U on Nostr: ดู “หลานม่า” ...
ดู “หลานม่า” หนังที่คิดว่าจะไม่ดู เพราะไม่พร้อมเท่าไหร่ เนื่องจากเราก็หลานม่าคนนึง และมีปมกับช่วงเวลาสุดท้ายของอาม่ามากๆ
พอได้ดูก็คืออย่างที่คิด หลายๆฉากมันพาเราย้อนกลับไปหมดเลย ภาพอดีตในหลายๆเหตุการณ์
เปิดมาตั้งแต่ฉากฮวงซุ้ย น้ำตาไหลเป็นน้ำตกทันที ฉากที่อธิบายขนาดของฮวงซุ้ยมันทำให้เรา Backward ย้อนไปทันทีว่า
ที่ผ่านมาเราแม่งพลาดไปเยอะมาก ยิ่งได้รู้ว่าฮวงซุ้ยของอากง อาม่า และ อาอี้จะเป็นบ้านเดี่ยว ยิ่งทำให้รู้สึกโคตรเจ็บปวด
ฉากที่อาม่านั่งหน้าบ้านรอลูกหลานมาหา แม่งโคตรใช่เลย ตอนเด็กๆ อาม่ามานั่งรอที่หน้าบ้านทุกวัน เราจำสายตาที่มองรถหาเราได้แม่นยำมาก มันเป็นแบบนั้นมาตลอดฟลายปี เพราะอาม่ารู้ว่ารถโรงเรียนที่พาเรากลับบ้านจะผ่านหน้าบ้าน เราเห็นอาม่าทุกวัน และโบกมือให้ทุกวัน โดยที่ไม่สนว่าอาม่าจะเห็นเราไหม
(บ้านเรากับโรงเรียนห่างกัน 15 กิโล บ้านอาม่ากับโรงเรียนห่างกัน 2 กิโล)
จนกระทั่งเมื่อเราโต ย้ายโรงเรียน รถโรงเรียนคันใหม่ ไม่ขับผ่านเส้นทางหน้าบ้านม่าอีกแล้ว เราไม่ได้เห็นอาม่าทุกเย็นเหมือนเดิมอีกแล้ว...
แต่ความเจ็บปวดมันสะสมสุดๆ ในวินาทีสุดท้ายที่อาม่าป่วย และ เรากำลังเป็นวัยรุ่น
”เกาะครอบครัว“ มันเล็กลง เหมือนในหนัง inside out 2 ประกอบกับความสัมพันธ์โบกมือให้กันในตอนเย็นมันหายไป
เราเลยไม่เข้าใจว่าการป่วยของอาม่าในครั้งนี้ มันอาจจะทำให้เราไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว เราติดเกมส์ และหลงไปกับความสุขใหม่ๆตามภาษาเด็กๆ จนหลุดพูดอะไรออกไปสักอย่างที่จำไม่ได้
แต่อาม่าตอบกลับมาว่า “ถ้าเตี่ยมา บอกเตี่ยนะว่าอาม่าอยู่ได้ ไม่ต้องมาเฝ้าหรอกกลับบ้านไปอ่านหนังสือเถอะ”
ตอนนั้นแน่นอนว่าเราดีใจนะ แต่ไม่นานอาม่า...ก็จากไปตลอดกาล
ตอนที่พิมพ์เรื่องนี้อยู่ เราร้องไห้เหมือนคนบ้า และเป็นเรื่องเดียวในชีวิตที่เราเสียใจที่สุด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ถ้ามีช่วงเวลาที่ต้องคิดถึงเรื่องนี้ เราจะกลับมาเป็นเด็ก ที่ร้องไห้แบบเด็กที่สูญเสียอะไรสักอย่างแบบไม่มีเหตุผล
เรายึดติดกับเกาะอาม่ามากๆ เพราะมันเต็มไปด้วยตัวตนที่ดีที่สุดและเสียใจที่สุดของเรา
พอได้ดูก็คืออย่างที่คิด หลายๆฉากมันพาเราย้อนกลับไปหมดเลย ภาพอดีตในหลายๆเหตุการณ์
เปิดมาตั้งแต่ฉากฮวงซุ้ย น้ำตาไหลเป็นน้ำตกทันที ฉากที่อธิบายขนาดของฮวงซุ้ยมันทำให้เรา Backward ย้อนไปทันทีว่า
ที่ผ่านมาเราแม่งพลาดไปเยอะมาก ยิ่งได้รู้ว่าฮวงซุ้ยของอากง อาม่า และ อาอี้จะเป็นบ้านเดี่ยว ยิ่งทำให้รู้สึกโคตรเจ็บปวด
ฉากที่อาม่านั่งหน้าบ้านรอลูกหลานมาหา แม่งโคตรใช่เลย ตอนเด็กๆ อาม่ามานั่งรอที่หน้าบ้านทุกวัน เราจำสายตาที่มองรถหาเราได้แม่นยำมาก มันเป็นแบบนั้นมาตลอดฟลายปี เพราะอาม่ารู้ว่ารถโรงเรียนที่พาเรากลับบ้านจะผ่านหน้าบ้าน เราเห็นอาม่าทุกวัน และโบกมือให้ทุกวัน โดยที่ไม่สนว่าอาม่าจะเห็นเราไหม
(บ้านเรากับโรงเรียนห่างกัน 15 กิโล บ้านอาม่ากับโรงเรียนห่างกัน 2 กิโล)
จนกระทั่งเมื่อเราโต ย้ายโรงเรียน รถโรงเรียนคันใหม่ ไม่ขับผ่านเส้นทางหน้าบ้านม่าอีกแล้ว เราไม่ได้เห็นอาม่าทุกเย็นเหมือนเดิมอีกแล้ว...
แต่ความเจ็บปวดมันสะสมสุดๆ ในวินาทีสุดท้ายที่อาม่าป่วย และ เรากำลังเป็นวัยรุ่น
”เกาะครอบครัว“ มันเล็กลง เหมือนในหนัง inside out 2 ประกอบกับความสัมพันธ์โบกมือให้กันในตอนเย็นมันหายไป
เราเลยไม่เข้าใจว่าการป่วยของอาม่าในครั้งนี้ มันอาจจะทำให้เราไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว เราติดเกมส์ และหลงไปกับความสุขใหม่ๆตามภาษาเด็กๆ จนหลุดพูดอะไรออกไปสักอย่างที่จำไม่ได้
แต่อาม่าตอบกลับมาว่า “ถ้าเตี่ยมา บอกเตี่ยนะว่าอาม่าอยู่ได้ ไม่ต้องมาเฝ้าหรอกกลับบ้านไปอ่านหนังสือเถอะ”
ตอนนั้นแน่นอนว่าเราดีใจนะ แต่ไม่นานอาม่า...ก็จากไปตลอดกาล
ตอนที่พิมพ์เรื่องนี้อยู่ เราร้องไห้เหมือนคนบ้า และเป็นเรื่องเดียวในชีวิตที่เราเสียใจที่สุด ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
ถ้ามีช่วงเวลาที่ต้องคิดถึงเรื่องนี้ เราจะกลับมาเป็นเด็ก ที่ร้องไห้แบบเด็กที่สูญเสียอะไรสักอย่างแบบไม่มีเหตุผล
เรายึดติดกับเกาะอาม่ามากๆ เพราะมันเต็มไปด้วยตัวตนที่ดีที่สุดและเสียใจที่สุดของเรา