What is Nostr?
maiakee
npub1hge…8hs2
2025-01-31 05:44:13

maiakee on Nostr: ...



🪷ไตรลักษณ์ในปฏิจจสมุปบาท โดยละเอียด พร้อมพุทธพจน์ประกอบ

ปฏิจจสมุปบาท (Paticcasamuppāda) เป็นหลักธรรมที่อธิบายว่า สรรพสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยลำพัง และเมื่อเหตุปัจจัยดับ สิ่งนั้นก็ดับไป วงจรแห่งทุกข์ที่ดำเนินไปตามปฏิจจสมุปบาทนี้ ล้วนถูกครอบคลุมด้วยไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)

พระพุทธเจ้าตรัสว่า:

“เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุํ ตถาคโต อาห
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ”
“ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมนั้น และความดับแห่งธรรมนั้นด้วย”
(ขุททกนิกาย ธรรมบท 20.7)

1. อวิชชา (Ignorance) → ทำให้เกิดสังขาร

อวิชชา คือความไม่รู้แจ้งในอริยสัจ 4 ทำให้เกิดการยึดมั่น ถือมั่นในสิ่งทั้งหลาย
• อนิจจัง: อวิชชาไม่คงที่ เปลี่ยนแปลงได้ หากเจริญปัญญา อวิชชาก็ดับไป
• ทุกขัง: เพราะอวิชชา เราจึงดิ้นรน สร้างกรรม ก่อให้เกิดทุกข์
• อนัตตา: อวิชชาไม่ใช่ตัวตน ไม่อาจบังคับให้มีหรือไม่มีได้

📖 พุทธพจน์:

“อวิชชาปจฺจยา สงฺขารา” (เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารเกิดขึ้น)
(มหานิทานสูตร ทีฆนิกาย 15)

🔹 ตัวอย่าง: คนที่เชื่อว่าทรัพย์สินทำให้มีความสุข ยึดติดจนทุกข์เมื่อสูญเสีย

2. สังขาร (Mental Formations) → ทำให้เกิดวิญญาณ

สังขาร คือการปรุงแต่งทางกาย วาจา ใจ ที่เกิดจากอวิชชา
• อนิจจัง: สังขารเกิดขึ้นและดับไปทุกขณะ
• ทุกขัง: เพราะสังขาร เราจึงต้องเวียนว่ายในทุกข์
• อนัตตา: สังขารไม่ใช่ตัวเรา ไม่สามารถควบคุมให้เป็นไปตามต้องการ

📖 พุทธพจน์:

“สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา”
(สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ และธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา)
(ขุททกนิกาย อุทาน 8.3)

🔹 ตัวอย่าง: ความคิดถึงอดีต บางครั้งทำให้สุข บางครั้งทำให้ทุกข์

3. วิญญาณ (Consciousness) → ทำให้เกิดนามรูป

วิญญาณ คือความรับรู้ของจิต ผ่านอายตนะทั้งหก
• อนิจจัง: วิญญาณเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์และสิ่งเร้า
• ทุกขัง: การยึดติดในวิญญาณ ก่อให้เกิดทุกข์
• อนัตตา: วิญญาณไม่ใช่ตัวเรา เพราะเปลี่ยนไปเสมอ

📖 พุทธพจน์:

“วิญญาณํ อนิจฺจํ วิญญาณํ ทุกฺขํ วิญญาณํ อนตฺตา”
(วิญญาณเป็นอนิจจัง เป็นทุกขัง และเป็นอนัตตา)
(ขุททกนิกาย สังยุตตนิกาย วิญญาณสังยุตต์ 22.59)

🔹 ตัวอย่าง: ขณะที่ฟังเพลง เราเพลิดเพลิน แต่เมื่อเพลงจบ ความสุขก็ดับไป

4. นามรูป (Mind & Body) → ทำให้เกิดสฬายตนะ

นามรูป คือกายกับใจที่ทำงานร่วมกัน
• อนิจจัง: ร่างกายและจิตใจเปลี่ยนแปลงเสมอ
• ทุกขัง: การยึดมั่นในกายและใจ ก่อให้เกิดทุกข์
• อนัตตา: กายและใจไม่ใช่ตัวตน

📖 พุทธพจน์:

“ยํ รูปํ อนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ ยํ ทุกฺขํ ตํ อนตฺตา”
(รูปทั้งปวงเป็นอนิจจัง เป็นทุกขัง และเป็นอนัตตา)
(สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค 22.59)

🔹 ตัวอย่าง: คนที่ยึดติดกับความสวยงาม ย่อมทุกข์เมื่อแก่ตัวลง

5. สฬายตนะ (Six Sense Bases) → ทำให้เกิดผัสสะ

สฬายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
• อนิจจัง: ตาเห็นสิ่งหนึ่งแวบเดียวก็เปลี่ยน
• ทุกขัง: อายตนะเป็นช่องทางนำความทุกข์มา
• อนัตตา: ตา หู จมูก ลิ้น ไม่ใช่ของเรา ควบคุมไม่ได้

📖 พุทธพจน์:

“สฬายตนํ อนิจฺจํ สฬายตนํ ทุกฺขํ สฬายตนํ อนตฺตา”
(อายตนะทั้งหกเป็นอนิจจัง เป็นทุกขัง และเป็นอนัตตา)

🔹 ตัวอย่าง: ฟังเสียงคนด่าแล้วโกรธ แต่ถ้าคิดดีๆ มันก็แค่เสียง

6-12: วัฏจักรแห่งทุกข์จาก ผัสสะ → เวทนา → ตัณหา → อุปาทาน → ภพ → ชาติ → ชรามรณะ

ทุกขั้นตอนของกระบวนการนี้เต็มไปด้วย ไตรลักษณ์
• อนิจจัง: ทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วดับไป
• ทุกขัง: ยึดติดกับสิ่งใด ก็นำทุกข์มา
• อนัตตา: ไม่มีสิ่งใดเป็นตัวเราหรือของเรา

📖 พุทธพจน์:

“โย ปฏิจฺจสมุปฺปาทํ ปัสฺสติ, โส ธมฺมํ ปัสฺสติ”
(ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็นธรรม)
(มัชฌิมนิกาย มหาหัตถิปโทปมสูตร 28)

ไตรลักษณ์ปรากฏอยู่ในทุกขั้นตอนของปฏิจจสมุปบาท การเข้าใจสิ่งเหล่านี้ช่วยให้ปล่อยวาง และนำไปสู่การหลุดพ้นจากทุกข์

🪷การดับของปฏิจจสมุปบาทโดยละเอียด ตามหลักพุทธพจน์

ปฏิจจสมุปบาท เป็นกระบวนการแห่งการเกิดทุกข์ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นกุญแจสำคัญสู่การดับทุกข์ เมื่อดับเหตุ ปัจจัยที่เป็นผลย่อมดับตาม นี่คือแนวทางสู่ นิโรธ (การดับทุกข์)

“เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุํ ตถาคโต อาห
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ เอวํ วาที มหาสมโณ”
(ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุแห่งธรรมนั้น และความดับแห่งธรรมนั้นด้วย)
(ขุททกนิกาย ธรรมบท 20.7)

การดับของอวิชชา → สังขารไม่เกิด

อวิชชา ดับได้ด้วย ปัญญา ซึ่งเกิดจาก โยนิโสมนสิการ (การพิจารณาโดยแยบคาย) และอริยมรรคมีองค์แปด

📖 พุทธพจน์:

“อวิชฺชาย เต จ วิชฺชาย อนฺธการํ วิโรจติ”
(เมื่อมีปัญญา ความมืดแห่งอวิชชาย่อมสว่างไสว)
(สังยุตตนิกาย นิทานวรรค 12.23)

• เมื่ออวิชชาดับ สังขารย่อมไม่เกิด → ไม่มีการปรุงแต่งกรรมใหม่
• ตัวอย่าง: คนที่เคยคิดว่าทรัพย์สินเป็นความสุขสูงสุด เมื่อมีปัญญาเข้าใจไตรลักษณ์ ก็เลิกยึดติด

การดับของสังขาร → วิญญาณไม่เกิด

สังขาร ดับเมื่อจิต ไม่ปรุงแต่งด้วยโลภะ โทสะ โมหะ

📖 พุทธพจน์:

“สังขารานํ ขยํ ญตฺวา วิมุตฺติ โหติ เจตโส”
(เมื่อรู้จักการดับไปของสังขาร จิตย่อมหลุดพ้น)
(องฺคุตฺตรนิกาย ปัญจกนิบาต 3.20)

• เมื่อไม่มีสังขาร วิญญาณย่อมไม่เกิด → ไม่มีการรับรู้ที่นำไปสู่การยึดมั่น
• ตัวอย่าง: คนที่เคยอาฆาตคนอื่น เมื่อเจริญเมตตา ก็ไม่ปรุงแต่งจิตให้โกรธอีก

การดับของวิญญาณ → นามรูปไม่เกิด

วิญญาณ ดับเมื่อไม่มีความยึดมั่นในสิ่งที่รับรู้

📖 พุทธพจน์:

“วิญญาณํ นิรุตฺติปถํ ปหาย วิมุตฺติ โหติ”
(เมื่อวิญญาณดับ การหลุดพ้นย่อมเกิดขึ้น)
(สังยุตตนิกาย นิทานวรรค 12.66)

• เมื่อไม่มีวิญญาณ นามรูปย่อมไม่เกิด → ไม่มีร่างกาย-จิตใจเป็นตัวตนให้ยึดถือ
• ตัวอย่าง: ผู้ที่เคยหลงใหลในความงาม เมื่อเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ตัวตน ก็ไม่ยึดติด

การดับของนามรูป → สฬายตนะไม่เกิด

นามรูป ดับเมื่อไม่มีความสำคัญมั่นหมายในกายและจิต

📖 พุทธพจน์:

“นามรูปสฺส นิรฺโธติ สฬายตนํ นิรุชฺฌติ”
(เมื่อนามรูปดับ อายตนะย่อมดับ)
(ทีฆนิกาย มหานิทานสูตร 15)

• เมื่อไม่มีนามรูป อายตนะย่อมไม่เกิด → ไม่มีเครื่องมือรับรู้โลก
• ตัวอย่าง: ผู้ที่เคยให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตา เมื่อเข้าใจว่าเป็นของชั่วคราว ก็ไม่หลงใหล

การดับของสฬายตนะ → ผัสสะไม่เกิด

สฬายตนะ ดับเมื่อไม่ให้ความหมายกับสิ่งภายนอก

📖 พุทธพจน์:

“สฬายตนํ นิรฺโธติ ผสฺโส นิรุชฺฌติ”
(เมื่ออายตนะดับ ผัสสะย่อมดับ)
(สังยุตตนิกาย นิทานวรรค 12.43)

• เมื่อไม่มีอายตนะ ผัสสะย่อมไม่เกิด → ไม่มีการปะทะระหว่างจิตกับโลก
• ตัวอย่าง: คนที่เคยหวั่นไหวต่อเสียงวิจารณ์ เมื่อไม่ยึดถือก็ไม่ทุกข์

การดับของผัสสะ → เวทนาไม่เกิด

ผัสสะ ดับเมื่อไม่แสวงหาความสุขจากสิ่งเร้า

📖 พุทธพจน์:

“ผสฺสปจฺจยา เวทนา เวทนา นิรุชฺฌติ”
(เมื่อผัสสะดับ เวทนาย่อมดับ)
(มหานิทานสูตร ทีฆนิกาย 15)

• เมื่อไม่มีผัสสะ เวทนาย่อมไม่เกิด → ไม่มีสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ
• ตัวอย่าง: นักปฏิบัติที่อยู่ในฌาน ไม่รับรู้เวทนาใดๆ

การดับของเวทนา → ตัณหาไม่เกิด

เวทนา ดับเมื่อไม่มีการยึดติดในสุขหรือทุกข์

📖 พุทธพจน์:

“เวทนา นิรฺโธติ ตณฺหา นิรุชฺฌติ”
(เมื่อเวทนาดับ ตัณหาย่อมดับ)
(สังยุตตนิกาย นิทานวรรค 12.53)

• เมื่อไม่มีเวทนา ตัณหาย่อมไม่เกิด → ไม่แสวงหาสิ่งใดๆ
• ตัวอย่าง: นักบวชที่หมดกิเลส ไม่แสวงหาความสุขทางโลก

การดับของตัณหา → อุปาทานไม่เกิด

ตัณหา ดับเมื่อเห็นทุกสิ่งตามความเป็นจริง

📖 พุทธพจน์:

“ตณฺหาย นิรฺโธติ อุปาทานํ นิรุชฺฌติ”
(เมื่อตัณหาดับ อุปาทานย่อมดับ)

• เมื่อไม่มีตัณหา อุปาทานย่อมไม่เกิด → ไม่ยึดติดสิ่งใดๆ
• ตัวอย่าง: คนที่หมดตัณหา ย่อมไม่ยึดมั่นแม้แต่ชีวิต

การดับของอุปาทาน → ภพไม่เกิด

อุปาทาน ดับเมื่อปล่อยวางทุกสิ่ง

📖 พุทธพจน์:

“อุปาทาน นิรฺโธติ ภโว นิรุชฺฌติ”
(เมื่ออุปาทานดับ ภพย่อมดับ)

• เมื่อไม่มีอุปาทาน ภพย่อมไม่เกิด → ไม่มีการสร้างภพชาติใหม่
• ตัวอย่าง: พระอรหันต์ไม่มีภพใหม่

การดับของภพ → ชาติไม่เกิด

ภพ ดับเมื่อจิตไม่ปรุงแต่งสู่การเกิดใหม่

📖 พุทธพจน์:

“ภว นิรฺโธติ ชาติ นิรุชฺฌติ”
(เมื่อภพดับ ชาติก็ดับ)

• เมื่อไม่มีภพ ชาติย่อมไม่เกิด

การดับของชาติ → ชรามรณะไม่เกิด

📖 พุทธพจน์:

“ชาติ นิรฺโธติ ชรามรณํ นิรุชฺฌติ”
(เมื่อชาติดับ ชรามรณะย่อมดับ)

• เข้าสู่นิพพาน

นิโรธคามินีปฏิปทา คือหนทางสู่การดับทุกข์

การดับของปฏิจจสมุปบาทคือ อริยมรรคมีองค์แปด ซึ่งนำไปสู่ นิพพาน

#Siamstr #พุทธวจน #nostr #ธรรมะ #พุทธศาสนา #พุทธวจนะ
Author Public Key
npub1hge4uuggdfspu0wmffxqs9vj38m55238q3z2jzd907e8qnjmlsyql78hs2