BeYourCyber on Nostr: ไม่ผิดครับ มีโอกาสเป็นแบบนั้น ...
ไม่ผิดครับ มีโอกาสเป็นแบบนั้น
แต่ก่อนไปถึงตรงนั้น
1 นี่คือสิ่งที่ ระบบคัดสรรผู้อ่อนแอ
ใครอ่อนแอ ก็แพ้ไป กำลังขุดจึงลด
2 กำลังขุดที่ลด คนที่อยู่เดิมได้ส่วนแบ่งเพิ่ม
เพราะคนแย่งกันน้อยลง
3 diff จะลด เพราะกำลังขุดที่ลดลง ทำให้ขุดเจอยาก
Diff จึงจะลดลง
แล้วทำให้ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอีก
ถึงข้อนี้แล้วยังไม่ต้องมีใครทำอะไรเพิ่มเลยนะ แค่ผู้ที่อ่อนแอ แพ้ออกไปแค่นั้น
4 เมื่อ diff ลด ขุดง่ายขึ้น กำลังขุดที่ไม่ต้องแรงมาก มีโอกาสกำไรมากขึ้น
ก็จะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และเปิดขุดอีกครั้ง เพราะเริ่มกำไร
กำลังขุดจะเพิ่ม และไปทำให้ diff เพิ่ม เพื่อหาจุดสมดุลย์ใหม่อีกครั้ง วนข้อ 1-4 ไปเรื่อยๆ
5 ถ้าสมมุติฐานที่คุณตั้งมา จะมีผลจริงคือ กำลังขุดลดลงต่อเนื่องระยะยาวจน network อ่อนแอลงได้ + ต้องมีอีกสิ่งหนึ่งประกอบด้วย คือ ราคา
เพราะถ้าราคาต่ำลง จนทำให้คนเลิกขุด แล้ว กำลังขุดลดลง คนที่อยู่ในระบบก็ยังไปต่อไม่ได้อีก แปลว่าราคาต้องลดลงอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ แบบระยะยาว
ซึ่งราคาที่ลดลงระยะยาว หมายความว่าผู้คนเลิกให้คุณค่า เลิกให้ความสนใจ หรือมีอะไรที่ Bitcoin ได้ก้าวพลาดไปแล้วส่งผลกระทบต่อระยะยาว หรือระบบการเงินเปลี่ยนกลับมาเป็นเลิกทำเงินเฟ้อแล้ว จนไม่ต้องพึ่งพา Bitcoin เข้ามาแก้ไข ฯลฯ ตรงนั้นต่างหากที่เราต้องหาให้เจอก่อน ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ 51% attack จะเกิดขึ้นได้จริง
6 51% attack เกิดขึ้นจริงได้ยาก แม้ต่อให้กำลังขุดลดลงจากปัจจุบันไปอีกเยอะแล้วก็ตาม ยังยากอยู่ดี และต่อต้านได้ง่าย แค่พร้อมใจกันเปิดเครื่องขุด และผลกระทบต่ำ คือทำได้หลักๆคือ sensorchip กับ double spending แค่ BTC ในมือของ attacker เองเท่านั้นแหล่ะ แต่ลงทุนมหาศาลเลย ความคุ้มค่าคือต่ำมาก แรงจุงใจให้ทำต่ำมาก
7 ข้อ 5 กับ 6 มันจะ ถ่วงดุลย์ความจริงกันเอง ว่าเกิดอะไรขึ้น
ดังนั้นตลอดระยะเวลาการเติบโตของ Bitcoin เรามีหน้าที่เฝ้าติดตามความเป็นจริงไปเรื่อยๆ ตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบ แบบนี้ ในทุกๆแง่มุม ในทุกๆเรื่อง ถ้าเราไปเจอว่า อะไรที่ไม่มีคำตอบ หรือไม่มีใครตอบได้ นั่นคือความเสี่ยง ขอให้รีบ raise ขึ้นมาทันที มีคนพร้อมที่จะตรวจสอบและหาคำตอบหรือแก้ไขอยู่เสมอ
นี่คือ ความโปร่งใส หรือ Transparency ของ Bitcoin network นั่นเอง
แต่ก่อนไปถึงตรงนั้น
1 นี่คือสิ่งที่ ระบบคัดสรรผู้อ่อนแอ
ใครอ่อนแอ ก็แพ้ไป กำลังขุดจึงลด
2 กำลังขุดที่ลด คนที่อยู่เดิมได้ส่วนแบ่งเพิ่ม
เพราะคนแย่งกันน้อยลง
3 diff จะลด เพราะกำลังขุดที่ลดลง ทำให้ขุดเจอยาก
Diff จึงจะลดลง
แล้วทำให้ได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอีก
ถึงข้อนี้แล้วยังไม่ต้องมีใครทำอะไรเพิ่มเลยนะ แค่ผู้ที่อ่อนแอ แพ้ออกไปแค่นั้น
4 เมื่อ diff ลด ขุดง่ายขึ้น กำลังขุดที่ไม่ต้องแรงมาก มีโอกาสกำไรมากขึ้น
ก็จะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และเปิดขุดอีกครั้ง เพราะเริ่มกำไร
กำลังขุดจะเพิ่ม และไปทำให้ diff เพิ่ม เพื่อหาจุดสมดุลย์ใหม่อีกครั้ง วนข้อ 1-4 ไปเรื่อยๆ
5 ถ้าสมมุติฐานที่คุณตั้งมา จะมีผลจริงคือ กำลังขุดลดลงต่อเนื่องระยะยาวจน network อ่อนแอลงได้ + ต้องมีอีกสิ่งหนึ่งประกอบด้วย คือ ราคา
เพราะถ้าราคาต่ำลง จนทำให้คนเลิกขุด แล้ว กำลังขุดลดลง คนที่อยู่ในระบบก็ยังไปต่อไม่ได้อีก แปลว่าราคาต้องลดลงอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ แบบระยะยาว
ซึ่งราคาที่ลดลงระยะยาว หมายความว่าผู้คนเลิกให้คุณค่า เลิกให้ความสนใจ หรือมีอะไรที่ Bitcoin ได้ก้าวพลาดไปแล้วส่งผลกระทบต่อระยะยาว หรือระบบการเงินเปลี่ยนกลับมาเป็นเลิกทำเงินเฟ้อแล้ว จนไม่ต้องพึ่งพา Bitcoin เข้ามาแก้ไข ฯลฯ ตรงนั้นต่างหากที่เราต้องหาให้เจอก่อน ว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ 51% attack จะเกิดขึ้นได้จริง
6 51% attack เกิดขึ้นจริงได้ยาก แม้ต่อให้กำลังขุดลดลงจากปัจจุบันไปอีกเยอะแล้วก็ตาม ยังยากอยู่ดี และต่อต้านได้ง่าย แค่พร้อมใจกันเปิดเครื่องขุด และผลกระทบต่ำ คือทำได้หลักๆคือ sensorchip กับ double spending แค่ BTC ในมือของ attacker เองเท่านั้นแหล่ะ แต่ลงทุนมหาศาลเลย ความคุ้มค่าคือต่ำมาก แรงจุงใจให้ทำต่ำมาก
7 ข้อ 5 กับ 6 มันจะ ถ่วงดุลย์ความจริงกันเอง ว่าเกิดอะไรขึ้น
ดังนั้นตลอดระยะเวลาการเติบโตของ Bitcoin เรามีหน้าที่เฝ้าติดตามความเป็นจริงไปเรื่อยๆ ตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบ แบบนี้ ในทุกๆแง่มุม ในทุกๆเรื่อง ถ้าเราไปเจอว่า อะไรที่ไม่มีคำตอบ หรือไม่มีใครตอบได้ นั่นคือความเสี่ยง ขอให้รีบ raise ขึ้นมาทันที มีคนพร้อมที่จะตรวจสอบและหาคำตอบหรือแก้ไขอยู่เสมอ
นี่คือ ความโปร่งใส หรือ Transparency ของ Bitcoin network นั่นเอง