maiakee on Nostr: ...

💫ถ้าเวลาไม่มีจริง แล้วอดีต ปัจจุบัน อนาคต มีจริงหรือไม่?

1. แนวคิดของ Bohm: เวลาเป็นเพียงภาพลวงตาของกระบวนการเคลื่อนไหว

David Bohm มองว่า “เวลา” ไม่ได้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงในระดับพื้นฐานของความจริง แต่เป็นเพียงผลลัพธ์ของ Holomovement ซึ่งเป็นกระแสของพลังงานและข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
• ในระดับลึกที่สุด (Implicate Order) ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต เพราะทุกสิ่งดำรงอยู่ในโครงสร้างของข้อมูลที่ยังไม่ได้คลี่คลายออกมา
• แต่ในระดับของ Explicate Order (ความเป็นจริงที่เรารับรู้) อดีต ปัจจุบัน และอนาคตดูเหมือนจะแยกออกจากกัน เพราะเรารับรู้การเปลี่ยนแปลงของ Holomovement ในลักษณะที่เป็น “ลำดับเหตุการณ์”

✅ ดังนั้น ในระดับ Implicate Order อดีต ปัจจุบัน และอนาคตเป็นสิ่งเดียวกัน แต่เมื่อมันถูกคลี่คลายใน Explicate Order มันจึงดูเหมือนว่าเวลามีอยู่จริง

2. อดีต ปัจจุบัน อนาคต ในมุมของ Morphic Field (Rupert Sheldrake)

Morphic Field หรือ สนามมอร์ฟิก เป็นแนวคิดของ Rupert Sheldrake ที่อธิบายว่า ข้อมูล รูปแบบ และความทรงจำไม่ได้ถูกจัดเก็บในสมอง แต่มีสนามพลังงานที่รักษาข้อมูลไว้
• ในมุมของ Morphic Field “อดีต” คือข้อมูลที่สะสมอยู่ในสนามพลังงานนี้ ซึ่งมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตในปัจจุบันและอนาคต
• “ปัจจุบัน” คือการแสดงออกของรูปแบบพลังงานที่ได้รับอิทธิพลจากอดีต
• “อนาคต” คือความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นจากการโต้ตอบของ Morphic Field และกระบวนการ Holomovement ที่ยังไม่ได้คลี่คลายออกมา

✅ ดังนั้น ในมุมมองของ Morphic Field อดีต ปัจจุบัน และอนาคตมีอยู่ในลักษณะของข้อมูลที่สั่งสมและเชื่อมโยงกัน แต่ไม่ได้มีอยู่แยกจากกันอย่างอิสระ

3. การเชื่อมโยงระหว่าง Implicate Order และ Morphic Field

Implicate Order และ Morphic Field มีจุดร่วมกันหลายอย่าง แต่สามารถอธิบายได้ว่าพวกมันทำงานร่วมกันอย่างไร

Implicate Order และ Morphic Field มีแนวคิดที่แตกต่างกันแต่สามารถทำงานร่วมกันได้โดยมีบทบาทที่เกื้อหนุนกัน

Implicate Order ตามแนวคิดของ Bohm เป็นโครงสร้างพื้นฐานของความจริง ซึ่งข้อมูลทุกอย่างของจักรวาลถูกพับเก็บไว้ในระดับที่ยังไม่ถูกเปิดเผย หรือยังไม่ได้คลี่คลายออกมาเป็นสิ่งที่เรารับรู้ในระดับ Explicate Order โลกที่เราเห็นจึงเป็นเพียงการแสดงออกบางส่วนของข้อมูลมหาศาลที่ซ่อนอยู่

Morphic Field ของ Rupert Sheldrake อธิบายว่าโครงสร้าง รูปแบบ และพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตไม่ได้ถูกกำหนดโดยพันธุกรรมเพียงอย่างเดียว แต่มีสนามพลังงานที่เก็บบันทึกข้อมูลของพฤติกรรมและรูปแบบในอดีตไว้ และส่งอิทธิพลต่อพฤติกรรมในปัจจุบันผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Morphic Resonance

ทั้งสองแนวคิดสามารถเชื่อมโยงกันโดยมองว่า Implicate Order เป็น โครงสร้างข้อมูลพื้นฐานของจักรวาลที่มีศักยภาพในการคลี่คลายออกมา ส่วน Morphic Field เป็น กลไกหนึ่งที่ทำหน้าที่บันทึกและส่งผ่านข้อมูลในระดับของสิ่งมีชีวิต เช่นเดียวกับที่คลื่นวิทยุเก็บข้อมูลของเสียงและสามารถแพร่กระจายไปยังสถานีต่างๆ ได้

กล่าวอีกนัยหนึ่ง Implicate Order เป็นขุมข้อมูลทั้งหมดของจักรวาล ในขณะที่ Morphic Field เป็นเครื่องมือที่ช่วยนำข้อมูลบางส่วนมาใช้ในบริบทของสิ่งมีชีวิตและพฤติกรรมที่สืบทอดกันมา ซึ่งหมายความว่า แม้ว่าทุกสิ่งจะถูกพับเก็บไว้ในระดับลึกของความเป็นจริง แต่การคลี่คลายของข้อมูลนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม เพราะยังได้รับอิทธิพลจากแบบแผนพฤติกรรมและโครงสร้างที่มีอยู่แล้วใน Morphic Field

ดังนั้น Implicate Order และ Morphic Field จึงเป็นองค์ประกอบที่เชื่อมโยงกันในการกำหนดรูปแบบของความเป็นจริงที่เราเห็น โดยที่ Implicate Order เป็นรากฐานของศักยภาพทั้งหมด ส่วน Morphic Field เป็นกลไกที่ช่วยกำหนดแนวโน้มของการคลี่คลายข้อมูลใน Explicate Order

การทำงานร่วมกันของทั้งสองแนวคิด
1. Implicate Order เป็นโครงสร้างพื้นฐานของความเป็นจริงที่มีข้อมูลทั้งหมดของจักรวาล
2. Morphic Field เป็นสนามพลังงานที่ช่วยเก็บบันทึกและส่งผ่านข้อมูลจากอดีตสู่ปัจจุบัน
3. Morphic Resonance ทำหน้าที่เหมือนกลไกหนึ่งของ Implicate Order ที่ช่วยกำหนดแนวโน้มของ Explicate Order

✅ Implicate Order เป็น “ภาชนะ” ของข้อมูลทั้งหมด ขณะที่ Morphic Field เป็น “เครื่องมือ” ที่ส่งผ่านข้อมูลเหล่านั้นไปยังสิ่งมีชีวิตและพฤติกรรมใน Explicate Order

4. ตัวอย่างที่เข้าใจง่าย

(1) เสียงสะท้อนในห้องโถง (Morphic Resonance + Implicate Order)
• ลองนึกถึงเสียงที่ดังก้องอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่
• เสียงที่คุณเปล่งออกไปอาจหายไปจากการรับรู้ของคุณ แต่คลื่นเสียงยังคงสะท้อนอยู่ในห้อง
• นี่เหมือนกับ Morphic Field ที่เก็บบันทึกข้อมูลของพฤติกรรมในอดีต
• ในขณะเดียวกัน โครงสร้างของห้อง (Implicate Order) เป็นตัวกำหนดว่าเสียงจะสะท้อนออกมาในรูปแบบใด
• นี่แสดงให้เห็นว่า อดีตไม่เคยหายไป แต่ยังคงมีอิทธิพลต่อปัจจุบันและอนาคตผ่านกระบวนการสะท้อนของพลังงานและข้อมูล

(2) เมล็ดพืชกับต้นไม้ (Explicate Order คลี่คลายจาก Implicate Order)
• เมล็ดพืชมีข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการเติบโตเป็นต้นไม้
• แต่โครงสร้างของต้นไม้ยังไม่ได้ถูกกำหนดแบบตายตัว มันขึ้นอยู่กับ สภาพแวดล้อม (Morphic Field) และปัจจัยอื่นๆ
• Implicate Order เหมือน ดีเอ็นเอของจักรวาล ที่มีข้อมูลทั้งหมด
• Explicate Order เป็น การแสดงออกของข้อมูลนั้นตามเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงได้
• Morphic Field คือ ความทรงจำและแบบแผนที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตของต้นไม้

✅ ดังนั้น อนาคตไม่ได้ถูกกำหนดตายตัว แต่เป็นการคลี่คลายของข้อมูลที่ขึ้นอยู่กับสนามพลังงานและเงื่อนไขอื่นๆ

5. พุทธปรัชญา: เชื่อมโยงกับ “ปฏิจจสมุปบาท” และ “ไตรลักษณ์”

พุทธศาสนากล่าวว่า
• “ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย” (ปฏิจจสมุปบาท) → ตรงกับแนวคิดว่า Explicate Order เกิดจากกระบวนการคลี่คลายของ Implicate Order
• “ไม่มีตัวตนที่แท้จริง” (อนัตตา) → คล้ายกับที่ Bohm บอกว่า ความเป็นจริงไม่ใช่วัตถุแยกจากกัน แต่เป็นกระบวนการของพลังงานและข้อมูลที่ไหลเวียนอยู่
• “ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา” (อนิจจัง) → เหมือนกับที่ Morphic Field และ Holomovement เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด

✅ ดังนั้น Implicate Order และ Morphic Field สอดคล้องกับแนวคิดพุทธที่ว่า “ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยอิสระ ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงกันและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

6. สรุป: ถ้าเวลาไม่มีจริง อดีต ปัจจุบัน อนาคตมีจริงหรือไม่?

✅ ในระดับลึก (Implicate Order) อดีต ปัจจุบัน และอนาคตไม่ได้แยกจากกัน แต่ดำรงอยู่ในโครงสร้างข้อมูลเดียวกัน
✅ Explicate Order ทำให้เรารับรู้เวลาเป็นเส้นตรง เพราะมันคือการคลี่คลายของข้อมูลออกมาในลำดับหนึ่งๆ
✅ Morphic Field ทำหน้าที่เหมือน “ความทรงจำของธรรมชาติ” ที่บันทึกข้อมูลจากอดีตและส่งผ่านไปยังปัจจุบันและอนาคต
✅ การเปลี่ยนแปลงใน Explicate Order ไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม แต่ได้รับอิทธิพลจาก Implicate Order และ Morphic Field

✅ ดังนั้น อดีต ปัจจุบัน และอนาคตเป็นเพียงภาพสะท้อนของโครงสร้างข้อมูลและพลังงานที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
✅ เวลาอาจไม่มีอยู่จริงในระดับพื้นฐาน แต่ความเปลี่ยนแปลงของพลังงานและข้อมูลทำให้เรารับรู้ว่าเวลาไหลไปข้างหน้า

#Siamstr #science #quantum #biology #nostr #ธรรมะ #พุทธศาสนา #rightshift