ShaSha on Nostr: กูรูชี้! ...
กูรูชี้! การศึกษาบิตคอยน์ที่แท้จริงคือการศึกษาระบบการเงิน การตั้งคำถามกับตำราที่เคยเรียนมา มุมมองที่แตกต่างช่วยให้เห็นโลกได้ชัดขึ้น ย้ำ! “เวลามีค่า ศึกษาบิตคอยน์”
.
“บิตคอยน์” เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครหลายๆ คน เช่นเดียวกับมุมมอง “อ.ตั๊ม” ในยุคแรกๆ ที่เริ่มเข้ามาศึกษาและให้ความรู้คนไทยแต่ยิ่งศึกษาเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นทั้งในเชิงปรัชญา เชิงเศรษฐศาสตร์และในเชิงของคอมพิวเตอร์โปรแกรมมิ่ง เรียกว่าเริ่มเข้าใจแก่นแท้ของบิตคอยน์ และมองว่า “บิตคอยน์คือโอกาสรอด”
.
อ.พิริยะ สัมพันธารักษ์ Managing Director CDC Chaloke DotCom เปิดเผยในงานสัมมนา Better Trade 2024 หัวข้อ The Future of Bitcoin : ทางเลือกหรือทางรอดระบบการเงินโลก เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา
.
***เวลามีค่า ศึกษาบิตคอยน์
.
อ.พิริยะ ชี้ให้เห็นว่าการศึกษาบิตคอยน์ที่แท้จริง คือการศึกษาระบบการเงิน และการตั้งคำถามกับวิชาการที่มีอยู่ในตำรา ซึ่งไม่ได้แปลว่าตำราเหล่านั้นโกหก แต่มุมมองที่แตกต่างจากการศึกษาบิตคอยน์อย่างถ่องแท้จะช่วยเราเห็นโลกได้ชัดขึ้น
.
“ตรงนี้ต่างหากที่มันจะให้ประโยชน์ ในที่สุดคุณจะซื้อบิตคอยน์ทันหรือไม่ทันก็ตาม แต่ถ้าคุณไม่เห็นตรงนี้คุณซื้อไปก็เป็นเหยื่อระบบตรงนี้อยู่ดี” อ.พิริยะ กล่าว
.
พร้อมแนะนำว่า “เวลามีค่า ศึกษาบิตคอยน์” ใครก็ตามที่สนใจบิตคอยน์ควรเริ่มศึกษา แม้มันจะต้องใช้เวลานานกว่าที่จะสามารถเข้าใจได้ ด้วยความที่มันจะไปขัดแย้งกับชุดความคิดเดิมๆ ของเราหลายอย่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ บิตคอยน์จะชี้ให้เราเห็นว่า ความเป็นจริงของโลกอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด
.
“ความเป็นจริง ที่เราท่องจำกันมาจากมหาวิทยาลัย คำสอนที่บอกว่าเงินวันนี้ต้องมีค่ามากกว่าเงินวันพรุ่งนี้ หรือการที่เงินต้องเสื่อมค่าลงตลอดเวลา ความเป็นจริงที่ถือว่าเป็นสัจธรรมมันอาจจะไม่ใช่สัจธรรม มันอาจเป็นเพียงแค่บางสิ่งบางอย่างที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการ ควบคุมเรา” อ.ตั๊ม ระบุ
.
*** “ไม่ใช่โอกาสรวย” แต่ “เป็นโอกาสรอด”
.
เมื่อบิตคอยน์ทำให้เราเห็นว่าระบบการเงินโลกมันมีปัญหาอะไร นักลงทุนควรเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อจับโอกาสนี้อย่างไรบ้างนั้น สิ่งที่สำคัญอ.ตั๊ม บอกว่า “จะต้องเข้าใจระบบการเงินปัจจุบัน”
.
“แต่ผมไม่ได้มองว่า บิตคอยน์มันเป็นโอกาสรวย แต่มองว่ามันเป็นโอกาสรอด”
.
พร้อมเปรียบโลกของเราเป็นเหมือนเรือที่กำลังจะจมลงเรื่อยๆ อย่างช้าๆ เหมือนกับเรือไททานิกที่ลำใหญ่ สวยหรู มีอาหารอร่อยแต่เรือกำลังจะจม บางคนอยู่บนสุดของเรือก็ไม่รู้สถานการณ์ บางคนอยู่ด้านล่างของเรือรู้แล้วว่าเรือมันจมก็กระโดดไปเรือชูชีพ!
.
“บิตคอยน์เปรียบเสมือนเรือชูชีพลำเล็กๆ เล็กมากถ้าเทียบเรือลำใหญ่ลำนี้ แต่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ”
.
***แม้วันนี้ยังไม่สนใจ แต่ไม่ควรนิ่งนอนใจ!
.
ในวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกคนยังต้องใช้เงินตราที่ออกโดยรัฐบาล (เงินเฟียต) บรรดาร้านค้าที่รับบิตคอยน์ก็ยังมีน้อยเพราะซัพพลายเชนต่างๆ ยังใช้เงินเฟียต ดังนั้น แม้เราอาจจะยังไม่จำเป็นที่จะต้องกระโดดเข้ามาข้องเกี่ยวกับบิตคอยน์ในตอนนี้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรนิ่งนอนใจในการที่จะรู้ว่าโลกนี้มันมีปัญหาอะไร
.
เราต้องรู้ว่า "ปริมาณของเงินมันเพิ่มขึ้น แต่ความมั่งคั่งของเราไม่ได้เพิ่มขึ้น" มันคือการที่เงินของเรา "ถูกขโมย" ออกไปตลอดเวลา ทำไมเงินเรามันระเหยได้ มันไม่ต่างกับการที่เรา “ถูกปล้น” โดยไม่ได้ยินยอม
.
ประชาชนทุกคนบนโลกนี้กำลังโดนปล้น หมายความว่า วันนี้ของ ๆ เรา ทรัพย์สินของเรา ความมั่งคั่งของเรา ถูกหยิบออกไปจากตัวเรา ถูกทำให้หายไป หรือถูกทำให้ลดลง โดยที่เราไม่มีสิทธิยินยอม รับรู้ หรือทักท้วงใดๆ ไม่ต่างอะไรกับการ "โดนลักหลับ"
.
นั่นเท่ากับว่าเราทำงาน มีเงินเก็บ แต่ "เงินเก็บระเหย" ทำให้เราต้องทำงานครั้งที่สองด้วยการไปลงทุน รับความเสี่ยงอีกทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องรับ แต่เพราะเงินออมมันถูกทำลาย ทำให้เราต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาเงินออม แล้วเราก็จะหลงไปกับคำหลอกลวงทั้งหลาย ที่บอกจะพาเราไปรวย นำพาไปเจอความเสี่ยงที่มากขึ้น และท้ายสุดอาจเผชิญกับความสูญเสีย
.
***เก็บเงินให้ถูกที่ วิธีปลดแอกมนุษยชาติ
.
“เพราะฉะนั้น การทำความเข้าใจเรื่องนี้ (ระบบการเงิน,บิตคอยน์) จะช่วยปลดแอกเราได้ประมาณหนึ่งว่า ในเมื่อเรารู้เช่นนี้ เราก็ควรจะเลือกเก็บเงินให้ถูกที่ เลือกออมเงินให้ถูกที่ ทรัพย์สินที่รัฐบาลผลิตเพิ่มไม่ได้ ผมมองว่าเป็นทรัพย์สินที่เหมาะสมสำหรับการเก็บออม” อ.พิริยะ ระบุ
.
บิตคอยน์เป็นทรัพย์สินที่จำกัด นโยบายการเงินของบิตคอยน์กำหนดไว้มีแค่ 21 ล้าน BTC ใครอยากผลิตก็สามารถทำได้ แต่มีต้นทุนที่เท่ากันทุกคน ไม่มีใครมีอำนาจเสกบิตคอยน์ได้ และลักหลับเราได้ในขณะที่เรานอน
.
“แน่นอนว่าหากเทียบราคาบิตคอยน์กับเงินดอลลาร์ มันอาจจะหวือหวาหน่อย แต่ถ้าคุณรอจนราคาไม่หวือหวา เรือมันก็จมไปแล้วเรียบร้อย”
.
โดยสรุปแล้ว อ.ตั๊ม อยากให้ศึกษาระบบการเงินปัจจุบันมากกว่า และลองถามตัวเองดูว่า เราจะหนีจากมันได้อย่างไร
.
***บิตคอยน์ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะเป็นอย่างไร?
.
“บิตคอยน์” จะเป็นอย่างไร ต้องเริ่มจากการมองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ "ดอลลาร์" เพราะดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักของโลก ที่ต้องยอมรับว่าไม่สามารถยับยั้งการผลิตเพิ่มได้อีกแล้ว เนื่องจากต้องพิมพ์เงินเพื่อใช้หนี้ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพราะเงินภาษีที่เก็บได้ในประเทศมันไม่พอ ทำให้ยิ่งผลิตดอลลาร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตดอลลาร์ก็จะยิ่งเสื่อมค่าลงไปเรื่อยๆ
.
ดังนั้น ทุกอย่างบนโลกนี้ที่วัดราคาในหน่วยของ “ดอลลาร์” และไม่สามารถผลิตเพิ่มได้เร็วเท่าดอลลาร์ มันก็ควรจะมีราคาที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ ที่ดิน หรือบิตคอยน์ก็ตาม
.
ปัจจุบัน มูลค่าตลาดของสินทรัพย์ทั้งโลกนี้อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งในอนาคตก็จะเติบโตไปอีกหลายเท่า ปัจจุบันบิตคอยน์มีมูลค่าไม่ถึง 1% ของมูลค่าตลาดสินทรัพย์รวมทั้งโลก ในอนาคตอาจจะโตขึ้นมาอีกประมาณ 3-4% ขณะที่ตลาดรวมของสินทรัพย์ทั้งโลกก็จะโตขึ้นไปอีกหลายเท่าเช่นกัน
.
มูลค่าในระยะยาวจะมากขนาดไหน อาจพิจารณาว่าเมื่อบิตคอยน์ถูกออกแบบมาเป็นเงิน หากมันบรรลุเป้าหมายในการเป็นสกุลเงินหลักของมนุษยชาติได้ วันนั้นเราคงไม่สามารถประเมินมันเป็นหน่วยดอลลาร์ได้
.
แต่หากจะเปรียบเทียบกัน มันก็ควรจะมีมูลค่าเท่ากับสินทรัพย์ทั้งหมดบนโลกนี้หารด้วย 21,000,000 BTC เป็นอย่างน้อย แต่มันอาจจะเป็นโลกในอุดมคติที่ไกลเกินไป เพราะบนความเป็นจริงแล้ว โลกของเรายังมีสินทรัพย์ประเภทอื่นอีก เช่น ที่ดิน งานศิลปะชั้นสูง เพราะฉะนั้นมูลค่ามันก็จะกระจายอยู่ในหลากหลายสินทรัพย์
.
“แต่อย่าไปคิดมากเลย เราคงอยู่ไม่ได้ถึงที่จะเห็นวันนั้น ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าบิตคอยน์จะอยู่ถึงถึงหรือเปล่า เพราะความเสี่ยงไม่ใช่ไม่มี เพราะมันเป็นเทคโนโลยีที่มีอายุ 16 ปีซึ่งก็แค่ 16 ปีเองเราก็ต้องเฝ้ารอดู” อ.พิริยะ กล่าว
.
***ถ้าไซเคิล 4 ปียังคงซ้ำรอย ขาขึ้นรอบนี้เริ่มปี 2025
.
ต่อคำถามที่ว่า “บิตคอยน์” มีโอกาสจะทำจุดสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ในปีนี้ (2024) ได้หรือไม่ หลังจากที่เพิ่งทำจุดสูงสุดตลอดกาลครั้งล่าสุดเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่กว่า 73,000 ดอลลาร์
.
อ.ตั๊ม มองว่าที่ระดับกว่า 73,000 ดอลลาร์ เมื่อกลางเดือนมีนาคมเราอาจจะมองว่าเป็นจุดสูงสุดตลอดกาล (ATH) แต่หากเราปรับค่าตามอัตราเงินเฟ้อเข้าไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เมื่ออิงจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประมาณ 4-5% หมายความว่าที่ระดับ 73,000 ดอลลาร์เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดตลอดกาลในปี 2021 ราคายังอยู่ที่ประมาณช่วงต้น 60,000 ดอลลาร์เท่านั้น ยังไม่นับว่าทำ ATH
.
ดังนั้น บนมุมมองที่ปรับค่าตามอัตราเงินเฟ้อ หากจะบอกว่าแตะจุดสูงสุดตลอดกาลได้ ราคาจะต้องขึ้นไปประมาณ 78,000 - 80,000 ดอลลาร์ ซึ่งปกตินักลงทุนจะคาดหวังวัฏจักรบิตคอยน์ทุกๆ 4 ปีที่จะเป็นขาขึ้น หลายคนเชื่อว่ามันยังมีไซเคิลนี้ซึ่งจริงๆ มันอาจจะไม่ซ้ำรอยก็ได้เพราะเพิ่งเกิดไม่กี่ไซเคิลเอง บิตคอยน์เพิ่งอายุ 16 ปี
.
อย่างไรก็ตาม อ.พิริยะ ทิ้งท้ายไว้ว่า “แต่ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมา ไซเคิลมันเริ่มปีหน้าไม่ใช่ปีนี้!!...”
.
#siamstr #bitcoiner #nostr #wherostr
.
.
ที่มา : https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=ditpa1UycExJV0E9
.
“บิตคอยน์” เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับใครหลายๆ คน เช่นเดียวกับมุมมอง “อ.ตั๊ม” ในยุคแรกๆ ที่เริ่มเข้ามาศึกษาและให้ความรู้คนไทยแต่ยิ่งศึกษาเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นทั้งในเชิงปรัชญา เชิงเศรษฐศาสตร์และในเชิงของคอมพิวเตอร์โปรแกรมมิ่ง เรียกว่าเริ่มเข้าใจแก่นแท้ของบิตคอยน์ และมองว่า “บิตคอยน์คือโอกาสรอด”
.
อ.พิริยะ สัมพันธารักษ์ Managing Director CDC Chaloke DotCom เปิดเผยในงานสัมมนา Better Trade 2024 หัวข้อ The Future of Bitcoin : ทางเลือกหรือทางรอดระบบการเงินโลก เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา
.
***เวลามีค่า ศึกษาบิตคอยน์
.
อ.พิริยะ ชี้ให้เห็นว่าการศึกษาบิตคอยน์ที่แท้จริง คือการศึกษาระบบการเงิน และการตั้งคำถามกับวิชาการที่มีอยู่ในตำรา ซึ่งไม่ได้แปลว่าตำราเหล่านั้นโกหก แต่มุมมองที่แตกต่างจากการศึกษาบิตคอยน์อย่างถ่องแท้จะช่วยเราเห็นโลกได้ชัดขึ้น
.
“ตรงนี้ต่างหากที่มันจะให้ประโยชน์ ในที่สุดคุณจะซื้อบิตคอยน์ทันหรือไม่ทันก็ตาม แต่ถ้าคุณไม่เห็นตรงนี้คุณซื้อไปก็เป็นเหยื่อระบบตรงนี้อยู่ดี” อ.พิริยะ กล่าว
.
พร้อมแนะนำว่า “เวลามีค่า ศึกษาบิตคอยน์” ใครก็ตามที่สนใจบิตคอยน์ควรเริ่มศึกษา แม้มันจะต้องใช้เวลานานกว่าที่จะสามารถเข้าใจได้ ด้วยความที่มันจะไปขัดแย้งกับชุดความคิดเดิมๆ ของเราหลายอย่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ บิตคอยน์จะชี้ให้เราเห็นว่า ความเป็นจริงของโลกอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด
.
“ความเป็นจริง ที่เราท่องจำกันมาจากมหาวิทยาลัย คำสอนที่บอกว่าเงินวันนี้ต้องมีค่ามากกว่าเงินวันพรุ่งนี้ หรือการที่เงินต้องเสื่อมค่าลงตลอดเวลา ความเป็นจริงที่ถือว่าเป็นสัจธรรมมันอาจจะไม่ใช่สัจธรรม มันอาจเป็นเพียงแค่บางสิ่งบางอย่างที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการ ควบคุมเรา” อ.ตั๊ม ระบุ
.
*** “ไม่ใช่โอกาสรวย” แต่ “เป็นโอกาสรอด”
.
เมื่อบิตคอยน์ทำให้เราเห็นว่าระบบการเงินโลกมันมีปัญหาอะไร นักลงทุนควรเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อจับโอกาสนี้อย่างไรบ้างนั้น สิ่งที่สำคัญอ.ตั๊ม บอกว่า “จะต้องเข้าใจระบบการเงินปัจจุบัน”
.
“แต่ผมไม่ได้มองว่า บิตคอยน์มันเป็นโอกาสรวย แต่มองว่ามันเป็นโอกาสรอด”
.
พร้อมเปรียบโลกของเราเป็นเหมือนเรือที่กำลังจะจมลงเรื่อยๆ อย่างช้าๆ เหมือนกับเรือไททานิกที่ลำใหญ่ สวยหรู มีอาหารอร่อยแต่เรือกำลังจะจม บางคนอยู่บนสุดของเรือก็ไม่รู้สถานการณ์ บางคนอยู่ด้านล่างของเรือรู้แล้วว่าเรือมันจมก็กระโดดไปเรือชูชีพ!
.
“บิตคอยน์เปรียบเสมือนเรือชูชีพลำเล็กๆ เล็กมากถ้าเทียบเรือลำใหญ่ลำนี้ แต่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ”
.
***แม้วันนี้ยังไม่สนใจ แต่ไม่ควรนิ่งนอนใจ!
.
ในวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกคนยังต้องใช้เงินตราที่ออกโดยรัฐบาล (เงินเฟียต) บรรดาร้านค้าที่รับบิตคอยน์ก็ยังมีน้อยเพราะซัพพลายเชนต่างๆ ยังใช้เงินเฟียต ดังนั้น แม้เราอาจจะยังไม่จำเป็นที่จะต้องกระโดดเข้ามาข้องเกี่ยวกับบิตคอยน์ในตอนนี้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรนิ่งนอนใจในการที่จะรู้ว่าโลกนี้มันมีปัญหาอะไร
.
เราต้องรู้ว่า "ปริมาณของเงินมันเพิ่มขึ้น แต่ความมั่งคั่งของเราไม่ได้เพิ่มขึ้น" มันคือการที่เงินของเรา "ถูกขโมย" ออกไปตลอดเวลา ทำไมเงินเรามันระเหยได้ มันไม่ต่างกับการที่เรา “ถูกปล้น” โดยไม่ได้ยินยอม
.
ประชาชนทุกคนบนโลกนี้กำลังโดนปล้น หมายความว่า วันนี้ของ ๆ เรา ทรัพย์สินของเรา ความมั่งคั่งของเรา ถูกหยิบออกไปจากตัวเรา ถูกทำให้หายไป หรือถูกทำให้ลดลง โดยที่เราไม่มีสิทธิยินยอม รับรู้ หรือทักท้วงใดๆ ไม่ต่างอะไรกับการ "โดนลักหลับ"
.
นั่นเท่ากับว่าเราทำงาน มีเงินเก็บ แต่ "เงินเก็บระเหย" ทำให้เราต้องทำงานครั้งที่สองด้วยการไปลงทุน รับความเสี่ยงอีกทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องรับ แต่เพราะเงินออมมันถูกทำลาย ทำให้เราต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาเงินออม แล้วเราก็จะหลงไปกับคำหลอกลวงทั้งหลาย ที่บอกจะพาเราไปรวย นำพาไปเจอความเสี่ยงที่มากขึ้น และท้ายสุดอาจเผชิญกับความสูญเสีย
.
***เก็บเงินให้ถูกที่ วิธีปลดแอกมนุษยชาติ
.
“เพราะฉะนั้น การทำความเข้าใจเรื่องนี้ (ระบบการเงิน,บิตคอยน์) จะช่วยปลดแอกเราได้ประมาณหนึ่งว่า ในเมื่อเรารู้เช่นนี้ เราก็ควรจะเลือกเก็บเงินให้ถูกที่ เลือกออมเงินให้ถูกที่ ทรัพย์สินที่รัฐบาลผลิตเพิ่มไม่ได้ ผมมองว่าเป็นทรัพย์สินที่เหมาะสมสำหรับการเก็บออม” อ.พิริยะ ระบุ
.
บิตคอยน์เป็นทรัพย์สินที่จำกัด นโยบายการเงินของบิตคอยน์กำหนดไว้มีแค่ 21 ล้าน BTC ใครอยากผลิตก็สามารถทำได้ แต่มีต้นทุนที่เท่ากันทุกคน ไม่มีใครมีอำนาจเสกบิตคอยน์ได้ และลักหลับเราได้ในขณะที่เรานอน
.
“แน่นอนว่าหากเทียบราคาบิตคอยน์กับเงินดอลลาร์ มันอาจจะหวือหวาหน่อย แต่ถ้าคุณรอจนราคาไม่หวือหวา เรือมันก็จมไปแล้วเรียบร้อย”
.
โดยสรุปแล้ว อ.ตั๊ม อยากให้ศึกษาระบบการเงินปัจจุบันมากกว่า และลองถามตัวเองดูว่า เราจะหนีจากมันได้อย่างไร
.
***บิตคอยน์ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะเป็นอย่างไร?
.
“บิตคอยน์” จะเป็นอย่างไร ต้องเริ่มจากการมองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ "ดอลลาร์" เพราะดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักของโลก ที่ต้องยอมรับว่าไม่สามารถยับยั้งการผลิตเพิ่มได้อีกแล้ว เนื่องจากต้องพิมพ์เงินเพื่อใช้หนี้ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพราะเงินภาษีที่เก็บได้ในประเทศมันไม่พอ ทำให้ยิ่งผลิตดอลลาร์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตดอลลาร์ก็จะยิ่งเสื่อมค่าลงไปเรื่อยๆ
.
ดังนั้น ทุกอย่างบนโลกนี้ที่วัดราคาในหน่วยของ “ดอลลาร์” และไม่สามารถผลิตเพิ่มได้เร็วเท่าดอลลาร์ มันก็ควรจะมีราคาที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ ที่ดิน หรือบิตคอยน์ก็ตาม
.
ปัจจุบัน มูลค่าตลาดของสินทรัพย์ทั้งโลกนี้อยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งในอนาคตก็จะเติบโตไปอีกหลายเท่า ปัจจุบันบิตคอยน์มีมูลค่าไม่ถึง 1% ของมูลค่าตลาดสินทรัพย์รวมทั้งโลก ในอนาคตอาจจะโตขึ้นมาอีกประมาณ 3-4% ขณะที่ตลาดรวมของสินทรัพย์ทั้งโลกก็จะโตขึ้นไปอีกหลายเท่าเช่นกัน
.
มูลค่าในระยะยาวจะมากขนาดไหน อาจพิจารณาว่าเมื่อบิตคอยน์ถูกออกแบบมาเป็นเงิน หากมันบรรลุเป้าหมายในการเป็นสกุลเงินหลักของมนุษยชาติได้ วันนั้นเราคงไม่สามารถประเมินมันเป็นหน่วยดอลลาร์ได้
.
แต่หากจะเปรียบเทียบกัน มันก็ควรจะมีมูลค่าเท่ากับสินทรัพย์ทั้งหมดบนโลกนี้หารด้วย 21,000,000 BTC เป็นอย่างน้อย แต่มันอาจจะเป็นโลกในอุดมคติที่ไกลเกินไป เพราะบนความเป็นจริงแล้ว โลกของเรายังมีสินทรัพย์ประเภทอื่นอีก เช่น ที่ดิน งานศิลปะชั้นสูง เพราะฉะนั้นมูลค่ามันก็จะกระจายอยู่ในหลากหลายสินทรัพย์
.
“แต่อย่าไปคิดมากเลย เราคงอยู่ไม่ได้ถึงที่จะเห็นวันนั้น ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าบิตคอยน์จะอยู่ถึงถึงหรือเปล่า เพราะความเสี่ยงไม่ใช่ไม่มี เพราะมันเป็นเทคโนโลยีที่มีอายุ 16 ปีซึ่งก็แค่ 16 ปีเองเราก็ต้องเฝ้ารอดู” อ.พิริยะ กล่าว
.
***ถ้าไซเคิล 4 ปียังคงซ้ำรอย ขาขึ้นรอบนี้เริ่มปี 2025
.
ต่อคำถามที่ว่า “บิตคอยน์” มีโอกาสจะทำจุดสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่ในปีนี้ (2024) ได้หรือไม่ หลังจากที่เพิ่งทำจุดสูงสุดตลอดกาลครั้งล่าสุดเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่กว่า 73,000 ดอลลาร์
.
อ.ตั๊ม มองว่าที่ระดับกว่า 73,000 ดอลลาร์ เมื่อกลางเดือนมีนาคมเราอาจจะมองว่าเป็นจุดสูงสุดตลอดกาล (ATH) แต่หากเราปรับค่าตามอัตราเงินเฟ้อเข้าไปในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เมื่ออิงจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประมาณ 4-5% หมายความว่าที่ระดับ 73,000 ดอลลาร์เมื่อเทียบกับจุดสูงสุดตลอดกาลในปี 2021 ราคายังอยู่ที่ประมาณช่วงต้น 60,000 ดอลลาร์เท่านั้น ยังไม่นับว่าทำ ATH
.
ดังนั้น บนมุมมองที่ปรับค่าตามอัตราเงินเฟ้อ หากจะบอกว่าแตะจุดสูงสุดตลอดกาลได้ ราคาจะต้องขึ้นไปประมาณ 78,000 - 80,000 ดอลลาร์ ซึ่งปกตินักลงทุนจะคาดหวังวัฏจักรบิตคอยน์ทุกๆ 4 ปีที่จะเป็นขาขึ้น หลายคนเชื่อว่ามันยังมีไซเคิลนี้ซึ่งจริงๆ มันอาจจะไม่ซ้ำรอยก็ได้เพราะเพิ่งเกิดไม่กี่ไซเคิลเอง บิตคอยน์เพิ่งอายุ 16 ปี
.
อย่างไรก็ตาม อ.พิริยะ ทิ้งท้ายไว้ว่า “แต่ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมา ไซเคิลมันเริ่มปีหน้าไม่ใช่ปีนี้!!...”
.
#siamstr #bitcoiner #nostr #wherostr
.
.
ที่มา : https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=ditpa1UycExJV0E9