Tung Khempila on Nostr: ...
เข้าไปดูเฟสบุ๊คอิสรนิยมศึกษาเพราะมีคนคาบข่าวว่ามีดราม่าด่าบิตคอยน์เนอร์ เอาตามจริงนะ แม่งพูดถูกเรื่อง Social Construction 100% และถูกต้องที่สุดคือ แม่งมีทัวร์ไปลง
-อยากรู้ไหมว่าเพราะอะไร ?
เพราะเราเติบโตมากับการเป็น Materialist จากองค์ประกอบของทั้งภาคการศึกษาและภาคสังคม การเป็น Materialist มันมีข้อดีครับ ซึ่งคือการให้คุณค่าโดยการยึดมั่นในหลักการใดหลักการหนึ่ง
-แต่คุณไม่รู้หรอกว่า มโนมัยจะโผล่มาตอนไหน ?
ใครที่อ่าน Foudation เล่มสองจะเข้าใจจุดนี้ เพราะเรามีเพียงความอยู่และยังอยู่ในวิถีแห่งการสร้างและปฏิบัติในกรรมวิธีดั้งเดิม สุดท้ายคำทำนายอาจจะไม่เป็นจริง เหมือนการโผล่มาของเซลดอนในครั้งนั้นซึ่งเป็นการทำนายที่ผิดไปเสียจากทุกอย่าง (หากไม่มี…)
-กลับมาที่เรื่องเดิม คือ เราเชื่อว่า Materialistic historical มันสร้าง Narrative ที่ทำให้เรามุ่งเป้าไปที่ความดีงาม ที่เกิดขึ้นผ่านศีลธรรมดั้งเดิมโดยความถูกต้อง สิ่งเหล่านี้จะคอยกลบจิตวิญญาณหรือเนื้อแท้ของมนุษย์ตามธรรมชาติ ซึ่งคือ การตัดสินใจโดยปัจเจก
ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมเชื่อในสิ่งที่ดีงาม เพราะการมีอยู่มันถูกสะท้อนออกมาจากการได้ยืนอยู่จุดนั้น ความตายจึงเปรียบเสมือนปรากฏการณ์อย่างหนึ่งเพียงเท่านั้น
-สิ่งต่อมาที่เค้าพูดถูก ?
อำนาจนำทางสังคม คือสิ่งที่เที่ยงแท้แน่นอน ในการเมือง ก็ยังเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ที่หลายๆคนมองข้าม เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ถ้าเราเปรียบเทคโนโลยีเหมือนการ Adoption ใช้งานจนเหมือน facebook คำถามวันนี้จริงๆ คือ มีคนเข้าใจ facebook และ social media สักกี่คน เพราะสุดท้ายคนส่วนใหญ่ก็พร้อมจะทำลาย Minority idea เหมือนเดิม เมื่อมันถูก adoption ใช้งานแบบเต็มที่ ไม่ว่าจะการหลอกลวงจากรัฐบาลทรราชย์ หรือ นักวิชาการ(ที่มีแค่วิชาที่ตัวเองรู้) มันเหมือนศาสนาตรงที่ว่าไม่มีผู้ใดที่เข้าใจได้ 100% ในเจตนารมณ์แห่งความดีงาม
และใช่ครับ ไอเดียร์ที่คนส่วนใหญ่ยอมรับนั่นแหละ สิ่งนั้นแหละอยู่เหนือขึ้นไปภายใต้ ”ความดีงามและความชั่ว“
สุดท้ายอำนาจในการแยกเงินออกจากมือรัฐทำได้จริงไหม ?
มันทำได้จริงครับ แต่มันจะมีรัฐร่วมด้วย และรัฐนั่นเองครับคือตัวปัญหา โดยเฉพาะรัฐบาลกลางของทุกประเทศที่บางคนไม่เข้าใจแม้กระทั่งบิตคอยน์เลยก็ตาม
-อยากรู้ไหมว่าเพราะอะไร ?
เพราะเราเติบโตมากับการเป็น Materialist จากองค์ประกอบของทั้งภาคการศึกษาและภาคสังคม การเป็น Materialist มันมีข้อดีครับ ซึ่งคือการให้คุณค่าโดยการยึดมั่นในหลักการใดหลักการหนึ่ง
-แต่คุณไม่รู้หรอกว่า มโนมัยจะโผล่มาตอนไหน ?
ใครที่อ่าน Foudation เล่มสองจะเข้าใจจุดนี้ เพราะเรามีเพียงความอยู่และยังอยู่ในวิถีแห่งการสร้างและปฏิบัติในกรรมวิธีดั้งเดิม สุดท้ายคำทำนายอาจจะไม่เป็นจริง เหมือนการโผล่มาของเซลดอนในครั้งนั้นซึ่งเป็นการทำนายที่ผิดไปเสียจากทุกอย่าง (หากไม่มี…)
-กลับมาที่เรื่องเดิม คือ เราเชื่อว่า Materialistic historical มันสร้าง Narrative ที่ทำให้เรามุ่งเป้าไปที่ความดีงาม ที่เกิดขึ้นผ่านศีลธรรมดั้งเดิมโดยความถูกต้อง สิ่งเหล่านี้จะคอยกลบจิตวิญญาณหรือเนื้อแท้ของมนุษย์ตามธรรมชาติ ซึ่งคือ การตัดสินใจโดยปัจเจก
ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมเชื่อในสิ่งที่ดีงาม เพราะการมีอยู่มันถูกสะท้อนออกมาจากการได้ยืนอยู่จุดนั้น ความตายจึงเปรียบเสมือนปรากฏการณ์อย่างหนึ่งเพียงเท่านั้น
-สิ่งต่อมาที่เค้าพูดถูก ?
อำนาจนำทางสังคม คือสิ่งที่เที่ยงแท้แน่นอน ในการเมือง ก็ยังเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ที่หลายๆคนมองข้าม เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ถ้าเราเปรียบเทคโนโลยีเหมือนการ Adoption ใช้งานจนเหมือน facebook คำถามวันนี้จริงๆ คือ มีคนเข้าใจ facebook และ social media สักกี่คน เพราะสุดท้ายคนส่วนใหญ่ก็พร้อมจะทำลาย Minority idea เหมือนเดิม เมื่อมันถูก adoption ใช้งานแบบเต็มที่ ไม่ว่าจะการหลอกลวงจากรัฐบาลทรราชย์ หรือ นักวิชาการ(ที่มีแค่วิชาที่ตัวเองรู้) มันเหมือนศาสนาตรงที่ว่าไม่มีผู้ใดที่เข้าใจได้ 100% ในเจตนารมณ์แห่งความดีงาม
และใช่ครับ ไอเดียร์ที่คนส่วนใหญ่ยอมรับนั่นแหละ สิ่งนั้นแหละอยู่เหนือขึ้นไปภายใต้ ”ความดีงามและความชั่ว“
สุดท้ายอำนาจในการแยกเงินออกจากมือรัฐทำได้จริงไหม ?
มันทำได้จริงครับ แต่มันจะมีรัฐร่วมด้วย และรัฐนั่นเองครับคือตัวปัญหา โดยเฉพาะรัฐบาลกลางของทุกประเทศที่บางคนไม่เข้าใจแม้กระทั่งบิตคอยน์เลยก็ตาม