Hello on Nostr: ที่ต้องอุ้ม เพราะล้มไม่ได้ ...
ที่ต้องอุ้ม เพราะล้มไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียหายเยอะ
หนี้ก็มีเยอะ และดอกเบี้ยก็ทำให้ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจ โดยอ้างว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แล้วเราจะได้บทเรียนที่แท้จริงจากการล้มได้ยังไงในเมื่อ ไม่ยอมปล่อยให้ล้ม
แล้วการอุ้มโดยเลือกเฉพาะบางคน มันรู้สึกไม่เป็นธรรมกับคนที่ถูกปล่อยให้ล้ม
จะให้อุ้มทุกคนก็คงไม่ไหว เลยเลือกเฉพาะตัวใหญ่ๆ เพราะคิดว่าจะเสียหายเยอะ
สุดท้ายการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับคนที่มีอำนาจ
แต่อำนาจนั้นมันมาจากความถูกต้องหรือเปล่า
หรือไปเอามาจากคนที่เขาไม่ยินยอม
#siamstr
หนี้ก็มีเยอะ และดอกเบี้ยก็ทำให้ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจ โดยอ้างว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แล้วเราจะได้บทเรียนที่แท้จริงจากการล้มได้ยังไงในเมื่อ ไม่ยอมปล่อยให้ล้ม
แล้วการอุ้มโดยเลือกเฉพาะบางคน มันรู้สึกไม่เป็นธรรมกับคนที่ถูกปล่อยให้ล้ม
จะให้อุ้มทุกคนก็คงไม่ไหว เลยเลือกเฉพาะตัวใหญ่ๆ เพราะคิดว่าจะเสียหายเยอะ
สุดท้ายการตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับคนที่มีอำนาจ
แต่อำนาจนั้นมันมาจากความถูกต้องหรือเปล่า
หรือไปเอามาจากคนที่เขาไม่ยินยอม
#siamstr
quoting note1296…aeleมา! เมื่อวานผมถึงบ้านอาบน้ำ โน๊ตเล็กๆน้อยๆ แล้วนอนเลย 💤
โน๊ตนี้จัดเต็มจากงาน Session ของ อาจารย์พิริยะ Vs คุณ CK ครับผม 🔥
---------------------------
ทำไมปี 2008 รัฐอุ้มธนาคารที่กำลังจะล้มตาย เพียงเพราะธนาคารเหล่านี้ลงทุนกับสิ่งห่วยๆ ลงทุนแบบห่วยๆ แต่มันใหญ่เกินไป ใหญ่เกินกว่ารัฐจะยอมให้ล้มได้ Too Big to Fail จึงเกิดการพิมพ์เงินอัดฉีดอย่างมหาศาล
ใช่ วิกฤตผ่านมาได้เพราะการพิมพ์เงิน เพื่ออัดฉีดจากรัฐ แต่ไม่มีธนาคารหรือคนใหญ่คนโตคนไหนออกมารับผิดชอบสักคน
การพิมพ์เงินอัดฉีด กลับกลายเป็นเงินเฟ้อ เงินเฟ้อเล่นงานทุกคน ทุกระดับ ทุกชนชั้น แต่ชนชั้นที่อยู่ใกล้แหล่งพิมพ์เงิน หรือมีอำนาจในการสั่งการ เขามีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยก่อน ก่อนที่กลไกเงินเฟ้อจะส่งผล
และปี 2008 Satoshi Nakamoto ก็ได้ปล่อย Whitepaper ของ Bitcoin ออกมา โดยที่บล็อกที่ 0 ในปี 2009 ก็คือ บล็อกแรกของ Bitcoin ที่ถูกตั้งชื่อไว้ว่า Genesis Block ได้ฝังข้อความไว้ว่า...
“The Times 03/Jan/2009 Chancellor on brink of second bailout for banks”
เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่า... จากเหตุการณ์ในอดีต แสดงให้เห็นว่าเราไม่สามารถมีเงินที่ดีได้อีกแล้ว เราไม่เห็นด้วยกับระบบการเงินแบบนี้ แต่ตอนนี้พวกเราเริ่มมีความหวังแล้ว
- มันยังคงมี 1 = 1 เท่าเดิม นี่ไม่ใช่คำปลอมใจ แต่มันคือเรื่องจริงของไท้บรรทัดที่ยืดหดไม่ได้
- มันยังคง Having ทุกๆ 210,000 บล็อก หรือ ราวๆ 4 ปี จนกว่าจะขุดครบจำนวน 21m ตามโค้ด
- ค่า Difficulty ของ Bitcoin ยังคงทำงาน เพิ่ม-ลดความยากในการขุดทุกๆ 2,016 บล็อก และปิดบล็อกประมาณ 10 นาที โดยเฉลี่ย
กลับมาดูเงิน Fiat เรามองเห็นอนาคตได้ไกลขนาดไหน เราต้องรอให้กลุ่มคนบางกลุ่มมาตัดสินเศษฐกิจที่มีผลกระทบไปทั่วโลก มันคือไม้บรรทัดที่ยืดหดได้ ค่าไม่แน่ไม่นอน เอาไปวัด เอาไปคำนวณ ถ้าเอาไปใช้สร้างบ้าน โครงสร้างคงพังทั้งหมด มันไม่แฟร์เลย
หากสมมุตมีสนามบินที่กำล้งจะเจ๊ง ระหว่างให้รัฐพิมพ์เงินเพื่อมาอุ้มสนามบิน กับ ปล่อยให้มันเจ๊งไป จะเลือกแบบไหน? ในแง่มุม Free market ปล่อยให้มันเป็นไป เป็นไปตามนั้น คนเป็นหมื่นอาจตกงาน สนามบินต้องถูกปิด ใช่! แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องอัดฉีดเงินเข้ามาในระบบ ในเมื่อคนยังมีชีวิต คนจะดิ้นรนหางานใหม่ทำ อาจเกิดเป็นบริษัทใหม่ขึ้นมา อาจจะจัดการบริหารได้ดีกว่าจากบทเรียนที่ผ่านมา ผู้คนยังดิ้นรนหางานทำ กลายเป็นผู้คนได้เรียนรู้ ได้ทักษะใหม่ๆ สนามบินเจ๊ง แต่เครื่องบินก็ไม่ได้ถูกเผาหรือทำลาย ก็ยังสามารถนำไปขายทอดตลาดได้
---------------------------
สนุกมากๆครับ 😊
GM 🌿⛅
#Siamstr #THBW2024