BeYourCyber on Nostr: ใช่แล้ว แต่มี ...
ใช่แล้ว
แต่มี ส่วนที่ทำงานได้ดีกว่า Fiat นั่นคือ smart contract
เพราะ smart contract นั้นคือตัวที่แสดงความชัดเจน ว่ากฎเกณฑ์ของ crypto ตัวนั้นเป็นอย่างไร สิทธ์ และ อำนาจอยู่ในมือของใคร ยังไง ตอนนี้ใครถือมากน้อยเท่าไร และ สร้างเพิ่มได้มั้ย ยังไง
เราในฐานะผู้ใช้งาน เราเลือกได้ว่าจะไปต่อกับ smart contract ตัวไหน และ เลือกได้ว่า smart contract ตัวไหน ไม่เหมาะกับเรา
และเมื่อเขียนกฎลง smart contract บันทึกลง blockchain มันก็จะเป็นไปแบบนั้น ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้อีก (เว้น proxy implementation ที่ upgrade ได้ภายหลัง)
อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ transparency เพราะว่า public blockchain เราจึงสามารถตรวจสอบ และเฝ้าติดตามได้ทุกการกระทำ ในทุกๆ token ที่สร้างขึ้นมา ซึ่งแตกต่างจาก Fiat ค่อนข้างมาก เพราะต้องเชื่อใจเอาอย่างเดียว ถึงมี Audit เราก็ต้องไปเชื่อใจ Audit อีก สุดท้ายก็แตกตอนจบได้ง่ายๆเลย ทั้งที่ audit มาตลอดทาง แต่ว่า crypto เราคือคน audit เองได้ตลอดเวลา ดังนั้น ก็ไม่ต้องเชื่อใจใครอีกต่อไป ส่วนเรื่องการ mint เพิ่ม ถ้าทำโดยไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้ ก็จะโดนเท ทำให้ project ตายได้ในเวลาข้ามคืนได้เลย
และถ้าคุณได้เข้ามาลองใช้งานใน #DeFi จะพบอีกเรื่องนึง ก็คือ "ไม่มีการกู้ยืมเกินกว่าหลักประกันแบบ Fiat" (ยกเว้นการกู้ยืมเพื่อไปเปิด position ในระบบปิด ซึ่งสามารถ leverage เกินกว่า ที่เรามีหลักประกันได้ แต่ว่าจะ isolate อยู่ในระบบปิดเท่านั้น ถ้าขาดทุนจน liquidate จะเป็น zero sum game เสมอ) ดังนั้น ทุกคนที่ต้องการกู้จะต้องมีหลักประกันเกินว่ามูลค่าที่กู้ยืมตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นกระบวนการ Liquidate จะเกิดขึ้นทันที
และแน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นไปตามการทำงานของ Smart contract นั่นเอง
ดังนั้น ผมว่ามันคือการจำลองระบบการเงิน การธนาคาร เข้ามาไว้ใน smart contract กันเลยทีเดียว
แต่มี ส่วนที่ทำงานได้ดีกว่า Fiat นั่นคือ smart contract
เพราะ smart contract นั้นคือตัวที่แสดงความชัดเจน ว่ากฎเกณฑ์ของ crypto ตัวนั้นเป็นอย่างไร สิทธ์ และ อำนาจอยู่ในมือของใคร ยังไง ตอนนี้ใครถือมากน้อยเท่าไร และ สร้างเพิ่มได้มั้ย ยังไง
เราในฐานะผู้ใช้งาน เราเลือกได้ว่าจะไปต่อกับ smart contract ตัวไหน และ เลือกได้ว่า smart contract ตัวไหน ไม่เหมาะกับเรา
และเมื่อเขียนกฎลง smart contract บันทึกลง blockchain มันก็จะเป็นไปแบบนั้น ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้อีก (เว้น proxy implementation ที่ upgrade ได้ภายหลัง)
อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ transparency เพราะว่า public blockchain เราจึงสามารถตรวจสอบ และเฝ้าติดตามได้ทุกการกระทำ ในทุกๆ token ที่สร้างขึ้นมา ซึ่งแตกต่างจาก Fiat ค่อนข้างมาก เพราะต้องเชื่อใจเอาอย่างเดียว ถึงมี Audit เราก็ต้องไปเชื่อใจ Audit อีก สุดท้ายก็แตกตอนจบได้ง่ายๆเลย ทั้งที่ audit มาตลอดทาง แต่ว่า crypto เราคือคน audit เองได้ตลอดเวลา ดังนั้น ก็ไม่ต้องเชื่อใจใครอีกต่อไป ส่วนเรื่องการ mint เพิ่ม ถ้าทำโดยไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้ ก็จะโดนเท ทำให้ project ตายได้ในเวลาข้ามคืนได้เลย
และถ้าคุณได้เข้ามาลองใช้งานใน #DeFi จะพบอีกเรื่องนึง ก็คือ "ไม่มีการกู้ยืมเกินกว่าหลักประกันแบบ Fiat" (ยกเว้นการกู้ยืมเพื่อไปเปิด position ในระบบปิด ซึ่งสามารถ leverage เกินกว่า ที่เรามีหลักประกันได้ แต่ว่าจะ isolate อยู่ในระบบปิดเท่านั้น ถ้าขาดทุนจน liquidate จะเป็น zero sum game เสมอ) ดังนั้น ทุกคนที่ต้องการกู้จะต้องมีหลักประกันเกินว่ามูลค่าที่กู้ยืมตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นกระบวนการ Liquidate จะเกิดขึ้นทันที
และแน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นไปตามการทำงานของ Smart contract นั่นเอง
ดังนั้น ผมว่ามันคือการจำลองระบบการเงิน การธนาคาร เข้ามาไว้ใน smart contract กันเลยทีเดียว