8 พันล้านคน เราก็จะมีเงินในระบบเพิ่มขึ้นถึงวันละ 690 ล้านล้านยูนิตต่อวัน ซึ่งจะหมายความว่าทุก ๆ วันสินค้าจะมีราคาแพงขึ้นถึง 8 พันล้านเท่าต่อวัน.. โอ้พระเจ้า... ใครกำลังเล่นตลกอะไรกันเนี่ย...
พนักงาน 2 : ใช่มั้ยละ และด้วยความที่มันเป็นเงินดิจิตอล พวกก็เราสามารถใช้มันในการรับส่งแลกเปลี่ยนระหว่างกันที่ไหนก็ได้ในโลก เปรียบเสมือนกับว่ามันเป็นทองคำดิจิตอลอย่างไงอย่างงั้น
พนังงาน 3 : จริง.. ข้อดีกว่านั้นคือการที่มันถูกออกแบบมาให้แบ่งหน่วยย่อยได้ ดังนั้นเราสามารถสเกลราคาของสินค้าตั้งราคาเป็น BTC เท่าไหร่ก็ได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลเหมือนกับการตัดแบ่งทองคำเป็นชิ้น ๆ
พนังกงาน 1 : แล้วข้อเสียล่ะ? ตอนนี้มันยังไม่มีใครที่กำลังใช้มันเป็นเงินอยู่ใช่มั้ยล่ะ? จะมีใครที่จะแลกสินค้าเป็นบิตคอยน์ ไหนจะพวกที่ไม่เคยมีบิตคอยน์อีก พวกนั้นจะไปเอาบิตคอยน์จากที่ไหนมาจ่ายให้กับเรา
พนังงาน 2 : ก็ถ้าบริษัทใหญ่ ๆ อย่างเราประกาศว่าจะรับชำระค่าสินค้าเป็นบิตคอยน์ ใครบ้างละที่จะไม่ยอมรับมัน รัฐบาลที่ล้มเหลวไปแล้วจากการที่ควบคุมเงินไม่ได้จะต่อต้านเราได้งั้นหรอ? มันเป็นโอกาสที่ดีเลยที่เอกชนอย่างเราจะกลายเป็นผู้นำของตลาดเสรีนี้ ส่วนพวกที่ไม่มีบิตคอยน์ ยังไงตลาดที่รับแลกเปลี่ยนด้วยบิตคอยน์ก็จะไปบีบบังคับให้คนพวกนั้นต้องออกไปทำงานหรือหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อที่จะได้บิตคอยน์มาใช้ในการใช้จ่ายเอง
ประทานบริษัท : แล้วเราจะหาบิตคอยน์ได้จากที่ไหน? ในเมื่อตอนนี้ยูนิตมันกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าไปแล้ว มันคงไม่มีใครที่ยอมขายบิตคอยน์เป็นยูนิตให้กับเราใช่มั้ยละ?
พนักงาน 2 : เราลองติดต่อเหมืองขุดบิตคอยน์ดูมั้ยละครับ เราอาจจะลองยื่นข้อเสนอทางธุรกิจให้กับพวกเขาดู ว่าบริษัทของเราจะสนับสนุนการใช้บิตคอยน์ในการใช้แลกเปลี่ยนสินค้าของบริษัทในเครือ โดยอาจจะทำสัญญากู้บิตคอยน์ของพวกเขาเพื่อเอามาใช้ดำเนินการก่อน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราจะต้องดำเนินการดิลทางธุรกิจกับเหมืองให้สำเร็จก่อนการประกาศ ไม่อย่างนั้นบิตคอยน์เมื่อมันกลายเป็นที่ต้องการของผู้คนจำนวนมากในทันที อาจจะทำให้ราคาสินค้าที่เราจะขายเป็นบิตคอยน์มีราคาที่ลดลงอย่างรุนแรงมากก็ได้ เราจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบมาก ๆ ครับ
ประทานบริษัท : นั่นน่าสนใจมาก ถ้าเราเอามันมาใช้ในการดำเนินกิจการต่อได้ ผมจะลองเสนอกลุ่มบริษัทในเครือดูว่าเราจะลองใช้บิตคอยน์กันดีมั้ย แต่ถ้าเราไม่มีทางเลือกจริง ๆ เราก็คงต้องใช้มันละนะ ส่วนเงินเดือนของพวกคุณถ้าต้องปรับไปเป็นบิตคอยน์แทนพวกคุณจะว่ายังไง?
มนุษย์ 2 : ผมขอลาออกครับ
ประทานบริษัท : ...
มนุษย์ 2 : ให้กลับไปทำงานรับเงินที่มันจำกัดแบบนั้นไม่เอาหรอกครับ มีเงินเข้าบัญชีให้ใช้ฟรี ๆ ผมสบายกว่าเยอะ ผมคงไม่กลับไปทำงานให้กับคุณอีกแล้วล่ะครับ ใครจะโง่ทำงานกันต่อก็เอาเลย เทพเจ้าอุตส่าห์ให้พรแห่งความเท่าเทียมมาแล้ว ใครอยากจะเป็นทาสต่อไปก็เชิญเลย ผมไปล่ะ...
ประทานบริษัท : นั่นเขาเป็นอะไรของเขา?
พนักงาน (ทุกคน) : ...
#### ณ ลานจอดรถในบริษัทของมนุษย์ 2
มนุษย์ 2 : (โทรศัพท์) ฮัลโหล.. เออ.. กูลาออกแล้วนะ ตอนลาออกเมื่อกี้กูโคตรสบายใจเลยว่ะ อย่างโล่งเลย
มนุษย์ 1 : ห๊ะ! มึงลาออกจริง ๆ หรอวะ? กูจะโทรมาบอกมึงว่าอย่างลาออกจากงานนะ
มนุษย์ 2 : ทำไมวะ? รวย ๆ อย่างเรา ไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้สบาย ๆ มีเงินใช้ฟรี ๆ
มนุษย์ 1 : ก็ไอ้เงินฟรี ๆ ที่มึงว่า ตอนนี้แม่งไม่มีใครเขารับเลยอะดิ กูขับรถตระเวนไปทั่ว อย่าว่าแต่เบียร์เลย น้ำเปล่าแม่งยังไม่มีใครเขาขายให้กูเลย
มนุษย์ 2 : นี่มึงอำกูปะเนี่ย ฮ่า ๆ ๆ จะเป็นไปได้ไงวะ เทพเจ้าให้พรนี้กับเรามาเลยนะ มันจะไปมีใครที่ไม่อยากจะรับเงินนี้ได้ยังไง ทุกคนควรจะมีความสุขที่มีเงินใช้ฟรี ๆ สิ
มนุษย์ 1 : ไม่.. มึงไม่เข้าใจ ก็ถ้าทุก ๆ คนมีเงินใช้กันหมดอย่างเท่าเทียมกัน ใครมันจะมาทำงาน ทำนา ทำไร ทำฟาร์ม ขับรถส่งของ หรือทำอาหารตามสั่งขายให้กับมึงละครับ กูโดนมาแล้ว ไม่เชื่อมึงลองเข้าไปร้านขายของชำใกล้ ๆ มึงดู เดียวมึงก็รู้เอง
มนุษย์ 2 : (ตรู๊ด ตรู๊ด..) อะไรของมันวะ?
จบ.. ตัดจบแบบละครไทย
---
ของแถม
#### ณ วิหารศักดิ์สิทธิ์
เทพเจ้า (มท) : นี่ท่านทำเกินไปแล้วรึเปล่า? ท่านเทพเจ้าแห่งความเท่าเที่ยม
เทพเจ้า (ทท) : หึหึ.. ข้าก็แค่ให้พรไปตามคำขอของพวกมนุษย์ ก็แค่นั้น
เทพเจ้า (มท) : แต่ท่านดูราวกับว่า กำลังสนุกอยู่กับผลลัพธ์ของพรที่ท่านได้ให้กับพวกมนุษย์เลยนะ ท่านทำเอาพวกมนุษย์วุ่นวายกันใหญ่เลย
เทพเจ้า (ทท) : ก็ในเมื่อพวกมนุษย์อยากจะมีเงินใช้อย่างเท่าเทียมกันโดยที่ไม่ต้องออกไปทำงาน ข้าก็แค่ให้พวกนั้นได้มีเงินใช้อย่างเท่า ๆ กันแล้วไง สมกับที่พวกนั้นปรารถนาเลย
เทพเจ้า (มท) : ก็จริงอยู่ แล้วทำไมพรของท่านมันถึงไม่ส่งผลกับสิ่งอื่น ๆ ที่พวกมนุษย์พยายามจะเอามาใช้ในการแลกเปลี่ยนระหว่างกันด้วยล่ะ?
เทพเจ้า (ทท) : ตัวกลางการแลกเปลี่ยนมันก็แค่คุณสมบัติหนึ่งของเงิน จริง ๆ มันจะเป็นอะไรก็ได้ แต่ที่พรนั้นมันมีผลแค่กับเงินที่พวกนั้นใช้กันมา มันก็มาจากการที่พวกนั้นร่วมกันมโนให้ค่าเงินที่มาจากรัฐบาลของพวกเขา ว่าสิ่งนั้นมันเป็นเงิน ดังนั้นเงื่อนไขของพรที่พวกนั้นขอ มันจึงสร้างความเท่าเทียมกันให้กับพวกมนุษย์ที่ยอมรับเงินที่จากเดิมมีแค่รัฐเท่านั้นที่สร้างเงินเพิ่มขึ้นได้ ให้เฉพาะกับตัวของรัฐเอง และเพราะว่ารัฐบาลของมนุษย์พวกนั้นไม่มีวันที่จะหยุดผลิตเงินเพิ่มให้กับตัวเอง ตอนนี้ข้าก็แค่เปลี่ยนให้มันไปเพิ่มให้กับมนุษย์ทุก ๆ คนอย่างเท่าเทียมกันยังไงล่ะ
เทพเจ้า (ทท) : พวกนั้นที่มาขอพรก็ไม่ได้เข้าใจด้วยซ้ำว่าเงินคืออะไร หรือแม้แต่ว่า อะไรคือความเท่าเทียมกัน
เทพเจ้า (ทท) : อีกอย่าง จักรวาลที่พวกเราทั้งเทพเจ้าและมนุษย์ต่างดำรงอยู่ก็ประกอบด้วยสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันเสมอ เฉกเช่นเจ้า เมียรักของข้าเทพเจ้าแห่งความไม่เท่าเทียมผู้ที่อยู่ข้างกายข้าเสมอ
เทพเจ้า (มท) : หึหึ.. ข้าก็นึกว่าท่านจะก้าวกายพรแห่งความไม่เท่าเทียมของข้าที่มีต่อพวกมนุษย์ด้วยซะอีก
เทพเจ้า (ทท) : มันจะไม่เป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่ามนุษย์ทุก ๆ คนต่างเกิดขึ้นบนโลกพร้อม ๆ กับต้องเผชิญหน้ากับความไม่เท่าเทียมกันตั้งแต่กำเนิด พรของข้าที่มีต่อมนุษย์สำหรับใช้ในการหักล้างพรแห่งความไม่เท่าเทียมของเจ้า สำหรับมนุษย์แล้ว จะมีเพียงสิ่ง ๆ เดียวก็คือ “ความตาย” เท่านั้นที่พวกมนุษย์ทุก ๆ คนจะต้องเผชิญกับมันอย่างเท่าเทียมกันเพื่อลบล้างความไม่เท่าเทียม
#### 1 อาทิตย์ต่อมา
มนุษย์ 2 : (โทรศัพท์) ฮัลโหล สวัสดีครับ.. อ่า.. ไม่ทราบว่าที่บริษัทยังรับพนักงานอยู่มั้ยครับ?
HR : เอิ่ม..มีตำแหน่งว่างนะคะ เรากำลังขาดคนงานตัดหญ้าหน้าบริษัท คุณอยากทำมั้ยล่ะ? เราจ้างได้ ชม. ละ 10 Micro-Sat
มนุษย์ 2 : ...
---
#Siamstr
#SiamstrOG
### เรื่อง : เทพเจ้าแห่งความเท่าเทียม
*Caution : เรื่องแต่ง*
#### ณ โลกคู่ขนาน
มนุษย์ 1 : ไม่ไหวแล้ว.. โลกตอนนี้มีแต่ความเหลื่อมล้ำ มันจะมากเกินไปแล้ว คนจนจะอดตายกันหมด คนรวยกลับรวยเอา ๆ
มนุษย์ 2 : อยากได้รัฐสวัสดิการ.. เมื่อไหร่คนรวยจะยอมแบ่งเงินที่หาได้ปีละเยอะ ๆ ไปจ่ายภาษีให้รัฐเพิ่มวะ.. ไอ้พวกเห็นแก่ตัวเอ้ย.. รวยแล้วยังจะงกอีก
คนรวย : ...
มนุษย์ 1 : ไม่ได้การละ รอรัฐมันคงจะช้าเกินไป พวกเราไปขอพรกับเทพเจ้าแห่งความเท่าเทียมกันดีกว่า ดูสิว่าเทพเจ้าจะช่วยอะไรเราได้บ้าง
มนุษย์ 2 : ดี ๆ เราไปกันเลย ในเมื่อรัฐแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันไม่ได้ เราคงต้องพึ่งพาเทพเจ้าแล้วหละ..
คนรวย : อย่า.. พวกมึงหยุดเลยนะ กูยอมจ่ายภาษีแพง ๆ แล้วก็ได้
มนุษย์ 1 : ทำไมล่ะ? กลัวอะไร? กลัวว่าพวกเราจะเท่าเทียมกันหรอ.. พวกคนรวย ๆ อย่างมึงแม่งเห็นแก่ตัวจริง ๆ
มนุษย์ 2 : ใช่ ๆ ทีนี้แหละ มึงกับกูจะได้เท่าเทียมกันสักที
คนรวย : ...
#### ณ วิหารศักดิ์สิทธิ์
เทพเจ้า (ทท) : โห้.. มนุษย์อย่างพวกเจ้ามีธุระอะไรกับข้า ผู้ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความเท่าเทียมกันล่ะ?
มนุษย์ 1 : ข้าได้ยินมาว่าท่านเป็นเทพเจ้าที่สามารถให้พรแห่งความเท่าเทียมได้ ตอนนี้มนุษย์บนโลกกำลังเกิดสภาวะของความเหลื่อมล้ำอย่างรุนแรง คนที่จนกลับจนลง ส่วนคนที่รวยกับรวยเอา ๆ ถ้าพวกเรามีเงินอย่างเท่าเทียมกัน พวกเราก็คงจะไม่ต้องทุกข์ยากแบบนี้
เทพเจ้า (ทท) : อืม.. งั้นพวกเจ้าก็คิดว่าสาเหตุนั้นมาจากเงินใช่มั้ย?
มนุษย์ 1 : ใช่แล้วท่าน ถ้าหากว่ามนุษย์ทุกคนร่ำรวยมีเงินทองเหมือน ๆ กัน พวกเราทุกคนก็จะเท่าเทียมกันได้
มนุษย์ 2 : พวกเราคิดกันมาแล้ว เราอยากจะขอพรที่ทำให้พวกเรามีเงินใช้แบบคนรวย ๆ โดยที่ไม่ต้องออกไปทำงานให้เหน็ดเหนื่อยก็สามารถมีเงินใช้ได้ตลอดเวลา
เทพเจ้า (ทท) : โหว.. มีเงินใช้โดยที่ไม่ต้องทำงานอย่างงั้นเหรอ? น่าสนใจดีนิ ว่าแต่พวกเจ้าคิดว่าพวกคนที่รวย ๆ เขาไม่ต้องทำงานกันรึยังไง?
มนุษย์ 1 : ก็จริงอยู่ที่พวกเราต่างก็ต้องทำงานเพื่อหาเงิน แต่ถ้าพวกเราทุกคนมีเงิน เราก็ไม่จำเป็นจะต้องออกไปทำงานไงท่าน มันจะไม่มีอีกต่อไปสิ่งที่เรียกว่าคนรวยและคนจน จะไม่มีความแตกต่างที่สร้างความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมกันให้เกิดขึ้นอีก
มนุษย์ 2 : ใช่ ๆ เพราะว่าตอนนี้คนรวยที่รวยมาก ๆ ก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ต่างจากพวกเราที่ทำงานกันแทบตายก็ยังไม่รวยสักที
เทพเจ้า (ทท) : อืม ๆ เราเข้าใจความคิดของมนุษย์อย่างพวกเจ้าแล้ว ถ้าอย่างนั้นจงรับเอาพรแห่งความเท่าเทียมของข้าไป
มนุษย์ 1,2 : (ซุบซิบ) จะมาแล้ว ๆ ... พวกเราจะสบายกันแล้ว
เทพเจ้า (ทท) : นับจากนี้ไป ข้าจะให้มนุษย์ทุก ๆ คนมีเงินใช้ 1 ยูนิต ต่อ 1 วินาทีอย่างเท่าเทียมกันโดยไม่มีเงื่อนไข คนที่มีบัญชีธนาคารจะมีเงินเพิ่มขึ้นทุก ๆ 1 วินาที ส่วนคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารจะมียูนิตในรูปแบบของเงินกระดาษหรือเหรียญเพิ่มขึ้น 1 ยูนิตทุก ๆ 1 วินาที
และไม่ว่าพวกเจ้า มนุษย์คนใดคนหนึ่งคิดจะหลีกเลี่ยงผลของพรที่ข้าให้ไปนี้ด้วยการสร้างสกุลเงินใหม่ขึ้นมา พวกมันก็จะไร้การควบคุมและเพิ่มจำนวนขึ้นเองได้เมื่อมีคนให้ค่ายอมรับมัน จะเป็นเช่นเดียวกันกับเงินยูนิตเสมอ ซึ่งพวกเจ้าทุก ๆ คนจะมีเงินใช้แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่ออกไปทำงานเลยก็ตาม พวกเจ้าทุก ๆ คนจะมีเงินเพิ่มขึ้นอย่างเท่าเทียมกันตามคำขอที่พวกเจ้าปรารถนา
มนุษย์ 1 : เห้ย..โคตรดี ไม่คิดเลยว่าเทพเจ้าแห่งความเท่าเทียมจะใจดีขนาดนี้ แบบนี้มันได้ตามสิ่งที่ขอเลย
มนุษย์ 2 : ใช่ ๆ แค่นี้พวกเราก็จะมีเงินใช้อย่างเท่าเทียมโดยที่ไม่ต้องออกไปลำบากทำงานกันแล้ว ดีใจน้ำตาไหลพราก
มนุษย์ 1 : ขอบคุณท่านเทพมาก ๆ เลยนะท่าน ท่านปรารถนาสิ่งตอบแทนใดจากพวกเรา ท่านบอกพวกเรามาได้เลย
เทพเจ้า (ทท) : หึหึ.. มนุษย์อย่างพวกเจ้าจะให้อะไรกับข้าที่เป็นเทพเจ้าได้กันเล่า อ่า..นอกซะจากความบันเทิงล่ะนะ
มนุษย์ 1,2 : ความบันเทิงอย่างงั้นเหรอ..?
#### เช้าวันถัดมา
คนรวย : เช้า ๆ แบบนี้สั่งกาแฟสักแก้วดีกว่า เอิ่ม.. เข้าแอพ หาร้าน เลือกเมนู แล้วก็กดสแกนจ่าย..
คนรวย : (เปิดดูบัญชี) ชิบหายแล้ว.. นี่มันเชี่ยอะไรวะเนี่ย? ทำไมอยู่ ๆ บัญชีธนาคารมันถึงมีเงินเด้งเข้าบัญชีรัว ๆ แบบนี้ได้วะ (เปิดทีวี)
ผู้ประกาศข่าว (TV1) : ขณะนี้มีผู้คนจำนวนมากออกไปจับจ่ายใช้เงินซื้อสินค้ากันตามห้างสรรพสินค้า จนสินค้าตามเชลฟ์สินค้าหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือแล้ว
ผู้ประกาศข่าว (TV2) : เบื้องต้นจากข้อมูลแถลงการออกมาจากทางภาครัฐ พบว่าบัญชีเงินฝากของคนในประเทศตอนนี้อยู่ ๆ ก็เพิ่มขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและขอให้ประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก และขอให้ประชาชนงดออกไปจับจ่ายซื้อขายสินค้ากันชั่วคราว
ผู้ประกาศข่าว (TV3) : มีแถลงการณ์จากธนาคารกลางแจ้งว่า ในตอนนี้พวกเราไม่สามารถควบคุมการเพิ่มขึ้นของเงินในบัญชีได้อีกต่อไป ทางธนาคารกลางได้ทำการทดลองเปิดใช้งานระบบเงินดิจิตอลสกุลใหม่รูปแบบ CBDC ที่มีแผ่นจะนำมาใช้ในปีหน้า แต่ก็ปรากฏว่าไม่สามารถที่จะควบคุมการเพิ่มขึ้นเองของเงินในระบบได้เช่นกัน
ผู้ประกาศข่าว (TV4) : มีรายงานข่าวเข้ามาครับ พบว่ามีเหตุการณ์แปลกประหลาด ประชาชนที่พบว่ามีเงินเข้าบัญชีอย่างไม่ทราบสาเหตุได้แห่กันออกไปถอนเงินจากตู้ ATM เพราะกลัวว่าบัญชีธนาคารจะถูกอายัด ทุกคนที่ไปถอนเงินต่างก็พบว่าตู้ ATM สามารถกดเงินออกมาได้เรื่อย ๆ ราวกับว่าตู้ ATM มันกลายเป็นเครื่องพิมพ์เงินไปแล้วครับ
ผู้ประกาศข่าว (TV5) : บะ..บ้าไปแล้ว แม้ตัวเลขในสมุดบัญชีธนาคารมันก็ยังเพิ่มขึ้นเองได้
คนรวย : ชิบหายแล้ว ไม่ใช่แค่ตัวเลขเงินในบัญชี เงินกระดาษก็ยังโดนไปด้วยหรอ.. ไอ้สองคนนั่นเอาจริงสินะ
มนุษย์ 1 : ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง คิด ๆ แล้วก็มีความสุขจริง ๆ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีเงินเยอะขนาดนี้เลย
มนุษย์ 2 : มีเงินเด้งเข้าบัญชี 1 ยูนิตต่อ 1 วินาที ตกชั่วโมงละ 3,600 ยูนิต วันนึงก็ 86,400 ยูนิตแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าเดือน ๆ นึงจะมีเท่าไหร่..
มนุษย์ 1 : พวกเราออกไปซื้อเบียร์ที่ร้านชำหน้าปากซอยมาฉลองกันดีกว่า จากนี้ไปเราก็จะไม่ต้องออกไปทำงานอีกแล้ว
มนุษย์ 2 : ดีเลย งั้นเดี๋ยวกูขอไปที่ทำงานแป็ปนะ จะไปลาออก ฮ่า ๆ ๆ เดี๋ยวขากลับจะแวะซื้อกับแกล้มมาให้
มนุษย์ 2 : มีสตางค์นะมันช่างดีนะเออ.. (ร้องเพลง)
#### ณ ร้านขายของชำ
มนุษย์ 1 : ลุง.. ผมขอซื้อเบียร์ 2 ลัง วันนี้จะฉลองสักหน่อย
เจ้าของร้าน : มีอะไรน่าดีใจจนถึงกับต้องฉลองด้วยหรอ? อืม.. ได้ ๆ เบียร์ 2 ลัง ทั้งหมด 0.002 BTC รับทั้ง On-Chain และ Lightning
มนุษย์ 1 : ห๊ะ.. BTC อะไรวะลุง เล่นตลกอะไรเนี่ย? เบียร์ 2 ลังกี่ยูนิต ผมกำลังรีบ ๆ อยู่
เจ้าของร้าน : ยูนิตอย่างงั้นหรอ? ใครจะบ้า ปัญญาอ่อนรับเงินที่มันเพิ่มขึ้นได้เองในบัญชีกันล่ะ? ถ้าจะให้ขายเบียร์เป็นเงินนั่น กูปิดร้านแล้วไปนอนชักxาวดีกว่า จะมาเปิดร้านขายของอยู่ทำซากอะไร
มนุษย์ 1 : อ้าว เห้ย ลุง.. ก็ในกฎหมายมันเขียนไว้อยู่เนี่ยว่าเงินยูนิตมันใช้สำหรับชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย คนขายไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ พูดงี้อยากติดคุกหรอลุง
เจ้าของร้าน : อ่า.. งั้นกูขอให้มึงรีบ ๆ โทรแจ้งตำรวจเลยครับ ถ้ามันยังมีคนทำงานเป็นตำรวจให้มึงอยู่อะนะ.. อีกอย่าง แทนที่จะมาหาซื้อเบียร์มึงรีบไปหาแย้งซื้อพวกน้ำเปล่ากับพวกอาหารแห้งจะดีกว่า
เจ้าของร้าน : เพื่อนกูที่ทำนาอยู่ต่างจังหวัดโทรมาบอกว่าเลิกขายข้าวเป็นยูนิตแล้วรับแลกเป็นอย่างอื่นแทน ส่วนเพื่อนอีกคนที่เป็นคนขับรถส่งของก็เพิ่งจะโทรมาบอกว่าตอนนี้ลาออกนอนอยู่บ้านเฉย ๆ แล้ว ให้ตายสิ
เจ้าของร้าน : พวกงานบริการ เด็กเสิร์ฟ คนขับรถ คนขายอาหารตามสั่ง ไปจนถึงพวกข้าราชการตอนนี้ไม่มีใครทำงานกันแล้ว.. ก็แหงสิ อยู่เฉย ๆ ก็มีเงินเข้าบัญชีรัว ๆ ใครมันจะออกไปทำงานกันวะ แล้วเองน่ะ คิดว่ามีเงินให้ใช้ฟรี ๆ กะว่าสบายแล้วสิ จะฝันก็เอาไว้ตอนที่กำลังนอนเถ๊อะ ฮ่า ๆ ๆ
มนุษย์ 1 : ...
#### ณ บริษัทของมนุษย์ 2
ประทานบริษัท : ตอนนี้เรากำลังเจอกับวิกฤติการเงินแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และผมเข้าใจดีว่าในตอนนี้มีพวกคุณหลายคนกำลังคิดว่าจะลาออกจากบริษัท เพราะว่าทุก ๆ คนมีเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้นเองได้โดยที่ไม่ต้องมาทำงาน ผมอยากให้ทุก ๆ คนใจเย็น ๆ แล้วตั้งสติดี ๆ
ประทานบริษัท : สำหรับบริษัทของเราที่มีกลุ่มพันธมิตรในเครือกำลังพิจารณาในการหาสิ่งที่จะมาเป็นตัวกลางสำหรับการแลกเปลี่ยนใหม่ ซึ่งพวกเรากำลังค้นหาสิ่งที่สามารถใช้เป็นเงินโดยที่ตัวของมันไม่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นเองแบบเกิดขึ้นกับเงินในเวลานี้
ประทานบริษัท : และจากที่พวกเราทดลองค้นหามาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเงินในบัญชี เงินกระดาษ หรือแม้แต่ธนาคารกลางที่ทดลองเปลี่ยนสกุลเงินใหม่ ทุก ๆ ครั้งหลังจากที่เริ่มใช้งานมัน พวกมันก็จะเพิ่มจำนวนขึ้นเองในบัญชีของทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องกับมัน
ประทานบริษัท : ดังนั้นหลังจากที่พยายามค้นหาแล้ว มีเพียงแค่ทองคำเท่านั้นที่มันไม่ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเองได้ แต่ปัญหาก็คือพวกเราจะเอาทองคำมาใช้แลกเปลี่ยนนำเข้าสินค้าได้ยังไง ถ้าจะให้แบ่งพื้นที่ของเรือบรรทุกสินค้าเพื่อเอาไปใช้ในการขนทองคำมันคงไม่ดีแน่ ๆ
พนักงาน 1 : ขอโทษนะครับ ผมเคยอ่านเจอในหนังสือว่าก่อนหน้านี้พวกเราเคยใช้ตั๋วแลกทองคำกันนิครับ ถ้าพวกธนาคารสร้างสกุลเงินใหม่โดยที่ใช้ทองคำหนุนหลัง แบบนั้นก็น่าจะไม่มีปัญหานะครับ
ประทานบริษัท : พวกเขาทดลองแล้ว สุดท้ายแล้วถึงจะมีทองคำอยู่ในรีเสิร์ฟของพวกเขาในการหนุนค่าเงิน แต่อยู่ ๆ เงินในระบบก็จะเพิ่มขึ้นเองได้อยู่ดี ไม่ต่างจากปกติที่เงินมันก็ถูกผลิตเพิ่มโดยนโยบายของธนาคารกลาง ตอนนี้มันก็แค่เปลี่ยนมาถูกผลิตขึ้นเองโดยที่เข้าสู่มือของประชาชนโดยตรง
พนักงาน 2 : ท่านประทานครับ คือจริง ๆ แล้วผมมีถือบิตคอยน์อยู่นิดหน่อยนะครับ แต่แปลกใจมากที่มันก็เป็นเงินดิจิตอลชนิดหนึ่ง แต่ผมลองเช็คแล้วบิตคอยน์ในวอลเล็ตของผมมันไม่ได้เพิ่มขึ้นเองแบบเงินในบัญชอื่น ๆ เลยครับ
พนักงาน 3 : จริงด้วย ผมจำได้ว่ามันถูกโปรแกรมล็อคเอาไว้ให้มีจำนวนแค่ 21 ล้านหน่วย หรือว่าเพราะแบบนี้มันถึงไม่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นเองได้?
ประทานบริษัท : ถูกโปรแกรมล็อคจำนวนเอาไว้อย่างงั้นเหรอ.. อืม.. น่าสนใจดีนิ
พนักงาน 4 : แล้วถ้าเกิดเอามันมาใช้แทนเงินปกติ มันจะมีคนรับหรอ? มีใครบ้างที่รู้จักไอ้เงินบิตคอยน์อะไรเนี่ย
พนักงาน 2 : ก็ถ้าเทียบกับเงินที่เพิ่มขึ้นเองในบัญชีได้เรื่อย ๆ ที่ทุก ๆ คนก็ได้เงินแบบนั้นกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว กับเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดเวลาที่คุณอยากจะขายของ ๆ คุณ คุณอยากจะรับมันเป็นอะไร? คุณยังจะรับเป็นเงินยูนิตอย่างงั้นหรอ?
พนักงาน 4 : นั่นนะสิ ผมลืมคิดไปเลยถ้าทุก ๆ คนมีเงินเพิ่มขึ้นเท่า ๆ กัน สุดท้ายแล้วพวกข้าวของสินค้าที่มีจำกัดยังไงมันก็จะต้องมีราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นอินฟินิตี้ด้วยแน่ ๆ ถ้าทุกคนมีเงินใช้กันวันละ 86,400 ยูนิต กับประชากรทั้งหมด 8 พันล้านคน เราก็จะมีเงินในระบบเพิ่มขึ้นถึงวันละ 690 ล้านล้านยูนิตต่อวัน ซึ่งจะหมายความว่าทุก ๆ วันสินค้าจะมีราคาแพงขึ้นถึง 8 พันล้านเท่าต่อวัน.. โอ้พระเจ้า... ใครกำลังเล่นตลกอะไรกันเนี่ย...
พนักงาน 2 : ใช่มั้ยละ และด้วยความที่มันเป็นเงินดิจิตอล พวกก็เราสามารถใช้มันในการรับส่งแลกเปลี่ยนระหว่างกันที่ไหนก็ได้ในโลก เปรียบเสมือนกับว่ามันเป็นทองคำดิจิตอลอย่างไงอย่างงั้น
พนังงาน 3 : จริง.. ข้อดีกว่านั้นคือการที่มันถูกออกแบบมาให้แบ่งหน่วยย่อยได้ ดังนั้นเราสามารถสเกลราคาของสินค้าตั้งราคาเป็น BTC เท่าไหร่ก็ได้ โดยที่ไม่ต้องกังวลเหมือนกับการตัดแบ่งทองคำเป็นชิ้น ๆ
พนังกงาน 1 : แล้วข้อเสียล่ะ? ตอนนี้มันยังไม่มีใครที่กำลังใช้มันเป็นเงินอยู่ใช่มั้ยล่ะ? จะมีใครที่จะแลกสินค้าเป็นบิตคอยน์ ไหนจะพวกที่ไม่เคยมีบิตคอยน์อีก พวกนั้นจะไปเอาบิตคอยน์จากที่ไหนมาจ่ายให้กับเรา
พนังงาน 2 : ก็ถ้าบริษัทใหญ่ ๆ อย่างเราประกาศว่าจะรับชำระค่าสินค้าเป็นบิตคอยน์ ใครบ้างละที่จะไม่ยอมรับมัน รัฐบาลที่ล้มเหลวไปแล้วจากการที่ควบคุมเงินไม่ได้จะต่อต้านเราได้งั้นหรอ? มันเป็นโอกาสที่ดีเลยที่เอกชนอย่างเราจะกลายเป็นผู้นำของตลาดเสรีนี้ ส่วนพวกที่ไม่มีบิตคอยน์ ยังไงตลาดที่รับแลกเปลี่ยนด้วยบิตคอยน์ก็จะไปบีบบังคับให้คนพวกนั้นต้องออกไปทำงานหรือหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อที่จะได้บิตคอยน์มาใช้ในการใช้จ่ายเอง
ประทานบริษัท : แล้วเราจะหาบิตคอยน์ได้จากที่ไหน? ในเมื่อตอนนี้ยูนิตมันกลายเป็นสิ่งที่ไร้ค่าไปแล้ว มันคงไม่มีใครที่ยอมขายบิตคอยน์เป็นยูนิตให้กับเราใช่มั้ยละ?
พนักงาน 2 : เราลองติดต่อเหมืองขุดบิตคอยน์ดูมั้ยละครับ เราอาจจะลองยื่นข้อเสนอทางธุรกิจให้กับพวกเขาดู ว่าบริษัทของเราจะสนับสนุนการใช้บิตคอยน์ในการใช้แลกเปลี่ยนสินค้าของบริษัทในเครือ โดยอาจจะทำสัญญากู้บิตคอยน์ของพวกเขาเพื่อเอามาใช้ดำเนินการก่อน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราจะต้องดำเนินการดิลทางธุรกิจกับเหมืองให้สำเร็จก่อนการประกาศ ไม่อย่างนั้นบิตคอยน์เมื่อมันกลายเป็นที่ต้องการของผู้คนจำนวนมากในทันที อาจจะทำให้ราคาสินค้าที่เราจะขายเป็นบิตคอยน์มีราคาที่ลดลงอย่างรุนแรงมากก็ได้ เราจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบมาก ๆ ครับ
ประทานบริษัท : นั่นน่าสนใจมาก ถ้าเราเอามันมาใช้ในการดำเนินกิจการต่อได้ ผมจะลองเสนอกลุ่มบริษัทในเครือดูว่าเราจะลองใช้บิตคอยน์กันดีมั้ย แต่ถ้าเราไม่มีทางเลือกจริง ๆ เราก็คงต้องใช้มันละนะ ส่วนเงินเดือนของพวกคุณถ้าต้องปรับไปเป็นบิตคอยน์แทนพวกคุณจะว่ายังไง?
มนุษย์ 2 : ผมขอลาออกครับ
ประทานบริษัท : ...
มนุษย์ 2 : ให้กลับไปทำงานรับเงินที่มันจำกัดแบบนั้นไม่เอาหรอกครับ มีเงินเข้าบัญชีให้ใช้ฟรี ๆ ผมสบายกว่าเยอะ ผมคงไม่กลับไปทำงานให้กับคุณอีกแล้วล่ะครับ ใครจะโง่ทำงานกันต่อก็เอาเลย เทพเจ้าอุตส่าห์ให้พรแห่งความเท่าเทียมมาแล้ว ใครอยากจะเป็นทาสต่อไปก็เชิญเลย ผมไปล่ะ...
ประทานบริษัท : นั่นเขาเป็นอะไรของเขา?
พนักงาน (ทุกคน) : ...
#### ณ ลานจอดรถในบริษัทของมนุษย์ 2
มนุษย์ 2 : (โทรศัพท์) ฮัลโหล.. เออ.. กูลาออกแล้วนะ ตอนลาออกเมื่อกี้กูโคตรสบายใจเลยว่ะ อย่างโล่งเลย
มนุษย์ 1 : ห๊ะ! มึงลาออกจริง ๆ หรอวะ? กูจะโทรมาบอกมึงว่าอย่างลาออกจากงานนะ
มนุษย์ 2 : ทำไมวะ? รวย ๆ อย่างเรา ไม่ต้องทำงานก็อยู่ได้สบาย ๆ มีเงินใช้ฟรี ๆ
มนุษย์ 1 : ก็ไอ้เงินฟรี ๆ ที่มึงว่า ตอนนี้แม่งไม่มีใครเขารับเลยอะดิ กูขับรถตระเวนไปทั่ว อย่าว่าแต่เบียร์เลย น้ำเปล่าแม่งยังไม่มีใครเขาขายให้กูเลย
มนุษย์ 2 : นี่มึงอำกูปะเนี่ย ฮ่า ๆ ๆ จะเป็นไปได้ไงวะ เทพเจ้าให้พรนี้กับเรามาเลยนะ มันจะไปมีใครที่ไม่อยากจะรับเงินนี้ได้ยังไง ทุกคนควรจะมีความสุขที่มีเงินใช้ฟรี ๆ สิ
มนุษย์ 1 : ไม่.. มึงไม่เข้าใจ ก็ถ้าทุก ๆ คนมีเงินใช้กันหมดอย่างเท่าเทียมกัน ใครมันจะมาทำงาน ทำนา ทำไร ทำฟาร์ม ขับรถส่งของ หรือทำอาหารตามสั่งขายให้กับมึงละครับ กูโดนมาแล้ว ไม่เชื่อมึงลองเข้าไปร้านขายของชำใกล้ ๆ มึงดู เดียวมึงก็รู้เอง
มนุษย์ 2 : (ตรู๊ด ตรู๊ด..) อะไรของมันวะ?
จบ.. ตัดจบแบบละครไทย
---
ของแถม
#### ณ วิหารศักดิ์สิทธิ์
เทพเจ้า (มท) : นี่ท่านทำเกินไปแล้วรึเปล่า? ท่านเทพเจ้าแห่งความเท่าเที่ยม
เทพเจ้า (ทท) : หึหึ.. ข้าก็แค่ให้พรไปตามคำขอของพวกมนุษย์ ก็แค่นั้น
เทพเจ้า (มท) : แต่ท่านดูราวกับว่า กำลังสนุกอยู่กับผลลัพธ์ของพรที่ท่านได้ให้กับพวกมนุษย์เลยนะ ท่านทำเอาพวกมนุษย์วุ่นวายกันใหญ่เลย
เทพเจ้า (ทท) : ก็ในเมื่อพวกมนุษย์อยากจะมีเงินใช้อย่างเท่าเทียมกันโดยที่ไม่ต้องออกไปทำงาน ข้าก็แค่ให้พวกนั้นได้มีเงินใช้อย่างเท่า ๆ กันแล้วไง สมกับที่พวกนั้นปรารถนาเลย
เทพเจ้า (มท) : ก็จริงอยู่ แล้วทำไมพรของท่านมันถึงไม่ส่งผลกับสิ่งอื่น ๆ ที่พวกมนุษย์พยายามจะเอามาใช้ในการแลกเปลี่ยนระหว่างกันด้วยล่ะ?
เทพเจ้า (ทท) : ตัวกลางการแลกเปลี่ยนมันก็แค่คุณสมบัติหนึ่งของเงิน จริง ๆ มันจะเป็นอะไรก็ได้ แต่ที่พรนั้นมันมีผลแค่กับเงินที่พวกนั้นใช้กันมา มันก็มาจากการที่พวกนั้นร่วมกันมโนให้ค่าเงินที่มาจากรัฐบาลของพวกเขา ว่าสิ่งนั้นมันเป็นเงิน ดังนั้นเงื่อนไขของพรที่พวกนั้นขอ มันจึงสร้างความเท่าเทียมกันให้กับพวกมนุษย์ที่ยอมรับเงินที่จากเดิมมีแค่รัฐเท่านั้นที่สร้างเงินเพิ่มขึ้นได้ ให้เฉพาะกับตัวของรัฐเอง และเพราะว่ารัฐบาลของมนุษย์พวกนั้นไม่มีวันที่จะหยุดผลิตเงินเพิ่มให้กับตัวเอง ตอนนี้ข้าก็แค่เปลี่ยนให้มันไปเพิ่มให้กับมนุษย์ทุก ๆ คนอย่างเท่าเทียมกันยังไงล่ะ
เทพเจ้า (ทท) : พวกนั้นที่มาขอพรก็ไม่ได้เข้าใจด้วยซ้ำว่าเงินคืออะไร หรือแม้แต่ว่า อะไรคือความเท่าเทียมกัน
เทพเจ้า (ทท) : อีกอย่าง จักรวาลที่พวกเราทั้งเทพเจ้าและมนุษย์ต่างดำรงอยู่ก็ประกอบด้วยสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกันเสมอ เฉกเช่นเจ้า เมียรักของข้าเทพเจ้าแห่งความไม่เท่าเทียมผู้ที่อยู่ข้างกายข้าเสมอ
เทพเจ้า (มท) : หึหึ.. ข้าก็นึกว่าท่านจะก้าวกายพรแห่งความไม่เท่าเทียมของข้าที่มีต่อพวกมนุษย์ด้วยซะอีก
เทพเจ้า (ทท) : มันจะไม่เป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่ามนุษย์ทุก ๆ คนต่างเกิดขึ้นบนโลกพร้อม ๆ กับต้องเผชิญหน้ากับความไม่เท่าเทียมกันตั้งแต่กำเนิด พรของข้าที่มีต่อมนุษย์สำหรับใช้ในการหักล้างพรแห่งความไม่เท่าเทียมของเจ้า สำหรับมนุษย์แล้ว จะมีเพียงสิ่ง ๆ เดียวก็คือ “ความตาย” เท่านั้นที่พวกมนุษย์ทุก ๆ คนจะต้องเผชิญกับมันอย่างเท่าเทียมกันเพื่อลบล้างความไม่เท่าเทียม
#### 1 อาทิตย์ต่อมา
มนุษย์ 2 : (โทรศัพท์) ฮัลโหล สวัสดีครับ.. อ่า.. ไม่ทราบว่าที่บริษัทยังรับพนักงานอยู่มั้ยครับ?
HR : เอิ่ม..มีตำแหน่งว่างนะคะ เรากำลังขาดคนงานตัดหญ้าหน้าบริษัท คุณอยากทำมั้ยล่ะ? เราจ้างได้ ชม. ละ 10 Micro-Sat
มนุษย์ 2 : ...
---
#Siamstr
#SiamstrOG