maiakee on Nostr: ...

☯️จักรวาลแห่งกรรม: ภพ ไตรลักษณ์ และความเป็นองค์รวมในพุทธ ควอนตัม และเต๋า
เมื่อพลังงานแห่งกรรม สนามพลังแห่งภพ และสัจธรรมของไตรลักษณ์ เชื่อมโยงกับควอนตัมฟิสิกส์ และปรัชญาเต๋า
๑. บทนำ: กรรม ภพ และการไหลเลื่อนแห่งจักรวาล
ในพระพุทธศาสนา “กรรม” หมายถึงพลังงานของการกระทำ ที่ส่งผลให้เกิด “ภพ” หรือสภาวะการดำรงอยู่ในสังสารวัฏ ภพทั้งหลายดำเนินไปตามหลักไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจัง (ความไม่เที่ยง) ทุกขัง (ความเป็นทุกข์) และอนัตตา (ความไม่มีตัวตนแท้จริง)
ในทางฟิสิกส์ควอนตัม แนวคิดของ Implicate Order ของ David Bohm, Morphic Field ของ Rupert Sheldrake และ Holomovement ต่างชี้ให้เห็นว่า จักรวาลคือการไหลเลื่อนของข้อมูลและพลังงาน ไม่มีสิ่งใดคงที่ ทุกอย่างเป็นไปตามกระแสของเงื่อนไขและปัจจัย
ขณะเดียวกัน ปรัชญาเต๋าของ เหลาจื่อ กล่าวถึง “เต๋า” หรือ “道” (The Way) ซึ่งเป็นกระแสของธรรมชาติที่ดำเนินไปอย่างอัตโนมัติ เต๋าไม่ได้เป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
“เต๋าไหลเวียนไม่หยุดนิ่ง ผู้ที่พยายามยึดเหนี่ยวสิ่งใด ย่อมสูญเสียมันไป” (เต๋าเต๋อจิง บทที่ 1)
เมื่อพิจารณาพร้อมกัน ทั้งพุทธปรัชญา ควอนตัมฟิสิกส์ และเต๋า ต่างชี้ไปที่ ความไม่เที่ยงของทุกสิ่ง การไหลเวียนของพลังงาน และการเกิดขึ้นตามเงื่อนไขของเหตุปัจจัย
๒. กรรมและ Implicate Order: โครงสร้างแฝงของจักรวาล
๒.๑ กรรมคือคลื่นข้อมูลแฝงในจักรวาล
ในทางพุทธศาสนา กรรมเป็นพลังงานของการกระทำที่ไม่ได้หายไป แต่สะสมและส่งผลเมื่อถึงเวลาที่เงื่อนไขสุกงอม
พระพุทธองค์ตรัสว่า:
“สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม ดุจเงาติดตามตน” (ขุททกนิกาย ธรรมบท ๒๕/๑๐)
David Bohm เสนอแนวคิดเรื่อง Implicate Order หรือ “ระเบียบแฝงเร้น” ซึ่งเป็นข้อมูลที่ยังไม่แสดงตัว แต่ดำรงอยู่ในระดับลึกของจักรวาล รอให้เงื่อนไขเหมาะสมก่อนที่จะแสดงออกมาเป็น Explicate Order
กรรมจึงเปรียบเสมือนข้อมูลใน Implicate Order ซึ่งยังไม่ปรากฏ แต่รอการเผยตัวเมื่อเงื่อนไขของภพสุกงอม
๒.๒ ภพคือ Explicate Order – การแสดงตัวของกรรมในรูปแบบชีวิต
Explicate Order ของ Bohm คือโลกที่เราเห็นและสัมผัส ซึ่งคล้ายกับแนวคิดของ ภพ (ภาวะการเกิดใหม่ในสังสารวัฏ) ซึ่งเป็นผลจากกรรม
“สิ่งทั้งปวงมีเหตุเป็นปัจจัย เมื่อเหตุดับ สิ่งนั้นก็ดับ” (ขุ.เถร. ๒๖/๑๖)
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ พฤติกรรมของมนุษย์
• หากคนๆ หนึ่งเคยฝึกฝนการเมตตากรุณาอย่างต่อเนื่อง จิตของเขาจะโน้มเอียงไปในทางเมตตา โดยที่ไม่ต้องพยายาม
• เปรียบเสมือน Implicate Order ของเมตตาที่สะสมอยู่ ได้ถูกนำมาแสดงออกใน Explicate Order
เช่นเดียวกับ ปรัชญาเต๋า ที่กล่าวว่า
“กระแสน้ำไหลไปตามทางของมันเองโดยไม่ต้องบังคับ ผู้ที่เข้าใจเต๋า ย่อมไม่ฝืนกระแสของธรรมชาติ” (เต๋าเต๋อจิง บทที่ 76)
ซึ่งหมายความว่า กรรมและผลของกรรมเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ตามกฎของจักรวาล
๓. ไตรลักษณ์: Holomovement และการเปลี่ยนแปลงอันไม่หยุดนิ่ง
๓.๑ อนิจจัง (Impermanence) – Holomovement และกระแสแห่งภพ
Holomovement ของ Bohm อธิบายว่า จักรวาลคือการไหลเวียนของพลังงาน ไม่มีสิ่งใดอยู่นิ่ง
ในพุทธศาสนา พระพุทธองค์ตรัสว่า:
“ภิกษุทั้งหลาย! รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นของไม่เที่ยง” (สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ๑๘/๖๘)
นี่คล้ายกับแนวคิดของเต๋า ที่กล่าวว่า
“ไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป ผู้ที่ยึดมั่นในสิ่งใด ย่อมพบว่ามันหลุดลอยไปเสมอ” (เต๋าเต๋อจิง บทที่ 23)
๓.๒ ทุกขัง (Suffering) – Morphic Field และการติดอยู่ในภพ
Rupert Sheldrake เสนอว่า Morphic Field คือสนามพลังงานที่เก็บข้อมูลพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต และกำหนดรูปแบบของมัน
ในพุทธศาสนา “ทุกข์” เกิดขึ้นเพราะเราติดอยู่ใน สนามกรรม ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เราทำซ้ำๆ
“สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา” (มหาปรินิพพานสูตร)
เต๋ากล่าวไว้ว่า
“เมื่อผู้คนต่อต้านการเปลี่ยนแปลง พวกเขาย่อมพบกับความทุกข์ แต่เมื่อพวกเขาปล่อยวาง พวกเขาย่อมไหลไปกับกระแสของเต๋า” (เต๋าเต๋อจิง บทที่ 76)
๓.๓ อนัตตา (No-Self) – Quantum Entanglement และความเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง
หลักควอนตัมฟิสิกส์เสนอว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นอิสระจากกัน ทุกสิ่งเชื่อมโยงกันผ่าน Quantum Entanglement
พระพุทธองค์ตรัสว่า:
“สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ผู้รู้เห็นตามความเป็นจริง ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์” (สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ๑๘/๗๙)
ปรัชญาเต๋ากล่าวไว้ว่า
“ฉันเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล และจักรวาลเป็นหนึ่งเดียวกับฉัน” (จวงจื่อ)
นี่หมายความว่า “ตัวตน” เป็นเพียงการรับรู้ชั่วคราวในกระแสของกรรมและภพ
๔. บทสรุป: การปล่อยวาง และการไหลไปกับเต๋าแห่งจักรวาล
1. กรรมและ Implicate Order → เราเป็นผลผลิตของพลังงานกรรมในระดับแฝง
2. Holomovement และอนิจจัง → ภพและสรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลงเสมอ
3. Morphic Field และทุกขัง → ความยึดมั่นทำให้เราติดอยู่ในรูปแบบที่ซ้ำซ้อน
4. Quantum Entanglement และอนัตตา → ไม่มีตัวตนที่แท้จริง ทุกสิ่งคือการไหลเวียนของพลังงาน
“เมื่อเข้าใจว่าทุกสิ่งคือกระแส เราจะไม่พยายามควบคุม แต่จะปล่อยให้ชีวิตไหลไปกับเต๋าแห่งจักรวาล” (เต๋าเต๋อจิง บทที่ 48)
#Siamstr #พุทธวจนะ #พุทธวจน #nostr #ธรรมะ #พุทธศาสนา #taoism