ch on Nostr: ...
อยากจะแชร์และก็ลงเก็บไว้ถึงการเดินทางเข้าสู่โลกของbitcoinคับบ
ก็คือเริ่มจากการตั้งคำถามกับราคาข้าวของต่างๆรอบตัว โดยในตอนเด็กป.ต้นเคยซื้อของหน้ารร.10บาท แต่โตขึ้นมาจนป.6รู้สึกตัวว่าต้องซื้อตั้ง20บาทถึงจะอิ่ม แต่ที่ขาดหายไปคือผักที่เค้าแถม เงินค่าขนมที่ได้ในแต่ละชั้นปีก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น จากตอนเด็กแม่มัดเงินเหรียญสิบไว้ในกระเป๋าเพื่อไปโรงเรียน แต่พอโตขึ้นเงินก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นตามอายุเป็น 20บ 40บ 50บ 100บ ซึ่งปัจจุบันนี้100บาทไม่พอสำหรับกินอาหารภายใน1วันแล้ว และเมื่อม.ต้นก็ได้รู้จักเงินเฟ้อตอนเรียนพิเศษ ครูได้ยกตัวอย่างว่า “เงิน100บาทในวันนี้ซึ่งสามารถซื้อของชิ้นนี้ได้ ณ ตอนนี้ แต่ในอีก1ปีข้างหน้าอาจจะต้องใช้เงิน102บาทเพื่อที่จะซื้อของชิ้นนี้ได้” ทำให้พอจะเข้าใจและก็จำคำนี้มาตลอด แต่ในช่วงมัธยมทั้งหมดก็หมดไปกับการเรียน ทำกิจกรรมนู่นนี่นั่น การสอบเข้าเรียนต่อต่างๆ ซึ่งก็มีเงินเก็บจากเงินเดือนรร.บ้าง เงินค่าขนมประจำวันบ้าง และในชีวิตมหาวิทยาลัยก็เรียนๆไปเรื่อยๆจนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งอายุ20ปีย่างเข้า21ก็ได้มีการสนใจในการลงทุน เริ่มศึกษากองทุนรวมโดยมีเป้าหมายการลงทุนเพื่อเก็บออมให้ชนะเงินเฟ้อ จนกระทั่งเจอคลิปอ.ตั๊มเรื่อง asset allocation ซึ่งตอนแรกฟังเรื่อง bitcoin ไปก็เริ่มจากการไม่เชื่อก่อนแต่ก็ฟังไปจนจบ ก็เริ่มมีความสงสัย และเมื่อก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินชื่อมาจากนายอาร์มเรื่องนี้ ก็ทำให้เริ่มสนใจขึ้นเรื่อยๆจึงเริ่มศึกษาจากคลิปอ.ตั๊ม ไล่ดูเรื่อยๆ ระหว่างศึกษาไปก็ซื้อเก็บๆไปเรื่อยๆด้วย แต่ดันมาสนใจศึกษาในตอนที่มันราคา all time high สะด้วย555 ล่าสุดก็ได้คุยกับแม่ว่าเก็บเงินในbitcoinอยู่นะซึ่งก็ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการบอกแม่ว่าbitcoinคืออะไร โดยก็ได้เริ่มตั้งแต่เรื่องของเงิน การพิมพ์เงิน การแบคดอลลาร์ด้วยทองคำ ระบบนโยบายการเงินที่แน่นอนของ bitcoin ความสามารถในการเก็บรักษามูลค่าของมัน ก็โดยสรุปแล้วแม่ก็เข้าใจ อาจจะเนื่องด้วยแม่เรียนบัญชีและก็เปิดร้านขายของด้วย คงเข้าใจเรื่องเงินต่างๆได้ดี
ก็อยากแชร์เฉยๆครับไม่มีไรมาก ตอนนี้ก็ยังเป็นนิสิตอยู่ยังต้องเรียนอีกหลายปีกว่าจะมีรายได้ซึ่งมาจากproof of workของตนเองแต่ก็ยังคงเก็บออมเรื่อยๆคั้บ สุดท้ายนี้ stay humble and stack sats คั้บบ
ปล.ไม่ได้ไปงานTBC2024เนื่องด้วยรูปแบบการเรียนที่ทำให้ไม่สามารถไปได้🥲
#siamstr
ก็คือเริ่มจากการตั้งคำถามกับราคาข้าวของต่างๆรอบตัว โดยในตอนเด็กป.ต้นเคยซื้อของหน้ารร.10บาท แต่โตขึ้นมาจนป.6รู้สึกตัวว่าต้องซื้อตั้ง20บาทถึงจะอิ่ม แต่ที่ขาดหายไปคือผักที่เค้าแถม เงินค่าขนมที่ได้ในแต่ละชั้นปีก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น จากตอนเด็กแม่มัดเงินเหรียญสิบไว้ในกระเป๋าเพื่อไปโรงเรียน แต่พอโตขึ้นเงินก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นตามอายุเป็น 20บ 40บ 50บ 100บ ซึ่งปัจจุบันนี้100บาทไม่พอสำหรับกินอาหารภายใน1วันแล้ว และเมื่อม.ต้นก็ได้รู้จักเงินเฟ้อตอนเรียนพิเศษ ครูได้ยกตัวอย่างว่า “เงิน100บาทในวันนี้ซึ่งสามารถซื้อของชิ้นนี้ได้ ณ ตอนนี้ แต่ในอีก1ปีข้างหน้าอาจจะต้องใช้เงิน102บาทเพื่อที่จะซื้อของชิ้นนี้ได้” ทำให้พอจะเข้าใจและก็จำคำนี้มาตลอด แต่ในช่วงมัธยมทั้งหมดก็หมดไปกับการเรียน ทำกิจกรรมนู่นนี่นั่น การสอบเข้าเรียนต่อต่างๆ ซึ่งก็มีเงินเก็บจากเงินเดือนรร.บ้าง เงินค่าขนมประจำวันบ้าง และในชีวิตมหาวิทยาลัยก็เรียนๆไปเรื่อยๆจนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งอายุ20ปีย่างเข้า21ก็ได้มีการสนใจในการลงทุน เริ่มศึกษากองทุนรวมโดยมีเป้าหมายการลงทุนเพื่อเก็บออมให้ชนะเงินเฟ้อ จนกระทั่งเจอคลิปอ.ตั๊มเรื่อง asset allocation ซึ่งตอนแรกฟังเรื่อง bitcoin ไปก็เริ่มจากการไม่เชื่อก่อนแต่ก็ฟังไปจนจบ ก็เริ่มมีความสงสัย และเมื่อก่อนหน้านี้ก็เคยได้ยินชื่อมาจากนายอาร์มเรื่องนี้ ก็ทำให้เริ่มสนใจขึ้นเรื่อยๆจึงเริ่มศึกษาจากคลิปอ.ตั๊ม ไล่ดูเรื่อยๆ ระหว่างศึกษาไปก็ซื้อเก็บๆไปเรื่อยๆด้วย แต่ดันมาสนใจศึกษาในตอนที่มันราคา all time high สะด้วย555 ล่าสุดก็ได้คุยกับแม่ว่าเก็บเงินในbitcoinอยู่นะซึ่งก็ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการบอกแม่ว่าbitcoinคืออะไร โดยก็ได้เริ่มตั้งแต่เรื่องของเงิน การพิมพ์เงิน การแบคดอลลาร์ด้วยทองคำ ระบบนโยบายการเงินที่แน่นอนของ bitcoin ความสามารถในการเก็บรักษามูลค่าของมัน ก็โดยสรุปแล้วแม่ก็เข้าใจ อาจจะเนื่องด้วยแม่เรียนบัญชีและก็เปิดร้านขายของด้วย คงเข้าใจเรื่องเงินต่างๆได้ดี
ก็อยากแชร์เฉยๆครับไม่มีไรมาก ตอนนี้ก็ยังเป็นนิสิตอยู่ยังต้องเรียนอีกหลายปีกว่าจะมีรายได้ซึ่งมาจากproof of workของตนเองแต่ก็ยังคงเก็บออมเรื่อยๆคั้บ สุดท้ายนี้ stay humble and stack sats คั้บบ
ปล.ไม่ได้ไปงานTBC2024เนื่องด้วยรูปแบบการเรียนที่ทำให้ไม่สามารถไปได้🥲
#siamstr