Tung Khempila on Nostr: เมื่อทุกคนพูดถึง 1984… ...
เมื่อทุกคนพูดถึง 1984… แต่ผมกำลังอินกับบุรุษชาวรัสเซียที่ชื่อ Fyodor Dostoevsky
ผมได้ยินชื่อชายคนนี้จาก Jordan Peterson และคำนิยามจากหนังสือนี้มาจาก Friedrich Nietzsche ว่า Dostoevsky คือบุคคลที่เค้าพอจะหาสาระได้จากเรื่องจิตวิทยา แม้ว่าตัวของ Nietzsche จะไม่เคยพบ Dostoevsky ในช่วงเวลาเดียวกันก็ตาม
ในขั้วตรงข้าม “God is dead,We have killed him …” และประโยคหลายๆอย่าง มันคือมุมสะท้อนและวิวัฒนาการของศาสนา การเย้ยหยัน และพร้อมที่จะฆ่าเมื่อพบ คือการก้าวไปสู่สิ่งสูงสุด ถ้าคุณสามารถฆ่าพระเจ้าได้ ใครคือผู้กำเนิดศาสนาหรือศีลธรรม
Fyodor Dostoevsky คือนักปฏวัติ และ กลายมาเป็นนักปฏิบัติ จริงๆ ผ่านผลงานชิ้นเอกของเค้าอย่าง Brother of Karamasov ตัวเค้ากลายเป็น คริสเตียนออโทด็อกและถูกขับไล่ออกจากกลุ่ม Socialism Utopian เพราะหากไร้ซึ่งศาสนา คุณก็สามารถนับถือสิ่งต่างๆขึ้นมาได้ใหม่ แล้วใยสิ่งที่ดี หรือ ทัดเทียมเท่าพระเจ้า จะไม่ใช่หนทางแห่งการก้าวข้ามความทุกข์
ใช่แล้วครับวันนี้ผมมาพูดถึงหนังสือที่ผมพึ่งอ่านจบ เมื่อสองเดือนที่แล้ว และผมพยายามทำความเข้าใจมันอยู่
”Crime and Punishment “
นี่คือหนังสือแห่งคำเตือน และคำทำนายก่อนปฏิวัติรัสเซีย
โดยตัวเอกของเรื่องมีชื่อว่า ราสโครนิคอฟ ซึ่งเป็นคนที่ฉลาดหัวไว เข้ามาเรียนที่กรุง นคร เซนปีเตอร์สเบิร์ก โดย ราสโครนิคอฟ ต้องหาเงินเพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ เค้าเคยแม้กระทั่งเขียนเหตุผลของคดีฆาตรกรรม และ การตัดสินใจสองทางเลือกลงหนังสือพิมพ์
บทพิสูจน์เริ่มขึ้น เมื่อสภาวะอดยากเริ่มคืบคลาน ราสโคลนิคอฟต้องพักการเรียนในวัยยี่สิบต้นๆ แม่ของเค้าที่ไม่ได้พบหน้ามาหลายปี ส่งจดหมายมาบอกว่า … น้องสาวเค้ากำลังจะแต่งงาน และ ลูกจะได้เรียนหนังสือแล้ว
เหตุการณ์ทั้งหมดผมอยากให้คุณไปศึกษาเอาเอง
แต่ประเด็นหลักๆ ที่ผมอยากจะแนะนำเลย
คือ 1. คุณค่าทางศีลธรรม มาจากผลลัพธ์ของการกระทำ
2.ผู้ไม่ล่วงรู้ย่อมขาดสติของการเป็นตัวตนแห่งอนาคต
และ สภาวะการของสิ่วที่ง่ายดายและไร้ความหมาย “สูญนิยม”
“สูญนิยม” คือ ภาวะที่นำไปสู่ ความคิดของการครอบครอง และ ความหมายที่ไม่มีอยู่จริง และนั่นคือ ทุกสิ่งนั้นไร้ความหมาย เปรียบมนุษย์เฉกเช่นอากาศ และ เล็กเกินไปในสิ่งที่มีเป็นจุดกำเนิด
สุญนิยมนั้นนำไปสู่ลัทธิอย่างเช่น ส่วนหนึ่งของคอมมิวนิสต์ หรือ สังคมนิยม
เราทำงานหนักแต่คุณค่าและความหมายกลับเท่าเดิม หรือ เริ่มรู้สึกตัวว่าไร้ความหมาย
ชีวิตแห่งทาส นั้นนำไปสู่การตัดสินใจแบบทาส เกิดขึ้นในสังคมหลังปฏิวัติอุตสาหกรรม ยุคใหม่
นั่นแหละครับ สิ่งที่นิทเช่กำลังจะบอก คุณในปรัชญาของเค้า
“พระเจ้านั้นตายไปแล้ว และ พวกเราที่ฆ่าเค้าลงไป อะไรกันคือสิ่งที่ทำให้เราทำอย่างนั้น อะไรกันที่ทำให้เรามีความหมาย ฆาตรกรในหมู่เหล่าของฆาตรกร มีสิ่งไหนบ้างจะช่วยเช็ดคาบเลือดพระทัย หรือ สิ่งไหนบ้างจะล้างความโสโคกนี้ ให้หมดสิ้น หรือ การกำเนิดขึ้นของสิ่งที่เทียบเคียง“
ในตอนสุดท้ายของเรื่องราสโคลนิคอฟ นั้นได้ถือหนังสือเล่มหนึ่งไว้ในมือ และ มองว่าคุณค่าที่เค้าได้ก่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน่าเศร้า หรือ น่าละอายใจทั้งหลาย ได้ก่อกำเนิดความสวยงามตรงหน้าเค้า และ ผู้หญิงคนนั้นคือความสวยงามที่เค้ารับ และคือพรวิเศษ จากคุณค่าของเค้า
มุมมองของดอสโตเยฟสกี้สะท้อนสิ่งที่ ฟอยด์ได้เคยพูดว่าอดีตส่งผลกระทบถึงปัจจุบัน ในมุมมองของดอสโตเยฟสกี้ มองว่าสิ่งเหล่านี้แหละมันสวยงาม
แม้คุณจะผ่านสิ่งที่เลวร้าย ความงดงามของสภาวะที่เป็นอยู่หนือแม้แต่ลมหายใจ ที่คุณสามารถอยู่กับมันได้… นั่นแหละจะช่วยเยียวยา ผู้ยิ่งใหญ่เฉกเช่นเดียวกับคุณ
#siamstr
ผมได้ยินชื่อชายคนนี้จาก Jordan Peterson และคำนิยามจากหนังสือนี้มาจาก Friedrich Nietzsche ว่า Dostoevsky คือบุคคลที่เค้าพอจะหาสาระได้จากเรื่องจิตวิทยา แม้ว่าตัวของ Nietzsche จะไม่เคยพบ Dostoevsky ในช่วงเวลาเดียวกันก็ตาม
ในขั้วตรงข้าม “God is dead,We have killed him …” และประโยคหลายๆอย่าง มันคือมุมสะท้อนและวิวัฒนาการของศาสนา การเย้ยหยัน และพร้อมที่จะฆ่าเมื่อพบ คือการก้าวไปสู่สิ่งสูงสุด ถ้าคุณสามารถฆ่าพระเจ้าได้ ใครคือผู้กำเนิดศาสนาหรือศีลธรรม
Fyodor Dostoevsky คือนักปฏวัติ และ กลายมาเป็นนักปฏิบัติ จริงๆ ผ่านผลงานชิ้นเอกของเค้าอย่าง Brother of Karamasov ตัวเค้ากลายเป็น คริสเตียนออโทด็อกและถูกขับไล่ออกจากกลุ่ม Socialism Utopian เพราะหากไร้ซึ่งศาสนา คุณก็สามารถนับถือสิ่งต่างๆขึ้นมาได้ใหม่ แล้วใยสิ่งที่ดี หรือ ทัดเทียมเท่าพระเจ้า จะไม่ใช่หนทางแห่งการก้าวข้ามความทุกข์
ใช่แล้วครับวันนี้ผมมาพูดถึงหนังสือที่ผมพึ่งอ่านจบ เมื่อสองเดือนที่แล้ว และผมพยายามทำความเข้าใจมันอยู่
”Crime and Punishment “
นี่คือหนังสือแห่งคำเตือน และคำทำนายก่อนปฏิวัติรัสเซีย
โดยตัวเอกของเรื่องมีชื่อว่า ราสโครนิคอฟ ซึ่งเป็นคนที่ฉลาดหัวไว เข้ามาเรียนที่กรุง นคร เซนปีเตอร์สเบิร์ก โดย ราสโครนิคอฟ ต้องหาเงินเพื่อชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ เค้าเคยแม้กระทั่งเขียนเหตุผลของคดีฆาตรกรรม และ การตัดสินใจสองทางเลือกลงหนังสือพิมพ์
บทพิสูจน์เริ่มขึ้น เมื่อสภาวะอดยากเริ่มคืบคลาน ราสโคลนิคอฟต้องพักการเรียนในวัยยี่สิบต้นๆ แม่ของเค้าที่ไม่ได้พบหน้ามาหลายปี ส่งจดหมายมาบอกว่า … น้องสาวเค้ากำลังจะแต่งงาน และ ลูกจะได้เรียนหนังสือแล้ว
เหตุการณ์ทั้งหมดผมอยากให้คุณไปศึกษาเอาเอง
แต่ประเด็นหลักๆ ที่ผมอยากจะแนะนำเลย
คือ 1. คุณค่าทางศีลธรรม มาจากผลลัพธ์ของการกระทำ
2.ผู้ไม่ล่วงรู้ย่อมขาดสติของการเป็นตัวตนแห่งอนาคต
และ สภาวะการของสิ่วที่ง่ายดายและไร้ความหมาย “สูญนิยม”
“สูญนิยม” คือ ภาวะที่นำไปสู่ ความคิดของการครอบครอง และ ความหมายที่ไม่มีอยู่จริง และนั่นคือ ทุกสิ่งนั้นไร้ความหมาย เปรียบมนุษย์เฉกเช่นอากาศ และ เล็กเกินไปในสิ่งที่มีเป็นจุดกำเนิด
สุญนิยมนั้นนำไปสู่ลัทธิอย่างเช่น ส่วนหนึ่งของคอมมิวนิสต์ หรือ สังคมนิยม
เราทำงานหนักแต่คุณค่าและความหมายกลับเท่าเดิม หรือ เริ่มรู้สึกตัวว่าไร้ความหมาย
ชีวิตแห่งทาส นั้นนำไปสู่การตัดสินใจแบบทาส เกิดขึ้นในสังคมหลังปฏิวัติอุตสาหกรรม ยุคใหม่
นั่นแหละครับ สิ่งที่นิทเช่กำลังจะบอก คุณในปรัชญาของเค้า
“พระเจ้านั้นตายไปแล้ว และ พวกเราที่ฆ่าเค้าลงไป อะไรกันคือสิ่งที่ทำให้เราทำอย่างนั้น อะไรกันที่ทำให้เรามีความหมาย ฆาตรกรในหมู่เหล่าของฆาตรกร มีสิ่งไหนบ้างจะช่วยเช็ดคาบเลือดพระทัย หรือ สิ่งไหนบ้างจะล้างความโสโคกนี้ ให้หมดสิ้น หรือ การกำเนิดขึ้นของสิ่งที่เทียบเคียง“
ในตอนสุดท้ายของเรื่องราสโคลนิคอฟ นั้นได้ถือหนังสือเล่มหนึ่งไว้ในมือ และ มองว่าคุณค่าที่เค้าได้ก่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน่าเศร้า หรือ น่าละอายใจทั้งหลาย ได้ก่อกำเนิดความสวยงามตรงหน้าเค้า และ ผู้หญิงคนนั้นคือความสวยงามที่เค้ารับ และคือพรวิเศษ จากคุณค่าของเค้า
มุมมองของดอสโตเยฟสกี้สะท้อนสิ่งที่ ฟอยด์ได้เคยพูดว่าอดีตส่งผลกระทบถึงปัจจุบัน ในมุมมองของดอสโตเยฟสกี้ มองว่าสิ่งเหล่านี้แหละมันสวยงาม
แม้คุณจะผ่านสิ่งที่เลวร้าย ความงดงามของสภาวะที่เป็นอยู่หนือแม้แต่ลมหายใจ ที่คุณสามารถอยู่กับมันได้… นั่นแหละจะช่วยเยียวยา ผู้ยิ่งใหญ่เฉกเช่นเดียวกับคุณ
#siamstr