Bitmania on Nostr: “ถ้าผมเป็น IMF และธนาคารโลก ...
“ถ้าผมเป็น IMF และธนาคารโลก ผมจะใช้วิธีอะไรสูบเอาทรัพยากรไทยไปให้ประเทศกลุ่มอีลิท” อย่างนั้นหรอออ
IMF ประเทศใครมีปัญหา กำลังแย่ ขัดสนเรื่องเงิน ผมพร้อมปล่อยกู้ เอ้ย ช่วยเหลือนะค้าบ
ธนาคารโลก ไหนๆ ประเทศไหนกำลังพัฒนาเดี๋ยวเราพิพม์เงิน เอ้ยเอาเงินที่มีมอบเงินให้ แต่ช่วยทำตามคำขอเราบ้างหน่อยนะ
ถ้าพูดถึงวิธีอะไรที่สูบเอาทรัพยากร
ก่อนอื่นเลยผมจะเริ่มตั้งแต่ใช้เงินทุนแทรกแซงผลิตชุดความคิดผิดๆ ไม่ว่าจะเป็น
“มีหนี้ จะทำให้เราขยัน”
“ไม่ต้องเก็บออม ตายไปก็เอาเงินไปไม่ได้”
“ออมไปจนแก่สุดท้ายไม่ได้ใช้เงิน”
รวมถึงค่านิยม “ของมันต้องมี”
“มีก่อนได้ใช้ก่อน”
“ต้องมีบ้านก่อน30”
“ต้องมีรถส่วนตัวได้แล้วนะ” (ชุดความคิดนี้จะทำให้คนถูกกดดันจากในสังคมและเลือกจะจ่ายแม้เงินในกระเป๋ามีไม่พอ)
แต่จุดประสงค์นี้เพื่อส่งเสริมให้คนในประเทศเป้าหมายมีความต้องการระยะสั้นที่สูงขึ้น จากชุดความเชื่อใหม่ๆ มันก็จะง่ายขึ้นถ้าหากเป็นประเทศที่การศึกษายังไม่ทั่วถึง ทุกคนมักเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน มากกว่าการค้นหาความจริง เมื่อคนมีความต้องการระยะสั้นที่สูงขึ้น คนก็เลือกที่จะไม่เก็บออมและใช้เงินซื้อความสุขระยะสั้นกันมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีหนี้ที่สูงขึ้น การทำงานที่ได้มา 100 บาท ต้องจ่ายหนี้ 70 บาท เหลือกิน 30บาท เก็บออม 0 บาท ก็จะเข้าสู่สภาวะที่ชักจูงผู้คนได้ง่ายขึ้น แต่แค่นั้นยังไม่พอเพราะในเมื่อผมเป็นถึงธนาคารโลกด้วยแล้ว ผมมีอีกหนึ่งพลังนั้นคือการพิมพ์เงินออกมาได้ตามใจนึก เมื่อยิ่งพิมพ์ ข้าวของคาสินค้าจะเริ่มสูงขึ้น(อำนาจในการซื้อที่ลดลงจากเงินในระบบที่เพิ่มขึ้น) การดำรงชีวิตเริ่มยากขึ้นจาก Easy เป็น Hard Mode เงินที่เหลือหลังหักหนี้ 30บาท เริ่มไม่พอใช้ ยังไม่นับเมื่อคนใช้เงินลดลงส่งผลให้ภาคธุรกิจที่โตจากการกู้ รายได้ลดลงก็เริ่มจ่ายไม่ไหว และส่งผลให้ปลดคน เมื่อประชาชนตกงาน สภาพคล่องก็ขาดมือ ไม่มีเงินออม ประชาชนในประเทศก็จะเริ่มเรียกร้องหาใครสักคนมาช่วยเหลือ ฮีโร่คนนั้นก็คือ “รัฐบาล” นโยบายประชานิยม ลดค่าครองชีพ(ไฟฟ้า,น้ำมัน) ,แทรกแซงราคาสินค้า , แจกเงินเพื่อช่วยเหลือ ล้วนต้องใช้เงินทุนมหาศาล แต่ทำไมถึงไม่หยุด? นั้นเพราะได้รับเสียงชมชอบจากคนในประเทศยังไงหล่ะ ได้ต่ออำนาจในมือ (เป็นผู้อ่านจะไม่ชอบหรอครับ) ปลายทางของนโยบายประชานิยม ตามที่รู้กันว่า เมื่อต้องใช้เงินมหาศาลสุดท้ายเงินก็จะหมดและคลังก็จะโล่ง ทางออกคืออะไร?? (กู้สิรออะไรหล่ะ) และนี้แหละครับถึงเวลาของผม (IMF) แล้วที่จะเข้ามาช่วยคุณ ผมที่หว่านเมล็ดไว้ตั้งแต่เผยแพร่ชุดความคิดผิดๆ เข้าไปในประเทศ ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมจะต้องเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ต้องได้รับแล้ว เมื่อรัฐบาลต้องการเงิน ผมก็จะเสนอเงินที่รัฐบาลต้องการแลกกับทรัพยากรในประเทศได้อย่างง่ายดาย โดยที่ประเทศเป้าหมายไม่สามารถต่อรองอะไรได้เลย หากไม่ได้เงินทุนก้อนนี้ประเทศก็ต้องล้มละลาย ซึ่งคนที่ผมดีลด้วยเขาก็ไม่ได้สนประชาชนหรอก เขาสนใจผลประโยชน์ตัวเองมากกว่าครับ ทุกเงินกู้ที่ได้ไป เขาก็ไม่ได้เอาไปทำนโยบายให้ประชาชน100% อยู่แล้ว ผมที่ได้แต่มองเข้าในประเทศว่าสุดท้ายแล้วประชาชนที่เลือกจะเชื่อมากกว่าหาความรู้เขาจะไม่รู้เลยว่าเขาพลาดที่ตรงไหน ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย รัฐบาลที่ชนะเลิศครองใจคนคือรัฐที่แจก แจก แจก มากกว่าการพูดความจริง แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาของผม เพราะสิ่งที่ผมได้คือทรัพยากรของประเทศที่คุณอยู่อาศัยอยู่ยังไงหล่ะ :) “ไม่ว่าผ่านไปกี่สิบปี ก็พบเจอตลอดไป กี่รัฐบาลก็หลงใหลในอำนาจและต้องการเงินเมื่อไม่มีเงินก็ต้องกู้สิค้าบบบ”
#FuckIMF #Siamstr
IMF ประเทศใครมีปัญหา กำลังแย่ ขัดสนเรื่องเงิน ผมพร้อมปล่อยกู้ เอ้ย ช่วยเหลือนะค้าบ
ธนาคารโลก ไหนๆ ประเทศไหนกำลังพัฒนาเดี๋ยวเราพิพม์เงิน เอ้ยเอาเงินที่มีมอบเงินให้ แต่ช่วยทำตามคำขอเราบ้างหน่อยนะ
ถ้าพูดถึงวิธีอะไรที่สูบเอาทรัพยากร
ก่อนอื่นเลยผมจะเริ่มตั้งแต่ใช้เงินทุนแทรกแซงผลิตชุดความคิดผิดๆ ไม่ว่าจะเป็น
“มีหนี้ จะทำให้เราขยัน”
“ไม่ต้องเก็บออม ตายไปก็เอาเงินไปไม่ได้”
“ออมไปจนแก่สุดท้ายไม่ได้ใช้เงิน”
รวมถึงค่านิยม “ของมันต้องมี”
“มีก่อนได้ใช้ก่อน”
“ต้องมีบ้านก่อน30”
“ต้องมีรถส่วนตัวได้แล้วนะ” (ชุดความคิดนี้จะทำให้คนถูกกดดันจากในสังคมและเลือกจะจ่ายแม้เงินในกระเป๋ามีไม่พอ)
แต่จุดประสงค์นี้เพื่อส่งเสริมให้คนในประเทศเป้าหมายมีความต้องการระยะสั้นที่สูงขึ้น จากชุดความเชื่อใหม่ๆ มันก็จะง่ายขึ้นถ้าหากเป็นประเทศที่การศึกษายังไม่ทั่วถึง ทุกคนมักเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน มากกว่าการค้นหาความจริง เมื่อคนมีความต้องการระยะสั้นที่สูงขึ้น คนก็เลือกที่จะไม่เก็บออมและใช้เงินซื้อความสุขระยะสั้นกันมากขึ้น ส่งผลให้ประชาชนมีหนี้ที่สูงขึ้น การทำงานที่ได้มา 100 บาท ต้องจ่ายหนี้ 70 บาท เหลือกิน 30บาท เก็บออม 0 บาท ก็จะเข้าสู่สภาวะที่ชักจูงผู้คนได้ง่ายขึ้น แต่แค่นั้นยังไม่พอเพราะในเมื่อผมเป็นถึงธนาคารโลกด้วยแล้ว ผมมีอีกหนึ่งพลังนั้นคือการพิมพ์เงินออกมาได้ตามใจนึก เมื่อยิ่งพิมพ์ ข้าวของคาสินค้าจะเริ่มสูงขึ้น(อำนาจในการซื้อที่ลดลงจากเงินในระบบที่เพิ่มขึ้น) การดำรงชีวิตเริ่มยากขึ้นจาก Easy เป็น Hard Mode เงินที่เหลือหลังหักหนี้ 30บาท เริ่มไม่พอใช้ ยังไม่นับเมื่อคนใช้เงินลดลงส่งผลให้ภาคธุรกิจที่โตจากการกู้ รายได้ลดลงก็เริ่มจ่ายไม่ไหว และส่งผลให้ปลดคน เมื่อประชาชนตกงาน สภาพคล่องก็ขาดมือ ไม่มีเงินออม ประชาชนในประเทศก็จะเริ่มเรียกร้องหาใครสักคนมาช่วยเหลือ ฮีโร่คนนั้นก็คือ “รัฐบาล” นโยบายประชานิยม ลดค่าครองชีพ(ไฟฟ้า,น้ำมัน) ,แทรกแซงราคาสินค้า , แจกเงินเพื่อช่วยเหลือ ล้วนต้องใช้เงินทุนมหาศาล แต่ทำไมถึงไม่หยุด? นั้นเพราะได้รับเสียงชมชอบจากคนในประเทศยังไงหล่ะ ได้ต่ออำนาจในมือ (เป็นผู้อ่านจะไม่ชอบหรอครับ) ปลายทางของนโยบายประชานิยม ตามที่รู้กันว่า เมื่อต้องใช้เงินมหาศาลสุดท้ายเงินก็จะหมดและคลังก็จะโล่ง ทางออกคืออะไร?? (กู้สิรออะไรหล่ะ) และนี้แหละครับถึงเวลาของผม (IMF) แล้วที่จะเข้ามาช่วยคุณ ผมที่หว่านเมล็ดไว้ตั้งแต่เผยแพร่ชุดความคิดผิดๆ เข้าไปในประเทศ ตอนนี้ถึงเวลาที่ผมจะต้องเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ต้องได้รับแล้ว เมื่อรัฐบาลต้องการเงิน ผมก็จะเสนอเงินที่รัฐบาลต้องการแลกกับทรัพยากรในประเทศได้อย่างง่ายดาย โดยที่ประเทศเป้าหมายไม่สามารถต่อรองอะไรได้เลย หากไม่ได้เงินทุนก้อนนี้ประเทศก็ต้องล้มละลาย ซึ่งคนที่ผมดีลด้วยเขาก็ไม่ได้สนประชาชนหรอก เขาสนใจผลประโยชน์ตัวเองมากกว่าครับ ทุกเงินกู้ที่ได้ไป เขาก็ไม่ได้เอาไปทำนโยบายให้ประชาชน100% อยู่แล้ว ผมที่ได้แต่มองเข้าในประเทศว่าสุดท้ายแล้วประชาชนที่เลือกจะเชื่อมากกว่าหาความรู้เขาจะไม่รู้เลยว่าเขาพลาดที่ตรงไหน ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย รัฐบาลที่ชนะเลิศครองใจคนคือรัฐที่แจก แจก แจก มากกว่าการพูดความจริง แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาของผม เพราะสิ่งที่ผมได้คือทรัพยากรของประเทศที่คุณอยู่อาศัยอยู่ยังไงหล่ะ :) “ไม่ว่าผ่านไปกี่สิบปี ก็พบเจอตลอดไป กี่รัฐบาลก็หลงใหลในอำนาจและต้องการเงินเมื่อไม่มีเงินก็ต้องกู้สิค้าบบบ”
#FuckIMF #Siamstr