maiakee on Nostr: ...

‼️ความลับของกฎแห่งกรรมข้ามภพข้ามชาติ แท้จริงแล้วถูกเก็บใน Morphic Fields หรือ สนามสัณฐาน และถูกส่งผ่าน การสั่นพ้องทางควอนตัม , การไปเกิดใหม่ได้อัตภาพใหม่อธิบายด้วยควอนตัมได้อย่างไร
☕️บทความ: สนามข้อมูลของกรรมและการสั่นพ้องทางสัณฐาน (Morphic Fields and Morphic Resonance)
นิยามของสนามสัณฐาน (Morphic Fields)
สนามสัณฐาน หรือ Morphic Fields เป็นแนวคิดที่เสนอโดย Rupert Sheldrake นักชีววิทยาชาวอังกฤษ โดยอธิบายว่าสนามนี้เป็นรูปแบบพลังงานที่มีข้อมูลที่ควบคุมพฤติกรรม รูปร่าง และการพัฒนา (organization) ของสิ่งมีชีวิต สังคม และจิตใจ สนามเหล่านี้ไม่เพียงเป็นตัวกลางในการถ่ายโอนข้อมูล แต่ยังสะสมหน่วยความจำจากอดีตของระบบที่คล้ายกันทั่วจักรวาล
1. แนวคิดหลักของสนามสัณฐาน
• Morphic Resonance (การสั่นพ้องทางสัณฐาน):
การสั่นพ้องทางสัณฐานอธิบายว่ารูปแบบหรือพฤติกรรมในปัจจุบันได้รับอิทธิพลจากรูปแบบในอดีตที่คล้ายกันผ่านการเชื่อมต่อพลังงาน Non-locality (ไม่จำกัดด้วยกาลอวกาศ)
• ตัวอย่าง: หากมนุษย์รุ่นก่อนแก้ปัญหาหนึ่งสำเร็จ มนุษย์รุ่นหลังอาจแก้ปัญหาเดียวกันได้ง่ายขึ้นเพราะมี “ความจำสะสม” อยู่ในสนามพลังนั้น
• Self-Organizing Systems (ระบบการจัดระเบียบตนเอง):
สนามสัณฐานทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดและจัดระเบียบให้สิ่งต่างๆ ดำเนินไปในทิศทางที่เหมาะสมที่สุด เช่น การก่อตัวของผลึก การเติบโตของสิ่งมีชีวิต และการพัฒนาความคิด
• ประเภทของ Morphic Fields:
1. สนามรูปร่าง (Morphogenetic Fields): กำหนดรูปร่างและพัฒนาการของสิ่งมีชีวิต เช่น การเจริญเติบโตของตัวอ่อน
2. สนามการรับรู้และพฤติกรรม (Perceptual and Behavioral Fields): มีผลต่อพฤติกรรมสัตว์และมนุษย์ เช่น การเรียนรู้ของกลุ่ม
3. สนามสังคม (Social Fields): ส่งผลต่อการทำงานร่วมกันในสังคม เช่น วัฒนธรรม
4. สนามจิตและความคิด (Mental Fields): มีผลต่อการพัฒนาความคิดและจิตสำนึก
2. การทดลองของ Professor Steven Rose และการสั่นพ้องทางสัณฐาน
ศาสตราจารย์ Steven Rose ทำการทดลองกับลูกไก่เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลของการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อกลุ่มอื่นๆ ผ่านสนามสัณฐาน
• ขั้นตอนการทดลอง:
1. ให้ลูกไก่กลุ่มหนึ่งเรียนรู้หลีกเลี่ยงเมล็ดข้าวโพดสีเหลือง (เคลือบสารโครเมียมซึ่งทำให้มีรสขม)
2. หลังจากนั้น ลูกไก่กลุ่มใหม่ (ซึ่งไม่เคยเจอกับลูกไก่กลุ่มแรก) มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงเมล็ดข้าวโพดสีเหลืองได้เร็วขึ้น แม้จะไม่มีการเรียนรู้โดยตรง
• สรุปผลการทดลอง:
การสั่นพ้องทางสัณฐานทำให้ข้อมูลเกี่ยวกับการหลีกเลี่ยงเมล็ดข้าวโพดถูกถ่ายทอดผ่านสนามพลัง โดยไม่ต้องใช้การสื่อสารทางตรง
3. สนามสัณฐานกับข้อมูลกรรม (Karma Information Fields)
แนวคิดในพุทธศาสนาเกี่ยวกับ กรรม สามารถเชื่อมโยงกับสนามสัณฐานได้ เพราะกรรมคือการสะสมผลกระทบของการกระทำในอดีต ซึ่งสะท้อนผ่านพฤติกรรมและประสบการณ์ในปัจจุบัน
• สนามกรรมเป็นสนามข้อมูลสะสม:
• การกระทำในอดีตสร้าง “การสั่นสะเทือน” ในสนามพลัง
• การกระทำที่เหมือนกันซ้ำๆ จะสร้างรูปแบบเฉพาะที่ส่งผลต่ออนาคต
• ตัวอย่าง: การมีความอาฆาตหรือความรักอย่างต่อเนื่อง จะสร้างสนามพลังที่ดึงดูดสถานการณ์หรือคนที่เหมาะสมกับพลังงานนั้น
4. กลไกการสั่นพ้องทางสัณฐาน
• Non-locality (ไม่จำกัดด้วยกาลอวกาศ):
การถ่ายโอนข้อมูลในสนามสัณฐานไม่ขึ้นอยู่กับระยะทางหรือเวลา
• Quantum Coherence (ความสอดคล้องทางควอนตัม):
สนามสัณฐานอาจทำงานคล้ายกับการพัวพันทางควอนตัม (Quantum Entanglement) ซึ่งสิ่งต่างๆ ที่เคยเชื่อมโยงกันจะยังคงมีปฏิสัมพันธ์กันแม้อยู่ห่างไกล
• Memory Storage (หน่วยความจำสะสม):
สนามนี้สะสมข้อมูลจากอดีตทั้งหมดและดึงกลับมาใช้ได้โดยการสั่นพ้อง
5. ตัวอย่างการใช้งานของสนามสัณฐาน
• ในมนุษย์:
• ความรักและความผูกพัน: เมื่อสองคนมีความรักหรือความเกลียดชังต่อกัน พลังงานเหล่านี้จะก่อตัวเป็นสนามที่ดึงดูดให้ทั้งคู่ต้องพบกันอีกในอนาคต (เหมือน “กรรมร่วม”)
• การเรียนรู้: นักวิทยาศาสตร์อาจค้นพบสิ่งใหม่ได้ง่ายขึ้นเมื่อมีผลงานเก่าเป็นต้นแบบในสนามสัณฐาน
• ในสัตว์:
• การอพยพของนก: การอพยพของนกกลุ่มหนึ่งสามารถส่งต่อรูปแบบการอพยพไปยังกลุ่มถัดไปผ่านสนามพลัง
• ไวรัส: สนามสัณฐานอาจส่งผลต่อการกลายพันธุ์ของไวรัส โดยขึ้นกับรูปแบบเดิมที่เคยเกิดขึ้น
• ในแมว:
• แมวมีความสามารถในการสัมผัสสนามพลังรอบตัว เช่น การรับรู้เหตุการณ์ก่อนเกิดภัยพิบัติ
6. วิธีดึงข้อมูลจากสนามสัณฐาน
• สมาธิและการตั้งเจตนา: การฝึกจิตให้สงบและตั้งคำถามเฉพาะเจาะจง
• การเชื่อมโยงจิตกับสนาม: ฝึกสังเกตสัญญาณหรือแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้น
• การพัฒนาความไวของประสาทสัมผัส: เช่น การฝึกฟังเสียงภายใน หรือการใช้เสียงธรรมชาติช่วยกระตุ้น
สนามสัณฐาน (Morphic Fields) เป็นระบบที่สะสมข้อมูลและส่งต่อรูปแบบผ่านการสั่นพ้อง ซึ่งเชื่อมโยงกับแนวคิดของกรรม การพัวพันทางควอนตัม และความทรงจำของจักรวาล ข้อมูลจากสนามนี้สามารถถูกใช้งานเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ พฤติกรรม และสร้างความสัมพันธ์ในเชิงบวกผ่านกระบวนการเรียนรู้และการปรับเปลี่ยนพลังงานในจิตใจ
**เพิ่มเติม:
☕️กรรมคือผืนนา วิญญาณคือเมล็ดพืช และการเชื่อมโยงกับสนามสัณฐาน
ในบริบทของพุทธศาสนาและการเปรียบเทียบเชิงปรัชญา:
• กรรมเปรียบเหมือนผืนนา: กรรมคือพื้นที่หรือเงื่อนไขที่ถูกสร้างขึ้นจากการกระทำในอดีต ซึ่งส่งผลต่อ “พื้นฐาน” หรือ “สภาพแวดล้อม” ของการเกิดใหม่ กรรมแต่ละอย่างทำหน้าที่เหมือนการเตรียมดิน ทั้งอุดมสมบูรณ์หรือแห้งแล้ง
• วิญญาณเปรียบเหมือนเมล็ดพืช: วิญญาณในฐานะการรับรู้ (Consciousness) ทำหน้าที่เป็น “ตัวเชื่อม” ที่พาอารมณ์และข้อมูลจากขันธ์ไปสู่กระบวนการใหม่ การเกิดของเมล็ดพืชนี้ต้องอาศัยเงื่อนไขที่เหมาะสมจากผืนนากรรม
• ตัณหา (ความอยาก) คือยางเหนียว: ตัณหาคือพลังงานของความยึดมั่นที่ดึงดูดเมล็ดพืชให้ยึดติดกับผืนนา ทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นจากการวนเวียนในวงจรแห่งการเกิดดับ
• นันทิราคะ (ความยินดีและความยึดติด) คือ น้ำหล่อเลี้ยง: เป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงที่ทำให้เมล็ดพืชเติบโตบนผืนนา ยิ่งมีความยินดีในวัตถุหรือประสบการณ์ใดๆ ยิ่งเสริมสร้างวงจรของการเกิดใหม่
เชื่อมโยงกับสนามสัณฐาน (Morphic Fields)
1. กรรมและสนามสัณฐาน
• กรรมเป็นตัวกำหนดสนามสัณฐานของสิ่งมีชีวิต: กรรมในพุทธศาสนาเปรียบเสมือนพลังงานที่สะสมในสนามสัณฐานส่วนบุคคล (Individual Morphic Field) ซึ่งเป็นตัวกำหนดแนวโน้มของชีวิตและพฤติกรรมของบุคคลนั้น
• การสั่นพ้อง (Morphic Resonance): การกระทำซ้ำๆ สร้างรูปแบบเฉพาะในสนามสัณฐาน เช่นเดียวกับที่กรรมสร้างรูปแบบพลังงานในจิตใจและการเกิดใหม่
2. วิญญาณและสนามสัณฐาน
• วิญญาณทำหน้าที่เหมือนเมล็ดพืชที่นำข้อมูลจากกรรมในอดีตผ่านการสั่นพ้องในสนามสัณฐาน
• การพัวพัน (Entanglement) ระหว่างวิญญาณกับสนามพลังต่างๆ ทำให้การเกิดใหม่มีลักษณะที่สอดคล้องกับกรรมที่สะสมไว้
3. ตัณหาและนันทิราคะในสนามสัณฐาน
• ความยึดมั่นในตัณหาและนันทิราคะทำให้ “เมล็ดพืช” ของวิญญาณไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรของการสั่นพ้อง
• สนามสัณฐานสะสมข้อมูลจากอดีต เช่น การปรุงแต่งของจิต (สังขาร) และความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับตัณหา
สัณฐานการได้อัตภาพใหม่ (Rebirth and Morphic Resonance)
• กรรมเป็นตัวกำหนดสนามพลังที่จะเกิดอัตภาพใหม่:
• การกระทำในอดีตสร้างพลังงานที่ดึงดูดเงื่อนไขของการเกิดในอนาคต เช่น การเกิดในร่างมนุษย์ สัตว์ หรือสภาวะอื่น ขึ้นกับพลังงานในสนามสัณฐานที่ถูกปรุงแต่ง
• การถ่ายโอนข้อมูล:
• ข้อมูลในจิต (เช่น ความทรงจำ ความยึดติด หรือคุณธรรม) ถูกถ่ายโอนผ่านสนามพลังนี้โดยไม่ลดทอนด้วยเวลาและสถานที่ (Non-locality)
• ตัวอย่าง: การเกิดใหม่ในสถานที่ที่มีเงื่อนไขคล้ายคลึงกับชีวิตเดิม อธิบายได้ด้วยการสั่นพ้องของสนามกรรมที่ดึงดูดกัน
ตัวอย่าง:
• คนที่มีความเมตตาและการกระทำดีสะสม จะสร้างสนามพลังที่ดึงดูดเงื่อนไขของการเกิดใหม่ในร่างที่มีโอกาสพัฒนาสติปัญญาและคุณธรรมต่อไป
• ในทางกลับกัน การสะสมความอาฆาตและความเกลียดชัง อาจสร้างสนามพลังที่นำไปสู่เงื่อนไขของความทุกข์ในชาติถัดไป
กระบวนการเกิดดับของจิตและการได้อัตภาพใหม่สามารถอธิบายผ่านกลไกของ กรรม และ สนามสัณฐาน ที่สะสมข้อมูลจากอดีต สนามนี้เชื่อมโยงการกระทำในอดีตกับการเกิดในอนาคตผ่านการสั่นพ้องทางพลังงาน ความยึดมั่นในตัณหาและนันทิราคะทำให้วิญญาณหรือจิตไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้ เว้นแต่จะมีการปล่อยวางและตัดวงจรการสั่นพ้องนั้น
#Siamstr #quantum #nostr #ธรรมะ #BTC #พุทธศาสนา #rightshift