maiakee on Nostr: ...

⚡️จากอสังหาริมทรัพย์สู่ Bitcoin: เมื่อเงินเฟ้อทำลายเสถียรภาพและความมั่งคั่งข้ามรุ่น
ในอดีต การเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง คนรุ่นก่อนรีบซื้อบ้านโดยใช้ประโยชน์จากดอกเบี้ยต่ำและราคาที่จับต้องได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ราคาบ้านพุ่งสูงขึ้นเกินเอื้อมของคนรุ่นใหม่ ขณะที่ค่าครองชีพกลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การมีบ้านกลายเป็นเพียงภาพฝันของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน
แต่ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาความล้มเหลวทางการเงินของคนรุ่นใหม่เท่านั้น ต้นเหตุแท้จริงมาจากโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่บิดเบือนโดยรัฐ ซึ่งรวมถึงการพิมพ์เงินมหาศาล (M2 money supply expansion) ที่ทำให้ค่าเงินเฟ้อที่แท้จริงสูงกว่าที่ตัวเลข CPI สะท้อนออกมา สิ่งนี้ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทำให้เสถียรภาพของประชาชนลดลงในทุกมิติ ตั้งแต่เศรษฐกิจ ครอบครัว สุขภาพ ไปจนถึงคุณภาพชีวิตโดยรวม
⚡️M2 Money Supply: ต้นตอของปัญหาที่ถูกมองข้าม
เงินเฟ้อไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลข CPI (Consumer Price Index) ที่รัฐบาลรายงาน เพราะแท้จริงแล้ว M2 ซึ่งเป็นตัวชี้วัดปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ ได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่ามาก ตัวอย่างเช่น:
• ในช่วงวิกฤตปี 2020–2021 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้พิมพ์เงินเพิ่มขึ้นถึง 40% ของปริมาณเงินทั้งหมดในระบบเศรษฐกิจ
• เงินเหล่านี้ไหลเข้าสู่ตลาดทุน อสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ทางการเงิน ทำให้ราคาสินทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ขณะที่ค่าครองชีพของประชาชนทั่วไปกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อ M2 ขยายตัวเร็วขึ้นกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจจริง เงินทุกหน่วยที่ประชาชนถืออยู่จะถูกลดค่า (debased) โดยอัตโนมัติ กล่าวคือ คนทำงานหนักขึ้นแต่กลับยากจนลงเรื่อย ๆ
นักเศรษฐศาสตร์สาย Austrian เช่น Murray Rothbard และ Ludwig von Mises เคยเตือนไว้ว่า เงินเฟ้อไม่ได้หมายถึงแค่ราคาสินค้าที่สูงขึ้น แต่มันคือกระบวนการที่ทำให้ประชาชนสูญเสียอำนาจซื้อโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว
“Inflation is not simply a rise in prices; it is an increase in the supply of money and credit.” — Ludwig von Mises
⚡️ผลกระทบของเงินเฟ้อต่อเสถียรภาพในชีวิตประจำวัน
1. ครอบครัวและความสัมพันธ์ที่เปราะบางลง
ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อทำให้หลายครอบครัวเผชิญกับความเครียดทางการเงิน การทะเลาะเบาะแว้งเกี่ยวกับเงินกลายเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการหย่าร้าง
• ข้อมูลจากสถาบัน American Psychological Association (APA) ระบุว่า “ปัญหาทางการเงินเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ของคู่รัก”
• เมื่อค่าครองชีพเพิ่มขึ้น ความกดดันในการหาเงินมากขึ้นก็ทำให้พ่อแม่มีเวลาน้อยลงกับลูก ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงดูและพัฒนาการของเด็ก
2. การศึกษาที่ด้อยลง
ในอดีต ครอบครัวชนชั้นกลางสามารถส่งลูกเรียนมหาวิทยาลัยได้โดยไม่ต้องกู้เงินจำนวนมหาศาล แต่ทุกวันนี้ ค่าเล่าเรียนเพิ่มขึ้นเร็วกว่ารายได้ของครอบครัว ส่งผลให้หนี้กู้ยืมเพื่อการศึกษาพุ่งสูง
• ค่าเล่าเรียนมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 1,200% ตั้งแต่ปี 1978 ซึ่งสูงกว่าค่าเงินเฟ้อทั่วไปหลายเท่า
• ระบบการศึกษาในปัจจุบันบีบบังคับให้คนรุ่นใหม่เข้าสู่ภาวะหนี้สินตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสสร้างความมั่นคงทางการเงินเหมือนคนรุ่นก่อน
3. คุณภาพอาหารและสุขภาพที่แย่ลง
เงินเฟ้อส่งผลให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น ขณะที่คุณภาพของอาหารลดลง
• อาหารแปรรูปและอาหารขยะ (processed food) กลายเป็นตัวเลือกหลักของคนส่วนใหญ่ เนื่องจากมีราคาถูกกว่าผักผลไม้หรืออาหารสด
• โรคอ้วน เบาหวาน และโรคเรื้อรังอื่น ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ โดยตรงกับคำเตือนของ Austrian economists ที่ว่า “When money is manipulated, the very fabric of civilization deteriorates.”
⚡️Bitcoin: ทางออกจากวงจรอุบาทว์ของเงินเฟียต
ขณะที่เงินเฟียตถูกพิมพ์เพิ่มขึ้นไม่สิ้นสุด Bitcoin ถูกออกแบบให้มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ทำให้มันเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันการเสื่อมค่าของเงินโดยธรรมชาติ
“Bitcoin is the hardest money ever created.” — Saifedean Ammous, The Bitcoin Standard
คนรุ่นใหม่เริ่มตระหนักว่า Bitcoin ไม่ใช่แค่สกุลเงินดิจิทัล แต่เป็น เครื่องมือป้องกันความมั่งคั่ง ที่ช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากระบบเศรษฐกิจที่รัฐควบคุม
ตัวอย่างเช่น:
• หากบุคคลหนึ่งถือเงินสด $100,000 ไว้ในปี 2000 มูลค่าซื้อของเงินจำนวนนั้นลดลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับปัจจุบัน
• แต่หากบุคคลเดียวกันถือ Bitcoin ตั้งแต่ปี 2013 มูลค่าจะเพิ่มขึ้นหลายพันเท่า
Bitcoin ไม่เพียงช่วยรักษาความมั่งคั่ง แต่ยังเป็น ทางเลือกในการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่รัฐไม่สามารถควบคุมได้ ดังที่ Friedrich Hayek กล่าวไว้ว่า:
“I don’t believe we shall ever have a good money again before we take it out of the hands of government.”
บทสรุป: การเปลี่ยนผ่านที่กำลังเกิดขึ้น
การเปลี่ยนผ่านจากอสังหาริมทรัพย์ไปสู่ Bitcoin สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของระบบเศรษฐกิจปัจจุบันที่สร้างขึ้นโดยรัฐ และผลกระทบของเงินเฟ้อที่มีต่อชีวิตประชาชนในทุกมิติ
คนรุ่นก่อนที่เคยเชื่อว่าอสังหาริมทรัพย์คือสินทรัพย์ปลอดภัย อาจต้องเผชิญกับความจริงว่า บ้านที่พวกเขาถืออยู่อาจมีราคาลดลงเมื่อประชาชนหันไปหา Bitcoin
สิ่งนี้อาจนำไปสู่จุดเปลี่ยนที่คนรุ่นก่อนต้องใช้ “ทรัพย์สินเก่า” ในการซื้อ “สินทรัพย์แห่งอนาคต” จากคนรุ่นใหม่ — และนี่อาจเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจสมัยใหม่
Bitcoin ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่มันคือการเปลี่ยนผ่านทางอำนาจ และในเกมนี้ ผู้ที่เข้าใจเร็วที่สุดคือผู้ที่ชนะ
#Siamstr #economics #bitcoin #nostr #BTC #finance