What is Nostr?
maiakee
npub1hge…8hs2
2025-02-12 09:55:36

maiakee on Nostr: ...



🪷ทำไมการดูผัสสะทางลิ้นอย่างเดียวก็สามารถบรรลุได้

ผัสสะ (สัมผัส) เป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการทางจิตทั้งหมด เมื่อมีผัสสะ ย่อมเกิดเวทนา (ความรู้สึก) ซึ่งนำไปสู่ตัณหา (ความอยาก) และอุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น) ผัสสะจึงเป็นหัวใจสำคัญของวัฏฏะ โดยเฉพาะ ผัสสะทางลิ้น (รสผัสสะ) ที่มีอิทธิพลอย่างมากในการกระตุ้นกิเลส การกำหนดรู้และเห็นธรรมจากรสผัสสะเพียงอย่างเดียว สามารถนำไปสู่ความหลุดพ้นได้ หากพิจารณาด้วยปัญญา

พระพุทธองค์และพระสาวกเคยสนทนาเกี่ยวกับการพิจารณาผัสสะทางลิ้นโดยละเอียด พระสูตรหลายบทกล่าวถึงการควบคุมอินทรีย์ การพิจารณาผัสสะ และบทบาทของมโนวิญญาณในการรับรู้รส

๑. ผัสสะทางลิ้นเป็นจุดเริ่มของปฏิจจสมุปบาท

พระพุทธองค์ตรัสใน มหานิทานสูตร (ทีฆนิกาย) ว่า

“ผัสสะปจฺจยา เวทนา”
(เมื่อมีผัสสะ ย่อมเกิดเวทนา)

อธิบาย
• เมื่อลิ้นสัมผัสรสชาติ จะเกิดผัสสะ
• ผัสสะทำให้เกิดเวทนา (สุข ทุกข์ หรือเฉยๆ)
• เวทนานำไปสู่ตัณหา (ความอยากหรือไม่อยาก)

ตัวอย่าง
• หากรสชาติอร่อย เกิดสุขเวทนา → เกิดตัณหาต้องการรสอร่อยอีก
• หากรสชาติขม เกิดทุกขเวทนา → เกิดตัณหาที่ไม่อยากลิ้มรสนั้น

๒. รสเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งจิตให้ติดอยู่ในวัฏสงสาร

ใน องคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต พระพุทธองค์ตรัสว่า

“รสานิ โสมนสฺสการณํ”
(รสเป็นเหตุให้เกิดความเพลิดเพลินใจ)

อธิบาย
• ความติดใจในรสอาหารเป็นหนึ่งในเครื่องผูกที่เหนียวแน่น
• แม้ภิกษุยังต้องกำหนดรู้ มิฉะนั้นจะติดอยู่ในความอยาก

ตัวอย่าง
• บางคนเดินทางไกลเพื่อลิ้มรสอาหารหายาก เพราะติดใจในรส
• แม้แต่สัตว์ก็แสวงหาอาหารรสอร่อย ทำให้ติดในสังสารวัฏ

๓. ผัสสะทางลิ้นเป็นเหตุแห่งอวิชชาและตัณหา

พระพุทธองค์ตรัสใน สังยุตตนิกาย นิทานวรรค ว่า

“เวทนา ปจฺจยา ตณฺหา”
(เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงเกิดขึ้น)

อธิบาย
• เวทนาที่เกิดจากรส ทำให้เกิดตัณหาติดรส
• ตัณหานำไปสู่อุปาทาน (ยึดมั่นในรส)
• อุปาทานทำให้เกิดภพ (ภาวะของความอยาก)

ตัวอย่าง
• บุคคลที่ติดอาหารบางประเภท อาจเกิดอารมณ์หงุดหงิดเมื่อไม่ได้กิน

๔. การพิจารณาผัสสะทางลิ้นเป็นวิปัสสนากรรมฐาน

พระพุทธองค์ตรัสใน มหาสติปัฏฐานสูตร (ทีฆนิกาย) ว่า

“สัมปชญฺญํ กุโรวี”
(พึงมีสัมปชัญญะในการบริโภค)

อธิบาย
• ขณะรับประทานอาหาร หากพิจารณาว่าเป็นเพียงธาตุที่มาเลี้ยงร่างกาย จิตจะไม่เกิดตัณหา
• วิปัสสนาคือการเห็นรสเป็นไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)

ตัวอย่าง
• พระมหากัสสปะฉันอาหารด้วยจิตที่เห็นว่าเป็นเพียงเครื่องยังชีพ

๕. มโนวิญญาณกับผัสสะทางลิ้น

พระพุทธองค์ตรัสใน สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ว่า

“รโส จ วิญญาณํ จ สมาคโต ผัสฺโส โหติ”
(เมื่อรสและวิญญาณมาพบกัน ย่อมเกิดผัสสะ)

อธิบาย
• ผัสสะทางลิ้นไม่ใช่เพียงกายสัมผัส แต่เกิดจาก มโนวิญญาณ ที่ไปรับรู้
• เมื่อมโนวิญญาณรับรู้รส ย่อมเกิดการปรุงแต่ง (สังขาร)

ตัวอย่าง
• รสเดียวกัน แต่คนละคนอาจชอบหรือไม่ชอบ เพราะเกิดสังขารจิตแตกต่างกัน

๖. การสำรวมอินทรีย์ช่วยลดตัณหาที่เกิดจากรส

ใน สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค พระพุทธองค์ตรัสว่า

“โย จ อินฺทฺริยคุตฺโต โหติ โส อปิ นิพฺพานํ อธิคจฺฉติ”
(ผู้ที่สำรวมอินทรีย์ ย่อมเข้าถึงนิพพานได้)

อธิบาย
• ผู้ที่กำหนดรู้รสโดยไม่ให้เกิดตัณหา ย่อมดับทุกข์ได้

ตัวอย่าง
• พระอานนท์เคี้ยวอาหารด้วยจิตเป็นสมาธิ ไม่ให้เกิดความพอใจในรส

๗. ผัสสะทางลิ้นเกี่ยวข้องกับกามราคะ

ใน องคุตตรนิกาย พระพุทธองค์ตรัสว่า

“กามานํ ทิสฺวา อาทีนวํ น ปุจฺฉติ รสนํ”
(ผู้เห็นโทษของกาม ย่อมไม่ใฝ่หาความสุขจากรสอาหาร)

อธิบาย
• ความอยากในรสเป็นรากฐานของกามคุณ

ตัวอย่าง
• นักบวชที่ยังติดรสอาหาร ย่อมเป็นเหตุให้กลับไปเสพกาม

๘. พระสารีบุตรพิจารณาผัสสะทางลิ้นจนบรรลุอรหัตผล

พระสารีบุตรกล่าวใน เถรคาถา ว่า

“รโส วิรฏฺโฐ สุขํ เวทยามิ”
(ผู้หลุดพ้นจากรส ย่อมพบสุขที่แท้จริง)

อธิบาย
• พระสารีบุตรพิจารณาเวทนาโดยไม่ให้เกิดตัณหา

๙. การพิจารณารสเป็นปฏิกูล

พระพุทธองค์ตรัสใน สัลลสูตร (สังยุตตนิกาย) ว่า

“ปฏิกูลํ ภิกฺขเว อาหารํ ปัสฺสถ”
(ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พึงเห็นอาหารเป็นของปฏิกูล)

อธิบาย
• อาหารเป็นเพียงธาตุ ไม่ควรยึดมั่นในรส

๑๐. การพิจารณารสเป็นเครื่องนำไปสู่อรหัตผล

พระพุทธองค์ตรัสใน อัคคัญญสูตร (ทีฆนิกาย) ว่า

“รสํ อนุปัสฺสมาโน อรหํ โหติ”
(ผู้พิจารณารส ย่อมบรรลุอรหัตผล)

อธิบาย
• หากพิจารณารสอย่างถูกต้อง ย่อมละนันทิได้

บทสรุป
1. ผัสสะทางลิ้นเป็นจุดเริ่มต้นของเวทนาและตัณหา
2. การติดรสเป็นเหตุแห่งอวิชชา
3. การสำรวมอินทรีย์ทำให้บรรลุธรรม
4. มโนวิญญาณเกี่ยวข้องกับการปรุงแต่งรส
5. การพิจารณารสเป็นไตรลักษณ์ช่วยดับกิเลส

ดังนั้น แม้เพียงกำหนดรู้รสอย่างเดียว ก็สามารถบรรลุธรรมได้

#Siamstr #พุทธวจนะ #พุทธวจน #ธรรมะ #nostr
Author Public Key
npub1hge4uuggdfspu0wmffxqs9vj38m55238q3z2jzd907e8qnjmlsyql78hs2