What is Nostr?
/ Rattawit027
npub1mdu…cl2t
2023-11-04 04:41:41

Rattawit027 on Nostr: "ชีวิตฟรีแลนซ์มันไม่ง่าย ...

"ชีวิตฟรีแลนซ์มันไม่ง่าย มันเรียลโคตร"
ขอเขียนเรื่องนี้บันทึกไว้กับตัวเองหน่อย
น้าแน้ก/แอ๊ด ในวัยใกล้จะ 40
.
ตั้งแต่ตั้งใจว่าจะเอาดีในการเป็นฟรีแลนซ์ เริ่มทำบริษัท
จนได้จดบริษัท
.
ตั้งแต่วันสุดท้ายที่ เป็นพนักงานประจำ น่าจะช่วงประมาณ ปี 60
ในตำแหน่งงานคนคุมงาน ตอนนั้นไซท์จบ เราก็ตัดสินใจว่าไม่ทำต่อแล้ว
เลยหยุดออกมาเป็นฟรีแลนซ์ เต็มตัว ตอนแรกที่มาเริ่มทำฟรีแลนซ์
สองสามเดือนแรกที่ทำงาน จะเป็นการรับงานจิปาถะ ไม่มีแนวทางชัดเจน
เรียกได้ว่า มีอะไรให้ทำก็ทำหมด ตัดโมเดล เขียนแบบ เมชเชอร์ คอนเซาท์คุมงานก่อสร้าง
.
เดือนแรกหลังจากเริ่มเป็นฟรีแลนซ์ รู้สึกได้เลย ว่าใช่เลย
"นี่แหละทางของกู" แม่งโคตรเจ๋ง
ทุกอย่างแม่งขึ้นอยู่กับตัวมึง มึงทำงานน้อยมึงก็ได้เงินน้อย มึงทำงานมากมึงก็ได้เงินมาก มึงนั่งไถฟีตรูดเฟสบุ๊คไปเปื่อยๆ ยังไงมึงก็ไม่ได้เงินเพิ่ม ถ้ามึงแยกแยะไม่ได้ว่าลูกค้าคนไหนโอเค คนไหนให้เกียรติเรา คนไหนต้องการมาเอาเปรียบเรา มึงมองพลาดมึงก็เจ็บเอง แล้วจังหวะไม่มีจะแดก มึงจะอดจะทนยื้อไปจนถึงสิ้นเดือน ยังไงมึงก็ไม่มีเงินเข้ามา 5555
.
ตอนนั้นแม่งเหมือนคอร์สเร่งรัด เหมือนมึงโดนถีบลงกลางทะเล คือมึงต้องรอดให้ได้สถานเดียว ช่วงแรกๆ กับการเป็นฟรีแลนซ์คือการลองผิดลองถูก ทำงานมันทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ค่าจ้างก็ต่อรองอะไรไม่ได้มาก และด้วยความที่เราเป็นคนง่ายๆสบายๆ เค้าจ้างเท่าไหร่ก็เอา งานจึงมีมาก เหนื่อยแต่ยังลุ่มๆดอนๆ แต่ก็ได้พี่น้องๆส่งงานมาให้ทำอยู่เรื่อย ใช่เลยเราเจอทั้งประสบการณ์ดีร้าย โดนชิ่ง ไม่จ่าย หรือพี่บางคนเราเสนอราคาไป เค้าบอกเลยมึงคิดราคามาน้อยไป พร้อมกับบวกเงินค่าจ้างมาให้เพิ่มเกือบ 2 เท่า
.
ช่วงแรกเราเป็นคนเกรงใจคน กลัวว่าจะคิดราคาเค้าแพงไป จึงเป็นข้อเสียในการชอบกดราคาตัวเองทั้งที่เค้ายังไม่ได้ต่อ ช่วงนั้นลุ่มๆดอนๆจริงๆ
ช่วงแรก ผมมาประเมิณตัวเอง อิมเมจที่ทุกคนนึกถึงผมมันจะประมาณว่า
.
"งานหนัก งานเร่ง งานใช้แรงงาน งานแบกหาม งานขอแรง งานฟรี งานค่าจ้างน้อย งานลุย" คนจะนึกถึงผมก่อนเลย อาทิเช่น ใครจะย้ายห้อง ย้ายหอ ผมนี่มือ 1 ไปทุกที่ จัดให้อย่างเนี๊ยบสบายใจ 5555 อันนี้ไม่ได้รู้สึกไม่ดีนะ เพราะเราก็ยินดีช่วยจริงๆ
.
ทีนี้พอเป็นฟรีแลนซ์ เรื่องแรกเลยที่ผมต้องเร่งเคี่ยวกรำคือ
"การมองคน ให้ขาด" ช่วงแรกต้องฝึกฝนเรื่องนี้อย่างมาก ว่าคนที่เข้ามาจ้างงานเราเค้าเป็นคนแบบไหน แฟร์มั้ย ให้คุณค่าของงานเรารึเปล่า
ต้องฝึกฝนอย่างมาก เพราะมันเจ็บมาเยอะจริงๆ
จริงๆทุกวันนี้ก็ยัง มองคนไม่ขาดมากนัก แต่ก็ดีกว่าแต่ก่อนมากโข เชื่อเถอะ
ตอนแรกต้องฝึก เวลาเข้าไปคุยกับเค้าครั้งแรกต้องมองให้ออกให้ได้ว่าคนนี้แฟร์มั้ย เพราะบางทีรับทำงานไปแล้ว เราต้องมาเสียสุขภาพจิตกับคนๆนี้ไปอีกเป็นปี หร์ออาจจะหลายปีก็ได้
เพราะถ้าครั้งนี้มองพลาด ต้องกลับมาประเมิณว่าพลาดเพราะอะไร ครั้งหน้าต้องไม่พลาดอีก แต่มันก็ยังพลาดในเรื่องใหม่ๆอยู่เสมอ
.
แล้วก็อีกอย่างที่สำคัญมาก คือต้องมีเครื่องมือ เครื่องมือที่ผมใช้แล้วเวิร์คมากคือ "การเก็บมัดจำ" 5555 อาจเป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผม มันยากจริงๆ คือว่า ใช้วิธีว่า ทำพอร์ตให้ดี ให้เห็นภาพว่าเราทำอะไรได้ จ้างเราเค้าจะได้อะไร แล้วต้องเก็บมัดจำ ถ้าไม่จ่ายมัดจำไม่เริ่มงานเด็ดขาด 555 แค่นี้ก็พอประเมิณได้ในความแฟร์ของเค้า ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นเรื่องพื้นฐานมาก แต่กว่าจะผมจะก้าวผ่านจุดนั้นมาได้ไม่ง่ายเลย
.
ทีนี้ปัญหาอีกเรื่องคือ การเป็นฟรีแลนซ์ ที่งานอะไรมึงก็รับหมด อิมเมจมันไม่ชัด งานเลยเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง เช่นสมมุติ นึกหาคนเขียนแบบเคลียแบบให้ หน้าโมแม่งจะลอยขึ้นมาเลย
ทีนี้ผมก็มาคิดว่ากูทำอะไรได้ดีวะ เลยตัดสินใจสโคปงานตัวเองเหลือแค่ 2 อย่าง คืองานคอนเซาท์งานก่อสร้างแบบฟรีแลนซ์ กับงานเมชเชอร์
เราตัดงานอื่นออกหมดแล้วเหลือรับงานแค่ 2 อย่างงี้จริงๆ ทีนี้ดีขึ้นมาก
พออิมเมจชัดเวลามีงานพวกนี้ คนก็กริ๊งกร๊างมาหา
.
ในช่วงแรกที่คนยังไม่ค่อยรู้ว่าตอนนี้เราทำงานอะไร ตอนนั้นเรียกได้ว่าดีดดิ้นขั้นสุด ต้องทำหลายๆอย่างที่ฝืนตัวเอง พยายามออกไปงาน แนะนำตัวเอง ตามที่เค้าสมาคมกัน ตามที่ๆพี่ๆสถาปนิกเค้ารวมตัวกัน เออแต่แม่งได้ผลหว่ะ เข้าใจเลยคำว่า "อย่าอายทำกิน" เลยพอมีงานเข้าต่อเนื่อง
.
อีกอย่างที่ต้องปรับคือ อิมเมจ "อิมเมจ งานหนัก งานฟรี งานเหนื่อย" ต้องใช้เวลาอย่างมากที่จะปรับ อิมเมจพวกนี้ ใช้เวลาพิสูจน์เรื่อยๆ ค่อยๆกล้าเสนอราคา เทคนิกก็คือ สมมุติวันนี้เรารับงานประมาณนี้อยู่ 20,000 บาท ทำไปทำมาค่ารถค่าราค่าแรงสุดท้ายเหมือนไม่ได้กำไรอะไรเลย ทีนี้สำหรับคนที่เคยจ้างเรา 20,000 เราก็ยังคิดราคานั้นอยู่ แต่คนที่เข้ามาใหม่ เราจะลองเสนอที่ 22,000 ถ้ายังมีคนจ้างอยู่แสดงว่า มันขึ้นได้อีก ครั้งหน้า ก็ขยับเป็น 25,000 ขยับไปเรื่อยๆจนมันจะมี ตัวเลขที่ เสนอไปแล้วมึงไม่ได้งานเลย ก็ขยับปรับลงมา แสดงว่าเนื้องานในตลาด มันจ่ายสูงสุดได้ราคานี้แหละ
.
แล้วเราทำงานคู่ขนานมาตลอด ระหว่างงานคอนเซาท์ก่อสร้าง กับงานเมชเชอร์ เราพบว่า งาน 2 อย่างนี้เราทำได้ แต่แม่งคนละโลกตรงข้ามกันเลย
งานคอนเซาท์แม่งต้องบริหารจัดการ วุ่นวายเกี่ยวกับคนเยอะมาก แต่ละวันมึงรับโทรศัพท์กันให้วุ่น ประณีประนอม รอบคอบ ใช้เอกสารจัดการงาน
ความเสียหายทุกอย่างแม่งมีราคา แล้วก็มีคนที่ต้องจ่าย ขึ้นอยู่กับว่าสรุปกันได้มั้ยว่าใครจะจ่าย เลยวุ่นวายปวดหัวมาก ใครที่ยังสนุกและสามารถทำงานคอนเซาท์ หรือเป็นผู้รับเหมาที่ดี ที่มีประสิทธิภาพได้ ผมเลยนับถือเค้ามาก คือมันยากแบบยากจริง คนพวกนี้สมควรอย่างยิ่งที่จะได้เงินเยอะๆ แบบถ้าเจอดีๆซักคน มึงยกมือไหว้ท่วมหัวได้เลย ขอบคุณเค้ามากๆ คือคนทำดีๆมันหายากจริงๆ
.
ตัดสลับมาที่งานเมชเชอร์ เวลาผมเหยียบไปที่ไซท์ นั่นแหละสรรรค์ของผมเลย มีแค่ตัวผมกับบ้านร้างๆ ทำงานไม่ต้องไปยุ่งกับใคร เซ็งอย่างมากก็กลิ่นขี้แมว ขี้ค้างคาว แต่มันโอเคกว่าปวดหัวกับคนเยอะ งานนี้อาจจะต้องจิตแข็งหน่อย เพราะบางหลังมันหลอนจริงๆ เข้าไปทุกไซท์ ผมไหว้งามๆก่อนเลย บอกเจ้าของบ้านเค้าจ้างผมมานะ เอ็นดูผมด้วย แล้วทุกไซท์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี และอีกอย่างของงานเมชเชอร์ที่ผมชอบมาก คือแม่งเป็นงานที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก หรือเทสด้านความงามเกี่ยวข้อง 3.55 คือ 3.55 พี่จะเอายังไง หรือว่า วัดได้ 3.56 พี่จะให้ผมปัดมั้ย หรือเอาตัวเลขนั้นเลย คือพอมันเป็นตัวเลขแล้วมันเข้าใจง่าย ไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง มีผิด มีถูกที่วัดได้ ชัดเจน นี่แหละสวรรค์ของผมเลย
.
อีกเรื่องพอมึงมาเป็นฟรีแลนซ์ หรือเริ่มทำบริษัทแล้วก็ตาม วันเสาร์อาทิตย์มึงจะหายไป จริงๆมันพูดง่ายเรื่อง work life balance แต่ในทางปฏิบัติแล้วความเป็นฟรีแลนซ์มันทำยาก เค้าโทรมาวัศุกร์ค่ำๆ อยากได้ใบเสนอราคา ถ้ามึงรอจนวันจันทร์ถึงจะเริ่มทำให้เค้า งานอาจจะหลุดไปแล้ว ตอนนี้ผมเลยใช้วิธี เอาทุกอย่างมาหยำกันหมด อยากเที่ยวอยากพัก พักเลย ไม่ต้องรอวันเสาร์อาทิตย์ มีเศษเวลา มึงเที่ยวมึงพัก แต่สิ่งที่มันต้องแลกมาคือ กูต้องแบกโน๊ตบุ๊คไปทุกที่อ่ะ แบบจนหลังแอ่น ดูคอนเสิร์ตไปก็เปิดโน๊ตบุ๊ค ทำงานไปด้วยฟังเพลงไปด้วย มันก็สนุกดี มันคือชีวิตในรูปแบบของมึงง่ะ แล้วมึงจะรู้ว่าอะไรจำเป็นต้องติดตัว หังปลั๊ก 3 ตา ที่ต้องแปลงไปเสียบปลั๊ก 2 ขาเพราะร้านทั่วไปแม่งไม่มี ปลั๊ก 3 รูให้เสียบ โทรศัพท์ที่อินเตอร์เน็ตค่อนข้างเสถียร แล้วโน่นนี่นั่นอีกมากมาย สกิลการหาร้านกาแฟที่จะพอมีปลั๊กให้มึงเสียบ มีที่ให้มึงนั่งทำงานได้
.
เรื่องนี้เลยมาแชร์ให้ฟัง เป็นฟรีแลนซ์ ชีวิตมันเรีบลจริงๆ
หวังว่าทุกท่านที่เดินทางนี้อยู่จะรอดไปด้วยกัน ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
*ภาพประกอบก็คือที่นั่งทำงานวันนี้ เพราะทุกๆที่คืออฟฟิตครับ
ขอให้โชคดี กับหนทางของตัวเองนะครับ
Author Public Key
npub1mdum60rgwnd5f95ch0hssslzwsl2k57wqu9djj6e5wna5uljkcjqvycl2t