Tung Khempila on Nostr: Cancel Cultural of Marxism กับ ...
Cancel Cultural of Marxism กับ ประเทศไทยที่กำลังเกิดขึ้น
ทฤษฎีของพรรคก้าวไกลที่พยายามทำลายสิ่งที่มีอยู่แล้วในอดีต
ผมเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยเข้าใจทฤษฎีนี้สักเท่าไหร่ แต่เป็นทฤษฎีทางสังคมในรูปแบบการวิพากษ์เชิงวิเคราะห์ของเหล่าปัญญาชน ที่ใช้โจมตีฝ่ายอนุรักษ์นิยม
และคุณเชื่อไหมว่าในประเด็นนี้ทางสังคม ไอ้เรื่องพวกนี้ กลุ่มคนที่ตอบได้ดีกลับมิใช่ “สลิ่ม” ที่กล่าวว่าตัวเองเป็นพวกอนุรักษ์นิยม
แต่เป็น ”คนเสื้อแดงสายอนุรักษ์นิยม“ (ส่วนใหญ่ Pro-พรรคเพื่อไทย)
ผมมีเพื่อนในเฟสที่รู้จักกันตอนเข้าไปทำความเข้าใจ ทฤษฎีทางสังคมและมุมมองของฝ่ายขวาจัด ซึ่งมันสามารถตอบโจทย์ผมได้ค่อนข้างดี
ซึ่งทฤษฎีทางสังคมเหล่านี้เราจะหยิบยกเรื่องของวัฒนธรรมที่มีแต่ดั้งเดิม ของชุมชนท้องถิ่น ก่อนเรื่องราวของทุนนิยมและความยากจน
Cancel Cultural Maxism คือการปฏิวัติวัฒนธรรมโดยการแบ่งคนออกเป็นกลุ่มๆตามลำดับชนชั้น ซึ่งบทวิเคราะห์ให้เห็นถึงความไม่เป็นที่เป็นทาง ทางด้าน ชนชั้นวรรณะ และ ความเหลื่อมล้ำ ทฤษฎีนี้ถูกแพร่หลายจากการกระทำการเล็กๆ มีรูปแบบคล้ายทฤษฎีปฏิวัติของ Antonio Gramcsci ที่มองว่าการปฏิวัติทางสังคมแบบ Shock therapy นั้นไม่ได้ผล
สิ่งเหล่านี้มาพร้อมกับตั้งคำถามทางสังคม ที่ไปในทิศทางเดียวกัน
เช่น “แห่เทียนพรรษาใครได้บุญ” “แห่ไปแล้วคุณรู้ได้ยังไงใครจะได้บุญ”
หรือ แม้กระทั่งเทศกาล สงกานต์ ที่คนพวกนี้ก็จะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ และมองตัวเองไปทาง individualism แบบจอมปลอม
อย่างเช่น พวกแกทำไมต้องสาดน้ำหน้าบ้านฉันด้วย ทำไมต้องทำให้คนอื่นเปียกไปด้วย
หรือ แม้แต่ทฤษฎีผีบุญในอดีตที่รัฐเข้าไปมีบทบาทในการทำลายวัฒนธรรมนี้ของคนในภาคอีสาน
พรรคก้าวไกลใช้ Interlectual ตามทฤษฎีของ Gramsci เพื่อทำลายความเชื่อเดิมๆ ของ คนในพื้นถิ่นอย่างย่อยยับ เพียงเพราะพวกเค้าใช้สิ่งที่พิสูจน์ได้มาครอบงำความเชื่อเดิมๆ ของคนในพื้นที่ ดังนั้นตัวทฤษฎีทางสังคมเมื่อถูกตีตก และ สังคมท้องถิ่นเมื่อไร้ซึ่งความเชื่อที่ถูกทำลายลงไป ก็พร้อมจะหันหน้าเข้า ศูนย์กลาง แห่งการดำรงอยู่
“รัฐบาลจะต้องเข้ามามีบทบาทในทุกเรื่อง”
การทำลายวรรณะทางสังคมหนึ่งสู่อีกสังคมนั้นเน้นไปที่การเข้าไปมีบทบาท ทำให้พวกเค้ากำชัยชนะในระบบรวมศูนย์ทางความเชื่อใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง และนำไปสู่การปฏิวัติที่ง่ายดายขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“ความไม่รู้ทำให้คนมีศรัทธาในปัจเจกชนยิ่งกว่าเดิม”
สิ่งหนึ่งในตัว Nihilism ที่เฉพาะเจาะจงคือ ความรู้มีอยู่แล้ว เราแค่พบเจอนั้นต่างจาก Existentialism ที่มองว่าการค้นพบสิ่งใหม่ๆ นั้นเปรียบเสมือนมือที่มองไม่เห็น
เราค้นพบทฤษฎีผ่านปัจเจกชนเพื่อนำไปต่อยอดการให้ความหมายของความเป็นมนุษย์นั้นขึ้นอยู่กับปัจเจกเพื่อสร้างสังคม
ดังนั้นการกระทำดังกล่าวที่สอดคล้องกับความไม่รู้ในท้องถิ่น นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับศีลธรรมแต่มันเกิดค่านิยมตามธรรมชาติ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับความเจริญในสังคม แต่เกี่ยวกับค่านิยมร่วมของการพัฒนา
สิ่งเหล่านี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผลหนึ่งที่ตัวผม Anti-สลิ่ม ขั้นสุด เพราะพวกเค้าไม่สามารถตอบคำถามเรื่องค่านิยมของสังคมได้ดีเทียบเท่าคนในท้องถิ่น ซึ่งคำตอบของเค้านั้นใช้หลักและวิชาการเพื่อพิสูจน์ความจริงเพียงเพื่อค้นหาความถูกต้อง มากกว่า สิ่งที่เป็นอยู่และการสร้างสังคมที่มีค่านิยมร่วมกันของท้องถิ่นนั้นๆ
#siamstr
ทฤษฎีของพรรคก้าวไกลที่พยายามทำลายสิ่งที่มีอยู่แล้วในอดีต
ผมเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยเข้าใจทฤษฎีนี้สักเท่าไหร่ แต่เป็นทฤษฎีทางสังคมในรูปแบบการวิพากษ์เชิงวิเคราะห์ของเหล่าปัญญาชน ที่ใช้โจมตีฝ่ายอนุรักษ์นิยม
และคุณเชื่อไหมว่าในประเด็นนี้ทางสังคม ไอ้เรื่องพวกนี้ กลุ่มคนที่ตอบได้ดีกลับมิใช่ “สลิ่ม” ที่กล่าวว่าตัวเองเป็นพวกอนุรักษ์นิยม
แต่เป็น ”คนเสื้อแดงสายอนุรักษ์นิยม“ (ส่วนใหญ่ Pro-พรรคเพื่อไทย)
ผมมีเพื่อนในเฟสที่รู้จักกันตอนเข้าไปทำความเข้าใจ ทฤษฎีทางสังคมและมุมมองของฝ่ายขวาจัด ซึ่งมันสามารถตอบโจทย์ผมได้ค่อนข้างดี
ซึ่งทฤษฎีทางสังคมเหล่านี้เราจะหยิบยกเรื่องของวัฒนธรรมที่มีแต่ดั้งเดิม ของชุมชนท้องถิ่น ก่อนเรื่องราวของทุนนิยมและความยากจน
Cancel Cultural Maxism คือการปฏิวัติวัฒนธรรมโดยการแบ่งคนออกเป็นกลุ่มๆตามลำดับชนชั้น ซึ่งบทวิเคราะห์ให้เห็นถึงความไม่เป็นที่เป็นทาง ทางด้าน ชนชั้นวรรณะ และ ความเหลื่อมล้ำ ทฤษฎีนี้ถูกแพร่หลายจากการกระทำการเล็กๆ มีรูปแบบคล้ายทฤษฎีปฏิวัติของ Antonio Gramcsci ที่มองว่าการปฏิวัติทางสังคมแบบ Shock therapy นั้นไม่ได้ผล
สิ่งเหล่านี้มาพร้อมกับตั้งคำถามทางสังคม ที่ไปในทิศทางเดียวกัน
เช่น “แห่เทียนพรรษาใครได้บุญ” “แห่ไปแล้วคุณรู้ได้ยังไงใครจะได้บุญ”
หรือ แม้กระทั่งเทศกาล สงกานต์ ที่คนพวกนี้ก็จะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ และมองตัวเองไปทาง individualism แบบจอมปลอม
อย่างเช่น พวกแกทำไมต้องสาดน้ำหน้าบ้านฉันด้วย ทำไมต้องทำให้คนอื่นเปียกไปด้วย
หรือ แม้แต่ทฤษฎีผีบุญในอดีตที่รัฐเข้าไปมีบทบาทในการทำลายวัฒนธรรมนี้ของคนในภาคอีสาน
พรรคก้าวไกลใช้ Interlectual ตามทฤษฎีของ Gramsci เพื่อทำลายความเชื่อเดิมๆ ของ คนในพื้นถิ่นอย่างย่อยยับ เพียงเพราะพวกเค้าใช้สิ่งที่พิสูจน์ได้มาครอบงำความเชื่อเดิมๆ ของคนในพื้นที่ ดังนั้นตัวทฤษฎีทางสังคมเมื่อถูกตีตก และ สังคมท้องถิ่นเมื่อไร้ซึ่งความเชื่อที่ถูกทำลายลงไป ก็พร้อมจะหันหน้าเข้า ศูนย์กลาง แห่งการดำรงอยู่
“รัฐบาลจะต้องเข้ามามีบทบาทในทุกเรื่อง”
การทำลายวรรณะทางสังคมหนึ่งสู่อีกสังคมนั้นเน้นไปที่การเข้าไปมีบทบาท ทำให้พวกเค้ากำชัยชนะในระบบรวมศูนย์ทางความเชื่อใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง และนำไปสู่การปฏิวัติที่ง่ายดายขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“ความไม่รู้ทำให้คนมีศรัทธาในปัจเจกชนยิ่งกว่าเดิม”
สิ่งหนึ่งในตัว Nihilism ที่เฉพาะเจาะจงคือ ความรู้มีอยู่แล้ว เราแค่พบเจอนั้นต่างจาก Existentialism ที่มองว่าการค้นพบสิ่งใหม่ๆ นั้นเปรียบเสมือนมือที่มองไม่เห็น
เราค้นพบทฤษฎีผ่านปัจเจกชนเพื่อนำไปต่อยอดการให้ความหมายของความเป็นมนุษย์นั้นขึ้นอยู่กับปัจเจกเพื่อสร้างสังคม
ดังนั้นการกระทำดังกล่าวที่สอดคล้องกับความไม่รู้ในท้องถิ่น นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับศีลธรรมแต่มันเกิดค่านิยมตามธรรมชาติ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับความเจริญในสังคม แต่เกี่ยวกับค่านิยมร่วมของการพัฒนา
สิ่งเหล่านี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผลหนึ่งที่ตัวผม Anti-สลิ่ม ขั้นสุด เพราะพวกเค้าไม่สามารถตอบคำถามเรื่องค่านิยมของสังคมได้ดีเทียบเท่าคนในท้องถิ่น ซึ่งคำตอบของเค้านั้นใช้หลักและวิชาการเพื่อพิสูจน์ความจริงเพียงเพื่อค้นหาความถูกต้อง มากกว่า สิ่งที่เป็นอยู่และการสร้างสังคมที่มีค่านิยมร่วมกันของท้องถิ่นนั้นๆ
#siamstr