L.SUVANN on Nostr: หาก ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ระบุว่า ...
หาก ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ระบุว่า “ไม่มีเวลาที่สมบูรณ์เป็นหนึ่งเดียว”
มนุษย์แต่ละคน เหมือนจะมีมาตรฐานเวลาของตนเอง ขึ้นอยู่กับ สถานที่ ที่อยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่ง และความเร็วที่เคลื่อที่เร็วเท่าใด…
ดังนั้นการพิจารณา เวลา (อดีต ปัจจุบัน อนาคต)
การเป็นผู้สังเกต จึง ใช้ความเป็นปัจเจกล้วนๆ ในการสังเกต
เมื่อรู้แบบนี้แล้วการเกิดขึ้นซ้ำๆ ตามธรรมชาติ หรือ แม้แต่การ เกิดขึ้น-ตั่งอยู่-ดับไป มันก็คงจะ ให้คุณค่าและความหมายโดยตัวปัจเจก หรือผู้สังเกต เป็นลักษณะปัจจัตตัง
สิ่งที่น่าแปลกคือ บัณฑิตท่านใด ทุกครั้งที่พิจารณา เรื่อง”เวลา” มักจะกระทบกระเทือน เห็นตามไตรลักษณ์ เสมอ…
……
อวิชชา 8
1) ไม่รู้จักทุกข์
2) ไม่รู้จักสมุทัย
3)ไม่รู้จักนิโรธ
4) ไม่รู้จักมรรค
5) ความไม่รู้อดีต
6) ความไม่รู้อนาคต
7) ความไม่รู้ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต
8) ความไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท
หรือเพราะพิจารณา”เวลา” แล้ว พอให้รู้
อดีต รู้เหตุ ของกองทุกข์
ปัจจุบัน รู้ชัดถึงกองทุกข์
อนาคต รู้จักสภาวะพ้นทุกข์
#siamstr
มนุษย์แต่ละคน เหมือนจะมีมาตรฐานเวลาของตนเอง ขึ้นอยู่กับ สถานที่ ที่อยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่ง และความเร็วที่เคลื่อที่เร็วเท่าใด…
ดังนั้นการพิจารณา เวลา (อดีต ปัจจุบัน อนาคต)
การเป็นผู้สังเกต จึง ใช้ความเป็นปัจเจกล้วนๆ ในการสังเกต
เมื่อรู้แบบนี้แล้วการเกิดขึ้นซ้ำๆ ตามธรรมชาติ หรือ แม้แต่การ เกิดขึ้น-ตั่งอยู่-ดับไป มันก็คงจะ ให้คุณค่าและความหมายโดยตัวปัจเจก หรือผู้สังเกต เป็นลักษณะปัจจัตตัง
สิ่งที่น่าแปลกคือ บัณฑิตท่านใด ทุกครั้งที่พิจารณา เรื่อง”เวลา” มักจะกระทบกระเทือน เห็นตามไตรลักษณ์ เสมอ…
……
อวิชชา 8
1) ไม่รู้จักทุกข์
2) ไม่รู้จักสมุทัย
3)ไม่รู้จักนิโรธ
4) ไม่รู้จักมรรค
5) ความไม่รู้อดีต
6) ความไม่รู้อนาคต
7) ความไม่รู้ทั้งส่วนอดีตทั้งส่วนอนาคต
8) ความไม่รู้ปฏิจจสมุปบาท
หรือเพราะพิจารณา”เวลา” แล้ว พอให้รู้
อดีต รู้เหตุ ของกองทุกข์
ปัจจุบัน รู้ชัดถึงกองทุกข์
อนาคต รู้จักสภาวะพ้นทุกข์
#siamstr