PJB on Nostr: สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเขียน ...
สวัสดีครับ
วันนี้ผมจะมาเขียน ในเรื่อง การโหยหาผลตอบแทนในระยะสั้น (Time preference)
หลังจากตั้งท่ามานาน ว่าจะเขียนบทความอะไรดี ที่สามารถแลกเปลี่ยนคุณค่าให้คนอ่านได้บ้าง
ก็คงจะเป็นเรื่องนี้ละ เพราะเป็นสิ่งที่เราประสบพบเจอกับมันทุกวัน ถาม-ตอบ อยู่กับตัวเองบ่อยๆ
หลายท่าน คงเคยได้อ่านเรื่องแบบนี้ มาเยอะแล้ว ในทุ่งม่วงแห่งนี้ แต่อาจมีหลายสิ่ง ที่เราจะแลกเปลี่ยนกันได้ (เพราะประสบการณ์ที่เรามีนั้นแตกต่างกัน)
ผมก็ยังเป็นคนหนึ่ง ที่ยังชอบที่จะหา ผลตอบแทนในระยะสั้นสูง กว่าการหาผลตอบแทนในระยะยาว
มาเริ่มกันเลยครับ
มาเริ่มที่ความหมายกันก่อน
"Time Preference" หรือความโหยหาผลตอบแทนนั้นเป็นอัตราส่วนความสำคัญระหว่างการได้รับผลตอบแทนในตอนนี้ เทียบกับการรอเพื่อได้รับผลตอบแทนในอนาคต
High-Time Preference หรือการโหยหาผลตอบแทนในระยะสั้นที่สูง เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่กำเนิด และเป็นสัญชาตญาณของเรา และสัตว์โดยทั่วๆไปในโลกนี้ เราจะกินเมื่อหิว หลับเมื่อง่วง เด็กร้องเมื่อหิวนม
ทุกสิ่งล้วนเป็นสิ่งที่ทำเพื่อ ให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนในระยะสั้น ในที่นี้จะไม่ได้หมายถึงแค่ เฉพาะ เงิน อาจเป็นอย่างอื่นที่คนเราให้ความสำคัญ เช่น สุขภาพ หรือความสุข
แล้ว Low-Time Preference หรือ การโหยหาผลตอบแทนในระยะสั้นที่ต่ำ ละสิ่งนี้น่าจะไม่ได้อยู่ ในสัญชาตญาณของเรา โดยตรงแต่น่าจะเกิดจากการเรียนรู้ วิวัฒนาการ วัฒนธรรมจากสภาพแวดล้อมที่บีบบังคับ หรือจากประสบการณ์ที่ผ่านมา
โดยส่วนใหญ่จะพบในสัตว์บางชนิดเท่านั้น หรือบางฤดูกาล ที่จะมีการสะสมอาหารไว้กินในอีกฤดูกาลหนึ่ง แต่มักเป็นระยะเวลาสั้นๆ
ในส่วนของมนุษย์ก็เช่นกัน ตั้งแต่ที่เราเริ่มตระหนักรู้
เดินออกจากป่า มีมันสมองที่ขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้เราก็มีการคิดถึงอนาคตมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการสะสมอาหาร เริ่มนำสัตว์มาเลี้ยง เพื่อไว้กินเป็นอาหาร หรือที่เรียกว่าการมีการปฏิวัติเกษตรกรรม
ในบางภูมิภาคที่มีฤดูหนาว ที่หนาวจัด ถ้าไม่มีการสะสมอาหาร หรือคิดถึงอนาคต ราคาที่ต้องจ่าย
อาจหมายถึง การอดตายในฤดูหนาว
แล้วปัจจัยอะไรละ ที่ทำให้ มนุษย์ มี Time-prefernce ที่แตกต่างกัน
ข้อแรก น่าจะเป็น
ภูมิประเทศ
ในประเทศที่อยู่ใกล้ทางขั้วโลกเหนือหรือใต้ของโลก จะถูกบีบให้คิดถึง การโหยหาผลตอบแทนในระยะสั้นที่ต่ำในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว เพื่ออดไว้กินฤดูหนาว
การเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน ในช่วงฤดูหนาว ถ้าไม่มีการสะสมอาหารที่เพียงพอใน ช่วงฤดูกาลอื่นๆ ในอาจหมายถึงชีวิต
ด้วยวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมแบบนี้ หล่อหลอมให้ คนที่อยู่ในพื้นที่นี้จำเป็นต้อง พัฒนาทักษะ การวางแผน การคำนวณปริมาณอาหารที่จะสะสมที่เพียงพอ การล่าสัตว์ วิธีการถนอมอาหาร หรือทักษะการรบ เพื่อปกป้อง หรือแย่งชิงทรัพยากร
จึงไม่น่าแปลกที่ชาติจากยุโรปจะเป็นผู้ที่ เริ่มการล่าอาณานิคม เพื่อแย่งชิงทรัพยากร จากผู้ที่ไม่สามารถรักษามันไว้ได้
ส่วนประเทศที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร อากาศอบอุ่นกว่า ที่สามารถเพาะปลูกได้ตลอดปี
จะมีการโหยหาผลตอบแทนระยะสั้นที่สูงกว่า
เนื่องจาก ภูมิประเทศในแถบนี้ มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องวางแผนเพื่ออนาคตข้างหน้า ตื่นเช้ามาหาอาหารกินได้ทักวัน ผู้คนส่วนใหญ่จึงใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน คิดถึงอนาคตน้อยลง
ทักษะส่วนใหญ่ที่ถูกพัฒนาขึ้น ในประเทศแถบนี้
ทักษะการทำอาหาร ทักษะต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ ศิลปะ ภาษา วัฒนธรรม การเข้าสังคม
เมื่อพื้นที่ต่างๆในโลก เริ่มเชื่อมต่อกันมากขึ้น มีการรวมกลุ่มกันเพื่อก่อตั้งประเทศ และการล่า อาณานิคม ทำให้เกิดสาเหตุที่สองขึ้นมามากขึ้น
นั้นคือ ความขาดแคลน
ข้อที่สอง
ความขาดแคลน
ในยุคของการรวมกลุ่มกันเพื่อก่อตั้งประเทศ และการล่าอาณานิคม ได้ก่อให้เกิดพัฒนาการในสังคมมนุษย์ขึ้นอย่างมหาศาล และส่งผลต่อการคิดถึงผลตอบแทนในระยะสั้น มากกว่าอิทธิพลของภูมิประเทศ
แต่เดิมหน้าที่ของมนุษย์เรานั้นเพียงแค่ กิน นอน และสืบพันธุ์ ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ชนิดอื่น แต่เมื่อสมองของเรามีวิวัฒนาการที่มากยิ่งขึ้น ภาษา และระบบสังคม ทำให้การที่จะอธิบายถึงความต้องการจากสัญชาติญาณที่แท้จริงนั้น เริ่มมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และการที่จะทำให้เกิดความขาดแคลนความต้องการได้นั้นต้องเป็นสิ่งที่เราให้คุณค่ากันมันมาก เราถึงจะรู้สึกขาดได้
การให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆรอบตัวที่แตกต่างกันของมนุษย์ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนคุณค่า ต่อกันในสังคมมนุษย์ ก่อให้เกิด สิ่งที่เรียกว่า เงิน ซึ่งเป็นตัวแทนของคุณค่าที่เราใช้แลกเปลี่ยนกัน แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่ เงิน สามารถ แทนที่คุณค่าได้ทั้งหมด เช่น สุขภาพ ความสัมพันธ์กับผู้อื่น ความรัก
ความขาดแคลน เป็นสิ่งที่บีบบังคับ ความคิด ตัวตน
ของมนุษย์ทุกคน สัญชาตญาณของมนุษย์
ถูกออกแบบมาเพื่อค้นหาวิธีการที่จะเอาตัวรอดได้เสมอ เมื่อเราประสบกับความขาดแคลนจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป มีแนวโน้มว่าเราจะโหยหาผลตอบแทนจากสิ่งนั้นที่สูงขึ้น
ในปัจจุบันสิ่งเราให้คุณค่าถูกบังคับ ให้เกิดความขาดแคลนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้วยสาเหตุต่างๆมากมาย
จากประเทศจากเจ้าอาณานิคม ระบบทุนนิยมที่มีผู้ชักนำ ผู้นำที่บริหารผิดพลาด หรือเห็นแก่ตัว ของประเทศนั้นๆ
การทำให้เงินของเรานั้นมีมูลค่าลดลงในทุกๆวัน ทำให้อาหารของเรามีสารอาหารที่น้อยลงเพื่อลดต้นทุนและซ่อนเงินเฟ้อ การทำลายระบบการศึกษาเพื่อให้ผลิตคนมาป้อนตลาดแรงงาน
หรือบางครั้ง ความขาดแคลน ก็อาจจะเกิดมาจากคนในยุคก่อนหน้าคนในครอบครัว ที่มีการโหยหาผลตอบระยะสั้นที่สูง ใช้วิธีการและเครื่องมือที่ผิด เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทน ด้วยการเดิมพันกับผลตอบแทนในอนาคต
การเปรียบเทียบตัวเอง กับค่านิยมของสังคมต่างๆ ความรู้สึกอยากเป็นคนสำคัญ
ทุกสิ่งล้วนส่งผลให้เกิดความขาดแคลน
และนำไปสู่การโหยหาผลตอบแทนระยะสั้นที่สูงขึ้น
บทสรุป
งั้นหมายความว่าที่เขียนมาทั้งหมดนี้
การมี High-time preference การโหยหาผลตอบแทนระยะสั้นสูง มันก็ไม่ดีสินะ
ชีวิตเรามันต้อง Low-time preference เท่านั้น!
จะว่าอย่างนั้นมันก็ไม่ถูกอีก
การโหยหาผลตอบแทนในระยะสั้นสูง ในระดับที่เหมาะสม นั้นเป็นเรื่องที่ดี
เราหิวก็ควรต้องกิน เมื่อยก็ไปนวด
ป่วยก็ไปหาหมอ ทำงานก็ควรต้องมีเวลาหาความสุขอยู่กับครอบครัว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลตอบแทนในปัจจุบันทั้งนั้น ไม่สามารถเก็บออมไปถึงอนาคตได้
ผมเคยเจอคนที่สุดโต่งมาก
เรื่อง การโหยหาผลตอบแทนระยะสั้นที่ต่ำ
ทำงาน ทำงาน ทำงาน หาเงิน(ที่ยังไงก็ระเหยอยู่ดี)
ไม่มีเวลาให้ครอบครัว หาความสุขให้ตัวเอง ใช่ครับ ถ้าการทำงานคือความสุข นั้นคือคุณทำสิ่งถูกต้อง
แต่ถ้าการทำแบบนั้น มันทำให้เราไม่มีความสุขในปัจจุบันทั้งๆที่ มีเงินมหาศาลอยู่ในบัญชี มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราถูกขังอยู่ในกรงของค่านิยมอะไรซักอย่าง หรือการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น
การมีระดับ การโหยหาผลตอบแทนระยะสั้น ที่เหมาะสมนั้นถือว่ามีความจำเป็น กับชีวิตมาก
แต่ในปัจจุบัน มีหลายๆคน ที่ไม่สามารถ แม้แต่จะคิดถึง คำว่า Low-Time Preference ได้
เมื่อเงินที่ถืออยู่ไม่มีค่า การมูลค่าการออมเวลาและแรงงานถูกขโมย ออกไปในทุกๆวัน
ให้กับผู้ที่อยู่ด้านบนหอคอย ที่จำเป็นจะต้องปกปิดความผิดของพวกเขาด้วยวิธีการสร้าง คำศัพท์ กฏเกณฑ์อะไรมากมาย เพื่อกดขี่ และปกครอง ประเทศอื่นๆ ด้วยวิธีการใหม่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม
การบีบบังคับ ให้คนโหยหาผลตอบแทนมากขึ้น เนื่องจาก เงินมันระเหยได้ ด้วยวิธีการ ใช้ตลาดทุน ดอกเบี้ย และหนี้สิน นั้นทำให้คนที่ระดับล่างสุด ต้องแทบขายเวลาและแรงงานของพวกเขาทั้งชีวิต เพื่อให้ได้เงินมา แค่พอประทังชีวิต และการที่คนต้องทำงานเกือบทั้งชีวิตนั้น ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทำให้เกิดการขาดแคลนในด้านอื่นๆเช่นกัน
#siamstr
#rightshift
#hightimepreference
ปล. ขอนอกเรื่องนิดนึง ขอบคุณช่อง Right shift
มากที่ช่วงนี้ มีการตัดคลิปซอยย่อยเป็นคลิปสั้นๆเพิ่มมากขึ้น
เหมาะกับการเอาป้ายยาคนอื่น ให้เป็น Bitcoiner มากครับ
เมื่อก่อนยาวมากตามฟังไม่ไหว เวลามีน้อยยังต้องตามหาเงิน Fiat 555
วันนี้ผมจะมาเขียน ในเรื่อง การโหยหาผลตอบแทนในระยะสั้น (Time preference)
หลังจากตั้งท่ามานาน ว่าจะเขียนบทความอะไรดี ที่สามารถแลกเปลี่ยนคุณค่าให้คนอ่านได้บ้าง
ก็คงจะเป็นเรื่องนี้ละ เพราะเป็นสิ่งที่เราประสบพบเจอกับมันทุกวัน ถาม-ตอบ อยู่กับตัวเองบ่อยๆ
หลายท่าน คงเคยได้อ่านเรื่องแบบนี้ มาเยอะแล้ว ในทุ่งม่วงแห่งนี้ แต่อาจมีหลายสิ่ง ที่เราจะแลกเปลี่ยนกันได้ (เพราะประสบการณ์ที่เรามีนั้นแตกต่างกัน)
ผมก็ยังเป็นคนหนึ่ง ที่ยังชอบที่จะหา ผลตอบแทนในระยะสั้นสูง กว่าการหาผลตอบแทนในระยะยาว
มาเริ่มกันเลยครับ
มาเริ่มที่ความหมายกันก่อน
"Time Preference" หรือความโหยหาผลตอบแทนนั้นเป็นอัตราส่วนความสำคัญระหว่างการได้รับผลตอบแทนในตอนนี้ เทียบกับการรอเพื่อได้รับผลตอบแทนในอนาคต
High-Time Preference หรือการโหยหาผลตอบแทนในระยะสั้นที่สูง เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่กำเนิด และเป็นสัญชาตญาณของเรา และสัตว์โดยทั่วๆไปในโลกนี้ เราจะกินเมื่อหิว หลับเมื่อง่วง เด็กร้องเมื่อหิวนม
ทุกสิ่งล้วนเป็นสิ่งที่ทำเพื่อ ให้ได้มาซึ่งผลตอบแทนในระยะสั้น ในที่นี้จะไม่ได้หมายถึงแค่ เฉพาะ เงิน อาจเป็นอย่างอื่นที่คนเราให้ความสำคัญ เช่น สุขภาพ หรือความสุข
แล้ว Low-Time Preference หรือ การโหยหาผลตอบแทนในระยะสั้นที่ต่ำ ละสิ่งนี้น่าจะไม่ได้อยู่ ในสัญชาตญาณของเรา โดยตรงแต่น่าจะเกิดจากการเรียนรู้ วิวัฒนาการ วัฒนธรรมจากสภาพแวดล้อมที่บีบบังคับ หรือจากประสบการณ์ที่ผ่านมา
โดยส่วนใหญ่จะพบในสัตว์บางชนิดเท่านั้น หรือบางฤดูกาล ที่จะมีการสะสมอาหารไว้กินในอีกฤดูกาลหนึ่ง แต่มักเป็นระยะเวลาสั้นๆ
ในส่วนของมนุษย์ก็เช่นกัน ตั้งแต่ที่เราเริ่มตระหนักรู้
เดินออกจากป่า มีมันสมองที่ขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้เราก็มีการคิดถึงอนาคตมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการสะสมอาหาร เริ่มนำสัตว์มาเลี้ยง เพื่อไว้กินเป็นอาหาร หรือที่เรียกว่าการมีการปฏิวัติเกษตรกรรม
ในบางภูมิภาคที่มีฤดูหนาว ที่หนาวจัด ถ้าไม่มีการสะสมอาหาร หรือคิดถึงอนาคต ราคาที่ต้องจ่าย
อาจหมายถึง การอดตายในฤดูหนาว
แล้วปัจจัยอะไรละ ที่ทำให้ มนุษย์ มี Time-prefernce ที่แตกต่างกัน
ข้อแรก น่าจะเป็น
ภูมิประเทศ
ในประเทศที่อยู่ใกล้ทางขั้วโลกเหนือหรือใต้ของโลก จะถูกบีบให้คิดถึง การโหยหาผลตอบแทนในระยะสั้นที่ต่ำในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว เพื่ออดไว้กินฤดูหนาว
การเอาชีวิตรอดในแต่ละวัน ในช่วงฤดูหนาว ถ้าไม่มีการสะสมอาหารที่เพียงพอใน ช่วงฤดูกาลอื่นๆ ในอาจหมายถึงชีวิต
ด้วยวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมแบบนี้ หล่อหลอมให้ คนที่อยู่ในพื้นที่นี้จำเป็นต้อง พัฒนาทักษะ การวางแผน การคำนวณปริมาณอาหารที่จะสะสมที่เพียงพอ การล่าสัตว์ วิธีการถนอมอาหาร หรือทักษะการรบ เพื่อปกป้อง หรือแย่งชิงทรัพยากร
จึงไม่น่าแปลกที่ชาติจากยุโรปจะเป็นผู้ที่ เริ่มการล่าอาณานิคม เพื่อแย่งชิงทรัพยากร จากผู้ที่ไม่สามารถรักษามันไว้ได้
ส่วนประเทศที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร อากาศอบอุ่นกว่า ที่สามารถเพาะปลูกได้ตลอดปี
จะมีการโหยหาผลตอบแทนระยะสั้นที่สูงกว่า
เนื่องจาก ภูมิประเทศในแถบนี้ มีความอุดมสมบูรณ์ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องวางแผนเพื่ออนาคตข้างหน้า ตื่นเช้ามาหาอาหารกินได้ทักวัน ผู้คนส่วนใหญ่จึงใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน คิดถึงอนาคตน้อยลง
ทักษะส่วนใหญ่ที่ถูกพัฒนาขึ้น ในประเทศแถบนี้
ทักษะการทำอาหาร ทักษะต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ ศิลปะ ภาษา วัฒนธรรม การเข้าสังคม
เมื่อพื้นที่ต่างๆในโลก เริ่มเชื่อมต่อกันมากขึ้น มีการรวมกลุ่มกันเพื่อก่อตั้งประเทศ และการล่า อาณานิคม ทำให้เกิดสาเหตุที่สองขึ้นมามากขึ้น
นั้นคือ ความขาดแคลน
ข้อที่สอง
ความขาดแคลน
ในยุคของการรวมกลุ่มกันเพื่อก่อตั้งประเทศ และการล่าอาณานิคม ได้ก่อให้เกิดพัฒนาการในสังคมมนุษย์ขึ้นอย่างมหาศาล และส่งผลต่อการคิดถึงผลตอบแทนในระยะสั้น มากกว่าอิทธิพลของภูมิประเทศ
แต่เดิมหน้าที่ของมนุษย์เรานั้นเพียงแค่ กิน นอน และสืบพันธุ์ ไม่ต่างอะไรจากสัตว์ชนิดอื่น แต่เมื่อสมองของเรามีวิวัฒนาการที่มากยิ่งขึ้น ภาษา และระบบสังคม ทำให้การที่จะอธิบายถึงความต้องการจากสัญชาติญาณที่แท้จริงนั้น เริ่มมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และการที่จะทำให้เกิดความขาดแคลนความต้องการได้นั้นต้องเป็นสิ่งที่เราให้คุณค่ากันมันมาก เราถึงจะรู้สึกขาดได้
การให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆรอบตัวที่แตกต่างกันของมนุษย์ ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนคุณค่า ต่อกันในสังคมมนุษย์ ก่อให้เกิด สิ่งที่เรียกว่า เงิน ซึ่งเป็นตัวแทนของคุณค่าที่เราใช้แลกเปลี่ยนกัน แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่ เงิน สามารถ แทนที่คุณค่าได้ทั้งหมด เช่น สุขภาพ ความสัมพันธ์กับผู้อื่น ความรัก
ความขาดแคลน เป็นสิ่งที่บีบบังคับ ความคิด ตัวตน
ของมนุษย์ทุกคน สัญชาตญาณของมนุษย์
ถูกออกแบบมาเพื่อค้นหาวิธีการที่จะเอาตัวรอดได้เสมอ เมื่อเราประสบกับความขาดแคลนจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไป มีแนวโน้มว่าเราจะโหยหาผลตอบแทนจากสิ่งนั้นที่สูงขึ้น
ในปัจจุบันสิ่งเราให้คุณค่าถูกบังคับ ให้เกิดความขาดแคลนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้วยสาเหตุต่างๆมากมาย
จากประเทศจากเจ้าอาณานิคม ระบบทุนนิยมที่มีผู้ชักนำ ผู้นำที่บริหารผิดพลาด หรือเห็นแก่ตัว ของประเทศนั้นๆ
การทำให้เงินของเรานั้นมีมูลค่าลดลงในทุกๆวัน ทำให้อาหารของเรามีสารอาหารที่น้อยลงเพื่อลดต้นทุนและซ่อนเงินเฟ้อ การทำลายระบบการศึกษาเพื่อให้ผลิตคนมาป้อนตลาดแรงงาน
หรือบางครั้ง ความขาดแคลน ก็อาจจะเกิดมาจากคนในยุคก่อนหน้าคนในครอบครัว ที่มีการโหยหาผลตอบระยะสั้นที่สูง ใช้วิธีการและเครื่องมือที่ผิด เพื่อให้ได้มาซึ่งผลตอบแทน ด้วยการเดิมพันกับผลตอบแทนในอนาคต
การเปรียบเทียบตัวเอง กับค่านิยมของสังคมต่างๆ ความรู้สึกอยากเป็นคนสำคัญ
ทุกสิ่งล้วนส่งผลให้เกิดความขาดแคลน
และนำไปสู่การโหยหาผลตอบแทนระยะสั้นที่สูงขึ้น
บทสรุป
งั้นหมายความว่าที่เขียนมาทั้งหมดนี้
การมี High-time preference การโหยหาผลตอบแทนระยะสั้นสูง มันก็ไม่ดีสินะ
ชีวิตเรามันต้อง Low-time preference เท่านั้น!
จะว่าอย่างนั้นมันก็ไม่ถูกอีก
การโหยหาผลตอบแทนในระยะสั้นสูง ในระดับที่เหมาะสม นั้นเป็นเรื่องที่ดี
เราหิวก็ควรต้องกิน เมื่อยก็ไปนวด
ป่วยก็ไปหาหมอ ทำงานก็ควรต้องมีเวลาหาความสุขอยู่กับครอบครัว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลตอบแทนในปัจจุบันทั้งนั้น ไม่สามารถเก็บออมไปถึงอนาคตได้
ผมเคยเจอคนที่สุดโต่งมาก
เรื่อง การโหยหาผลตอบแทนระยะสั้นที่ต่ำ
ทำงาน ทำงาน ทำงาน หาเงิน(ที่ยังไงก็ระเหยอยู่ดี)
ไม่มีเวลาให้ครอบครัว หาความสุขให้ตัวเอง ใช่ครับ ถ้าการทำงานคือความสุข นั้นคือคุณทำสิ่งถูกต้อง
แต่ถ้าการทำแบบนั้น มันทำให้เราไม่มีความสุขในปัจจุบันทั้งๆที่ มีเงินมหาศาลอยู่ในบัญชี มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราถูกขังอยู่ในกรงของค่านิยมอะไรซักอย่าง หรือการเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่น
การมีระดับ การโหยหาผลตอบแทนระยะสั้น ที่เหมาะสมนั้นถือว่ามีความจำเป็น กับชีวิตมาก
แต่ในปัจจุบัน มีหลายๆคน ที่ไม่สามารถ แม้แต่จะคิดถึง คำว่า Low-Time Preference ได้
เมื่อเงินที่ถืออยู่ไม่มีค่า การมูลค่าการออมเวลาและแรงงานถูกขโมย ออกไปในทุกๆวัน
ให้กับผู้ที่อยู่ด้านบนหอคอย ที่จำเป็นจะต้องปกปิดความผิดของพวกเขาด้วยวิธีการสร้าง คำศัพท์ กฏเกณฑ์อะไรมากมาย เพื่อกดขี่ และปกครอง ประเทศอื่นๆ ด้วยวิธีการใหม่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม
การบีบบังคับ ให้คนโหยหาผลตอบแทนมากขึ้น เนื่องจาก เงินมันระเหยได้ ด้วยวิธีการ ใช้ตลาดทุน ดอกเบี้ย และหนี้สิน นั้นทำให้คนที่ระดับล่างสุด ต้องแทบขายเวลาและแรงงานของพวกเขาทั้งชีวิต เพื่อให้ได้เงินมา แค่พอประทังชีวิต และการที่คนต้องทำงานเกือบทั้งชีวิตนั้น ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ทำให้เกิดการขาดแคลนในด้านอื่นๆเช่นกัน
#siamstr
#rightshift
#hightimepreference
ปล. ขอนอกเรื่องนิดนึง ขอบคุณช่อง Right shift
มากที่ช่วงนี้ มีการตัดคลิปซอยย่อยเป็นคลิปสั้นๆเพิ่มมากขึ้น
เหมาะกับการเอาป้ายยาคนอื่น ให้เป็น Bitcoiner มากครับ
เมื่อก่อนยาวมากตามฟังไม่ไหว เวลามีน้อยยังต้องตามหาเงิน Fiat 555