alpha on Nostr: เงินเฟ้อ 2% หมายความอย่างไร? ...
เงินเฟ้อ 2% หมายความอย่างไร?
สิ่งแรกที่เราต้องเข้าใจคือ โดยธรรมชาติไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเงินโดยตรง
เงินไม่ใช่สินค้าอุปโภค คุณไม่ได้เอามันมากิน มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิต
คุณไม่จำเป็นต้องยัดเงินเข้าไปในเครื่องจักรเพื่อให้มันผลิตเสื้อหรือ sandwich ออกมา
.
.
.
สมมติว่าทุกคนร่วมใจกันทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น 5% ถ้าเงินมีอุปทานคงที่นั่นจะหมายความว่าราคาของสินค้าต่างๆทั้งหมดจะลดลง 5%
หมายความว่าทุกคนที่มีส่วนร่วม คนที่เก็บออมแล้วไม่ได้นำเอาทรัพยากรที่จำเป็นต่อการเพิ่มผลผลิตมาใช้เสียก่อน
แล้วคนที่ได้รับค่าจ้างแรงงานจะรวยขึ้นนิดนึง สมมติว่าคุณได้เงิน 10,000 ดอลลาร์ แล้วคุณเอามันไปซื้อทุกอย่างที่คุณต้องซื้อรวมกันได้ 10,000 ดอลลาร์พอดี สมมติว่าราคาลดลง 5% หรือเศษฐกิจโตขึ้น 5%
สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือเมื่อถึงสิ้นปี คุณจะสามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องซื้อ เพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตที่คุณต้องใช้มาได้แล้วคุณจะยังมีเงินเหลืออีก 500 ดอลลาร์
.
.
.
เนื่องจากทุกอย่างมันมีราคาถูกลง คุณรวยขึ้นเพราะว่าคุณมีส่วนร่วม และทุกคนมีส่วนร่วมกับการเติบโต และเงินเพียงแค่สะท้อนการเติบโตนั้น การที่ราคาลดลงมันเป็นผลของการเติบโตที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แต่ธนาคารกลางกลับมาเล็งเป้าเงินเฟื้อไว้ที่ 2% นั้นหมายความว่าพวกเขาต้องการปลอมแปลงเงิน ผลิตเงินใหม่เข้ามาในระบบให้มากพอที่จะทำให้ผลประโยชน์ 5% ที่เกิดขึ้นหายไป
.
.
.
ผลที่เกิดจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทุกคนช่วยกันทำมานั้น ถูกขโมยไปบวกอีก 2% หลังจากที่คุณทำงานหลังขดหลังแข็งมาเป็นปีคุณกลับจนลง ตอนนี้ถ้าคุณต้องการซื้อทุกอย่างที่เคยซื้อ คุณต้องใช้เงินถึง 10200 dollar คุณต้องยอมตัดสินใจไม่ซื้อบางอย่างที่คุณเคยซื้อ แล้วใครล่ะที่ได้เงินที่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ไป? คุณได้ใช้เครื่องพิมพ์ไหม พวกเข้าให้คุณเข้าไปพิมพ์เงินตามใจชอบไหม เงินเหล่านั้นมันถูกสร้างขึ้นข้างในสถาบันการเงิน มันถูกสร้างขึ้นผ่านกระบวนการของระบบการเงินและการธนาคาร มันก็คือ scam การผลิตเงินปลอมครั้งใหญ่เท่านั้นแหละ และที่แย่กว่านั้นเนี่ยมันมากกว่า 2%
เพราะว่าอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริง
.
.
.
ถ้าคุณลองดูข้อมูลจาก Shadow Stats หรือ Chapwood Index คุณจะเห็นว่าโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆมันจะอยู่ที่ประมาณ 8-12% นั้นหมายความว่าคุณกำลังเสียภาษีเงินได้ 2 ครั้งโดยที่คุณไม่รู้ตัว และภาษีเงินได้ครั้งที่ 2 ทั้งหมดก็จะตรงเข้าสู่กระเป๋าพวกโจรพิมพ์เงินทั้งหลายไป นั้นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมคุณถึงทำงานหนักแทบตายแต่ชีวิตของคุณมันยากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาไม่ได้ตั้งเป้า 2% ไว้เพื่อเหตุผลที่วิเศษวิโสอะไรหรอก มันไม่ได้มาจากการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ
.
.
.
มันแค่เป็นยอดที่น้อยพอที่จะทำให้คุณไม่ยิงพวกเขา ลองคิดดูถ้าเป็นชุมชนที่มีคนอยู่แค่สิบๆคนพวกเขาผลิตน้ำดื่มน้ำใช้และผลิตอาหารเองทั้งหมด พวกเขาทำฟาร์มด้วยตัวเอง พวกเขาสร้างบ้านด้วยตัวเองแล้วอยู่ดีๆมันก็มีคนๆนึงลุกขึ้นพิมพ์เงินแล้วเอาเงินนั้นมาซื้อทุกสื่งทุกอย่างไป เขาไม่ได้อุทิศ ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์เลย เขาแค่พิมพ์เงินขึ้นมาแล้วเขาก็ได้ทุกอย่างที่เราสร้างไป นั้นคือวิถีของพวกชนชั้นโจรพิมพ์เงิน พวกเขาพิมพ์ส่วนคุณทำงาน คุณก็เป็นเพียงแค่แมงเม่าที่คอยมารับเหรียญที่พวกเขาพิมพ์มาเทใส่เท่านั้นแหละ
.
.
.
จาก bitcoin audible, แปลโดย อ.พิริยะ ในรายการ Bitcoin Talk
#siamesebitcoiners
สิ่งแรกที่เราต้องเข้าใจคือ โดยธรรมชาติไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเงินโดยตรง
เงินไม่ใช่สินค้าอุปโภค คุณไม่ได้เอามันมากิน มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกระบวนการผลิต
คุณไม่จำเป็นต้องยัดเงินเข้าไปในเครื่องจักรเพื่อให้มันผลิตเสื้อหรือ sandwich ออกมา
.
.
.
สมมติว่าทุกคนร่วมใจกันทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น 5% ถ้าเงินมีอุปทานคงที่นั่นจะหมายความว่าราคาของสินค้าต่างๆทั้งหมดจะลดลง 5%
หมายความว่าทุกคนที่มีส่วนร่วม คนที่เก็บออมแล้วไม่ได้นำเอาทรัพยากรที่จำเป็นต่อการเพิ่มผลผลิตมาใช้เสียก่อน
แล้วคนที่ได้รับค่าจ้างแรงงานจะรวยขึ้นนิดนึง สมมติว่าคุณได้เงิน 10,000 ดอลลาร์ แล้วคุณเอามันไปซื้อทุกอย่างที่คุณต้องซื้อรวมกันได้ 10,000 ดอลลาร์พอดี สมมติว่าราคาลดลง 5% หรือเศษฐกิจโตขึ้น 5%
สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือเมื่อถึงสิ้นปี คุณจะสามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องซื้อ เพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตที่คุณต้องใช้มาได้แล้วคุณจะยังมีเงินเหลืออีก 500 ดอลลาร์
.
.
.
เนื่องจากทุกอย่างมันมีราคาถูกลง คุณรวยขึ้นเพราะว่าคุณมีส่วนร่วม และทุกคนมีส่วนร่วมกับการเติบโต และเงินเพียงแค่สะท้อนการเติบโตนั้น การที่ราคาลดลงมันเป็นผลของการเติบโตที่เกิดขึ้นก่อนหน้า แต่ธนาคารกลางกลับมาเล็งเป้าเงินเฟื้อไว้ที่ 2% นั้นหมายความว่าพวกเขาต้องการปลอมแปลงเงิน ผลิตเงินใหม่เข้ามาในระบบให้มากพอที่จะทำให้ผลประโยชน์ 5% ที่เกิดขึ้นหายไป
.
.
.
ผลที่เกิดจากทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทุกคนช่วยกันทำมานั้น ถูกขโมยไปบวกอีก 2% หลังจากที่คุณทำงานหลังขดหลังแข็งมาเป็นปีคุณกลับจนลง ตอนนี้ถ้าคุณต้องการซื้อทุกอย่างที่เคยซื้อ คุณต้องใช้เงินถึง 10200 dollar คุณต้องยอมตัดสินใจไม่ซื้อบางอย่างที่คุณเคยซื้อ แล้วใครล่ะที่ได้เงินที่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ไป? คุณได้ใช้เครื่องพิมพ์ไหม พวกเข้าให้คุณเข้าไปพิมพ์เงินตามใจชอบไหม เงินเหล่านั้นมันถูกสร้างขึ้นข้างในสถาบันการเงิน มันถูกสร้างขึ้นผ่านกระบวนการของระบบการเงินและการธนาคาร มันก็คือ scam การผลิตเงินปลอมครั้งใหญ่เท่านั้นแหละ และที่แย่กว่านั้นเนี่ยมันมากกว่า 2%
เพราะว่าอัตราเงินเฟ้อที่แท้จริง
.
.
.
ถ้าคุณลองดูข้อมูลจาก Shadow Stats หรือ Chapwood Index คุณจะเห็นว่าโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆมันจะอยู่ที่ประมาณ 8-12% นั้นหมายความว่าคุณกำลังเสียภาษีเงินได้ 2 ครั้งโดยที่คุณไม่รู้ตัว และภาษีเงินได้ครั้งที่ 2 ทั้งหมดก็จะตรงเข้าสู่กระเป๋าพวกโจรพิมพ์เงินทั้งหลายไป นั้นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมคุณถึงทำงานหนักแทบตายแต่ชีวิตของคุณมันยากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาไม่ได้ตั้งเป้า 2% ไว้เพื่อเหตุผลที่วิเศษวิโสอะไรหรอก มันไม่ได้มาจากการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ด้วยซ้ำ
.
.
.
มันแค่เป็นยอดที่น้อยพอที่จะทำให้คุณไม่ยิงพวกเขา ลองคิดดูถ้าเป็นชุมชนที่มีคนอยู่แค่สิบๆคนพวกเขาผลิตน้ำดื่มน้ำใช้และผลิตอาหารเองทั้งหมด พวกเขาทำฟาร์มด้วยตัวเอง พวกเขาสร้างบ้านด้วยตัวเองแล้วอยู่ดีๆมันก็มีคนๆนึงลุกขึ้นพิมพ์เงินแล้วเอาเงินนั้นมาซื้อทุกสื่งทุกอย่างไป เขาไม่ได้อุทิศ ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์เลย เขาแค่พิมพ์เงินขึ้นมาแล้วเขาก็ได้ทุกอย่างที่เราสร้างไป นั้นคือวิถีของพวกชนชั้นโจรพิมพ์เงิน พวกเขาพิมพ์ส่วนคุณทำงาน คุณก็เป็นเพียงแค่แมงเม่าที่คอยมารับเหรียญที่พวกเขาพิมพ์มาเทใส่เท่านั้นแหละ
.
.
.
จาก bitcoin audible, แปลโดย อ.พิริยะ ในรายการ Bitcoin Talk
#siamesebitcoiners