What is Nostr?
maiakee
npub1hge…8hs2
2025-02-06 03:14:48

maiakee on Nostr: ...



ละนันทิ นิวรณ์ 5 อุปทิ และอุปิลาพิกานิ: กระบวนการละด้วยปัญญา ตามพุทธพจน์

1. บทนำ: ความสำคัญของการละนันทิ นิวรณ์ 5 และอุปทิ

การปฏิบัติธรรมในพุทธศาสนามุ่งไปที่การดับทุกข์ (ทุกขนิโรธ) ซึ่งเกิดจากตัณหาและอุปาทาน “นันทิ” (Nandi) หรือความเพลิดเพลินยินดีในสิ่งต่าง ๆ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตัณหาเกิดขึ้น และเมื่อตัณหาเกิดขึ้น ย่อมนำไปสู่อุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น) และการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ

พระพุทธองค์ตรัสว่า:

“นันทิยุตฺตสฺส ภิกฺขเว ตณฺหา ปวตฺตติ, นันทิตสฺส อุปาทานํ, อุปาทานปจฺจยา ภโว”
(ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อยังมีนันทิ (ความเพลิดเพลิน) ตัณหาย่อมเกิดขึ้น เพราะนันทิเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน อุปาทานเป็นปัจจัยให้เกิดภพ)
— ขุททกนิกาย อุทาน 3.10

นันทิเป็นองค์ประกอบสำคัญของ “อุปทิ” (Upadhi) ซึ่งหมายถึงเครื่องข้องหรือสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ เมื่อมีนันทิในสิ่งใด ย่อมมีตัณหา และเมื่อตัณหามีอยู่ อุปทิย่อมเกิดขึ้น

2. นิวรณ์ 5 และบทบาทของนันทิในการปิดกั้นปัญญา

นิวรณ์ 5 (Pañca Nīvaraṇa) เป็นสิ่งที่กั้นจิตไม่ให้เข้าสู่สมาธิและปัญญา ประกอบด้วย:
1. กามฉันทะ (Kāmacchanda) – ความพอใจติดใจในกาม
2. พยาบาท (Byāpāda) – ความขัดเคือง อาฆาต
3. ถีนมิทธะ (Thīna-middha) – ความหดหู่ ง่วงเหงา
4. อุทธัจจกุกกุจจะ (Uddhacca-kukkucca) – ความฟุ้งซ่าน ร้อนใจ
5. วิจิกิจฉา (Vicikicchā) – ความลังเลสงสัย

พระพุทธองค์ตรัสว่า:

“กามฉนฺโท ปาปโก อนฺโต อญฺญาณสฺส นิวรณํ”
(กามฉันทะเป็นธรรมที่ชั่ว เป็นเครื่องกั้นปัญญาอย่างยิ่ง)
— อังคุตตรนิกาย 5.193

นิวรณ์ 5 ทำให้เกิดนันทิในสิ่งที่ทำให้จิตหมกมุ่น ไม่สามารถเข้าสู่ปัญญาและวิมุตติได้ การละนันทิจึงต้องละนิวรณ์ 5 ไปพร้อมกัน

3. อุปทิ และ อุปิลาพิกานิ: รากเหง้าของทุกข์

3.1 อุปทิ 4 ประเภท

อุปทิ (Upadhi) หรือเครื่องข้องแห่งทุกข์ มี 4 ประเภท ได้แก่:
1. กามูปทิ (Kāmūpadhi) – ความยึดมั่นในกาม
2. ขันธูปทิ (Khandhūpadhi) – ความยึดมั่นในขันธ์ห้า
3. กิเลสูปทิ (Kilesūpadhi) – ความยึดมั่นในกิเลส
4. อภิสังขารูปทิ (Abhisankhārūpadhi) – ความยึดมั่นในการปรุงแต่งกรรม

3.2 อุปิลาพิกานิ: สิ่งที่นำไปสู่อุปทิ

อุปิลาพิกานิ (Upalābhikāni) เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอุปาทานในอุปทิ เช่น รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ซึ่งเป็นที่ตั้งของนันทิ เมื่อยังมีความเพลิดเพลินในอารมณ์เหล่านี้ จิตย่อมผูกพันอยู่ในอุปทิ

4. ขั้นตอนการละนันทิ นิวรณ์ 5 และอุปทิ ตามพุทธพจน์

4.1 พิจารณาไตรลักษณ์ของอุปทิ และอุปิลาพิกานิ

พระพุทธองค์ตรัสว่า:

“อุปทิ อุปิลาพิกานิ อนิจฺจา ทุกฺขา อนตฺตา”
(อุปทิ และสิ่งที่เป็นเหตุให้เกิดอุปทิ ทั้งหมดเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
— สังยุตตนิกาย ขันธวรรค 22.5

4.2 ใช้สติ และโยนิโสมนสิการ

“สติ จ โข ภิกฺขเว พิกฺขุโน นีวรเณสุ อุปฺปชฺชมานสฺสุ อุเปกฺขโก วิหรติ”
(ภิกษุผู้มีสติ ย่อมอยู่ด้วยความวางเฉยเมื่อนิวรณ์เกิดขึ้น)
— สังยุตตนิกาย 46.2

4.3 เจริญสมาธิและวิปัสสนา เพื่อละนันทิ อุปทิ และอุปิลาพิกานิ

“อุเปกฺขา สมาธิ ปริสุทฺโธ”
(สมาธิที่มีอุเบกขาย่อมบริสุทธิ์)
— มัชฌิมนิกาย 118

5. ตัวอย่างในพระสูตรของผู้ละนันทิ และอุปทิ

5.1 พระอนุรุทธเถระ

พระอนุรุทธเถระมีนันทิในทิพยจักษุญาณ พระพุทธองค์ตรัสเตือนให้ละนันทิ จึงบรรลุอรหัตผล

“นันทิยุตฺตสฺส อนุรุทฺธ ตณฺหา ปวตฺตติ”
(อนุรุทธะ ! เมื่อยังมีนันทิ ตัณหาย่อมเกิดขึ้น)
— อังคุตตรนิกาย 8.30

5.2 พระภัททาลิเถระ

พระภัททาลิเถระมีนันทิในความสงบ พระพุทธองค์ทรงสอนให้ละนันทิ จึงบรรลุนิพพาน

“โส นันทึ ปหาย นิพฺพุติง ปาปุณาติ”
(เมื่อเขาละนันทิได้ ย่อมบรรลุนิพพาน)
— อังคุตตรนิกาย 6.19

6. สรุปแนวทางปฏิบัติเพื่อละนันทิ นิวรณ์ 5 อุปทิ และอุปิลาพิกานิ
1. พิจารณาโทษของนันทิ และนิวรณ์ ว่าขัดขวางปัญญา
2. ใช้สติรู้เท่าทันจิต ไม่ให้เกิดนันทิ
3. พิจารณาด้วยปัญญาตามไตรลักษณ์
4. เจริญสมาธิ และวิปัสสนา จนเห็นความจริงของขันธ์
5. ละอุปทิ และอุปิลาพิกานิ โดยสิ้นเชิง

พระพุทธองค์ตรัสว่า:

“นันทิยา ตณฺหา ปวตฺตติ, นันทิยา นตฺถิ นิพฺพานํ”
(เมื่อนันทิยังมีอยู่ ตัณหาย่อมเกิดขึ้น, ไม่มีนันทิ จึงมีนิพพานได้)
— อังคุตตรนิกาย 3.10

เมื่อสามารถละนันทิ อุปทิ และอุปิลาพิกานิได้ ย่อมบรรลุอรหัตผลและพ้นจากสังสารวัฏโดยสิ้นเชิง

#Siamstr #พุทธวจนะ #พุทธวจน #nostr #ธรรมะ
Author Public Key
npub1hge4uuggdfspu0wmffxqs9vj38m55238q3z2jzd907e8qnjmlsyql78hs2