T21 on Nostr: ------- แค่เดา ------- . ถ้า story ...
-------
แค่เดา
-------
.
ถ้า story ที่จุดตลาดกระทิงรอบที่แล้วคือ De-Fi
story ที่จะจุดตลาดกระทิงรอบถัดไปคือ Bitcoin layer2 (แต่ไม่ใช่ layer2 แบบที่บิตคอยเนอร์เข้าใจ)
.
ผมกำลังพูดถึงของอย่าง Rootstock, Stack และ Ordinal (ยี้!)
.
สาเหตุเพราะ
.
1. มนุษยชาติ(ที่เป็นชิตคอยเนอร์) ได้รีดเค้นความคิดสร้างสรรค์และความเป็นไปได้แทบทุกอย่างเกี่ยวกับ EVM ออกมาหมดแล้ว ตั้งแต่ DEX, GameFi, NFT, DAO, etc. โอกาสที่จะมี use case แบบใหม่ๆ เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีนี้เป็นไปได้ยากมากๆ และการพัฒนาใดๆ ที่เห็นอยู่ในตอนนี้ก็ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการพัฒนาประสิทธิภาพ เช่น ทำให้เร็วกว่าเดิม ถูกกว่าเดิม เป็นแค่การทำเรื่องเดิมๆ ได้ดีขึ้น ไม่ได้สร้างอะไรใหม่ๆ แล้ว (จะมีอะไรใหม่ๆ ได้ก็คงจะหลังจากมี technology breakthrough ครั้งใหม่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็น)
.
2. ผมเห็นด้วยกับตี้(เมื่อไหร่แกจะมาเล่น nostr?) ว่าวงการ De-Fi เป็นตลาดแบบ winner takes all นั่นคือถ้าหากว่า De-Fi มีประโยชน์กับมนุษยชาติและมีคนใช้จริงๆ ก็จะเหลือผู้เล่นใหญ่(ไม่อยากใช้คำเรียกว่าโปรโตคอลเลย)รอดอยู่แค่ไม่กี่เจ้า ในขณะที่ตัวเล็กตัวน้อยอื่นๆ ล้มหายตายจากไป Dev ที่สร้างของพวกนั้นไม่สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดนั้นได้ ต้องถอยออกมาและมองหาโอกาสใหม่ๆ
.
3. บิตคอยน์เพิ่งได้รับอนุมัติให้มี Spot ETF ซึ่งเป็นหมุดหมายต่อวงการ Traditional Finance ว่าภาครัฐยอมรับบิตคอยน์แล้ว บวกกับฮาล์ฟวิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมี angel/VC อีกมากที่รอบที่แล้วยังมองว่าแถวนี้เถื่อน ไม่เข้ามายุ่ง แต่คราวนี้เหมือนได้ไฟเขียวแล้ว เชื่อแล้วว่าบิตคอยน์ไปรอดได้ยาวๆ แน่ ก็อยากจะเข้ามาหาโอกาสด้วย แต่ว่าไม่ได้ซื้อบิตคอยน์เฉยๆ หรอกนะ
.
4. ฝนตกขี้หมูไหล คนไฉไลก็ไหลมารวมตัวกัน Dev จาก De-Fi รอบที่แล้วก็จะเข้าหา VC/angel หน้าใหม่เหล่านั้น นำเสนอโปรเจคเดิมที่เคยทำ เพิ่มเติมคือ "เราจะทำมันบนบิตคอยน์" (ซึ่งจริงๆ คือทำบน Rootstock หรือ Stack ที่อ้างว่าตัวเองเป็น Layer2 smart contract on Bitcoin) เสริมด้วย narrative ว่าเห็นที่คนเค้าใช้ๆ กันอยู่บนอีเธอเรียมนั่นมั้ย มันมีการใช้งานจริงๆ นะเว้ย เราก็จะทำเหมือนมันน่ะแหละ แต่เราจะเจ๋งกว่าเพราะเราทำบน "บล็อกเชน" ที่ใหญ่ที่สุด แกร่งที่สุด และได้รับการยอมรับจากรัฐและประชาชนมากที่สุด เพราะงั้นเราจะดึงผู้ใช้งานหน้าเก่ามาให้หมด และตกผู้ใช้งานหน้าใหม่ที่กำลังจะเข้ามาด้วย!
.
5. เงินมาผ้าหลุด พอมีทุน การตลาดก็มา แจกนั่นแจกนี่ ปั่นข่าวนั้นนี่ แอร์ดงแอร์ดรอป ท่าเดิมๆ น่ะแหละทำมันเข้าไป จะแย่งคนใช้ที่เค้าใช้ De-Fi ในเชนของรอบที่แล้วมาได้มั้ยไม่รู้ แต่ล่อตาล่อใจคนที่เข้ามาใหม่ได้แน่นอน นึกสภาพนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาเพราะเห็นว่าบิตคอยน์ได้รับการยอมรับแล้ว มีฮาล์ฟวิ่ง มี ETF สนใจบิตคอยน์เป็นหลักแน่ล่ะ แต่พอเข้ามาแล้วเจอ "Smart contract on Bitcoin" โอโห จะหนีไปไหนได้
.
6. ถ้าเป็นตามที่คิดไว้ โปรเจกต์และเชนพวกนั้นจะบูม บูมมากๆ ซ้ำรอยกับ De-Fi รอบก่อนด้วยจำนวนเม็ดเงินที่มากกว่า แต่หลังจากบูมแล้วจะหายไปเลยมั้ย หรือจะยังมีคนใช้จริงหลังจากนั้นคงยากที่จะตอบ
.
สรุป: บิตคอยเนอร์คนไหนรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ อยากสนุกอยากซิ่งไม่ว่ากัน แต่ช่วยกันดูแลคนใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาในรอบหน้านี้ด้วย อย่าให้หลงไปเจ็บหนักกับของพวกนั้นโดยเข้าใจว่ามันคือบิตคอยน์
#Siamstr
ปล. ไม่อนุญาตให้แคปไปลงเมนสตรีมมีเดีย กลัวทัวร์ลง 555
แค่เดา
-------
.
ถ้า story ที่จุดตลาดกระทิงรอบที่แล้วคือ De-Fi
story ที่จะจุดตลาดกระทิงรอบถัดไปคือ Bitcoin layer2 (แต่ไม่ใช่ layer2 แบบที่บิตคอยเนอร์เข้าใจ)
.
ผมกำลังพูดถึงของอย่าง Rootstock, Stack และ Ordinal (ยี้!)
.
สาเหตุเพราะ
.
1. มนุษยชาติ(ที่เป็นชิตคอยเนอร์) ได้รีดเค้นความคิดสร้างสรรค์และความเป็นไปได้แทบทุกอย่างเกี่ยวกับ EVM ออกมาหมดแล้ว ตั้งแต่ DEX, GameFi, NFT, DAO, etc. โอกาสที่จะมี use case แบบใหม่ๆ เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีนี้เป็นไปได้ยากมากๆ และการพัฒนาใดๆ ที่เห็นอยู่ในตอนนี้ก็ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการพัฒนาประสิทธิภาพ เช่น ทำให้เร็วกว่าเดิม ถูกกว่าเดิม เป็นแค่การทำเรื่องเดิมๆ ได้ดีขึ้น ไม่ได้สร้างอะไรใหม่ๆ แล้ว (จะมีอะไรใหม่ๆ ได้ก็คงจะหลังจากมี technology breakthrough ครั้งใหม่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็น)
.
2. ผมเห็นด้วยกับตี้(เมื่อไหร่แกจะมาเล่น nostr?) ว่าวงการ De-Fi เป็นตลาดแบบ winner takes all นั่นคือถ้าหากว่า De-Fi มีประโยชน์กับมนุษยชาติและมีคนใช้จริงๆ ก็จะเหลือผู้เล่นใหญ่(ไม่อยากใช้คำเรียกว่าโปรโตคอลเลย)รอดอยู่แค่ไม่กี่เจ้า ในขณะที่ตัวเล็กตัวน้อยอื่นๆ ล้มหายตายจากไป Dev ที่สร้างของพวกนั้นไม่สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดนั้นได้ ต้องถอยออกมาและมองหาโอกาสใหม่ๆ
.
3. บิตคอยน์เพิ่งได้รับอนุมัติให้มี Spot ETF ซึ่งเป็นหมุดหมายต่อวงการ Traditional Finance ว่าภาครัฐยอมรับบิตคอยน์แล้ว บวกกับฮาล์ฟวิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น จะมี angel/VC อีกมากที่รอบที่แล้วยังมองว่าแถวนี้เถื่อน ไม่เข้ามายุ่ง แต่คราวนี้เหมือนได้ไฟเขียวแล้ว เชื่อแล้วว่าบิตคอยน์ไปรอดได้ยาวๆ แน่ ก็อยากจะเข้ามาหาโอกาสด้วย แต่ว่าไม่ได้ซื้อบิตคอยน์เฉยๆ หรอกนะ
.
4. ฝนตกขี้หมูไหล คนไฉไลก็ไหลมารวมตัวกัน Dev จาก De-Fi รอบที่แล้วก็จะเข้าหา VC/angel หน้าใหม่เหล่านั้น นำเสนอโปรเจคเดิมที่เคยทำ เพิ่มเติมคือ "เราจะทำมันบนบิตคอยน์" (ซึ่งจริงๆ คือทำบน Rootstock หรือ Stack ที่อ้างว่าตัวเองเป็น Layer2 smart contract on Bitcoin) เสริมด้วย narrative ว่าเห็นที่คนเค้าใช้ๆ กันอยู่บนอีเธอเรียมนั่นมั้ย มันมีการใช้งานจริงๆ นะเว้ย เราก็จะทำเหมือนมันน่ะแหละ แต่เราจะเจ๋งกว่าเพราะเราทำบน "บล็อกเชน" ที่ใหญ่ที่สุด แกร่งที่สุด และได้รับการยอมรับจากรัฐและประชาชนมากที่สุด เพราะงั้นเราจะดึงผู้ใช้งานหน้าเก่ามาให้หมด และตกผู้ใช้งานหน้าใหม่ที่กำลังจะเข้ามาด้วย!
.
5. เงินมาผ้าหลุด พอมีทุน การตลาดก็มา แจกนั่นแจกนี่ ปั่นข่าวนั้นนี่ แอร์ดงแอร์ดรอป ท่าเดิมๆ น่ะแหละทำมันเข้าไป จะแย่งคนใช้ที่เค้าใช้ De-Fi ในเชนของรอบที่แล้วมาได้มั้ยไม่รู้ แต่ล่อตาล่อใจคนที่เข้ามาใหม่ได้แน่นอน นึกสภาพนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาเพราะเห็นว่าบิตคอยน์ได้รับการยอมรับแล้ว มีฮาล์ฟวิ่ง มี ETF สนใจบิตคอยน์เป็นหลักแน่ล่ะ แต่พอเข้ามาแล้วเจอ "Smart contract on Bitcoin" โอโห จะหนีไปไหนได้
.
6. ถ้าเป็นตามที่คิดไว้ โปรเจกต์และเชนพวกนั้นจะบูม บูมมากๆ ซ้ำรอยกับ De-Fi รอบก่อนด้วยจำนวนเม็ดเงินที่มากกว่า แต่หลังจากบูมแล้วจะหายไปเลยมั้ย หรือจะยังมีคนใช้จริงหลังจากนั้นคงยากที่จะตอบ
.
สรุป: บิตคอยเนอร์คนไหนรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ อยากสนุกอยากซิ่งไม่ว่ากัน แต่ช่วยกันดูแลคนใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้ามาในรอบหน้านี้ด้วย อย่าให้หลงไปเจ็บหนักกับของพวกนั้นโดยเข้าใจว่ามันคือบิตคอยน์
#Siamstr
ปล. ไม่อนุญาตให้แคปไปลงเมนสตรีมมีเดีย กลัวทัวร์ลง 555