What is Nostr?
maiakee
npub1hge…8hs2
2025-01-29 16:26:28

maiakee on Nostr: ...



✨Holomovement กับ ขันธ์ 5: ถอดรหัสจักรวาล สู่การปลดล็อกนิพพาน

Holomovement (ในโพสนี้จะตั้งสมมติฐานว่าเปรียบเป็นอิทัปปจยตา หรือ กฎการมีอยู่และดับไปของสรรพสิ่งตามเหตุปัจจัย) ของเดวิด โบห์มสามารถเปรียบเทียบกับ ขันธ์ 5 ในพุทธศาสนาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการทำความเข้าใจ Explicate Order และ Implicate Order กับแนวคิด ขันธ์เป็นอนัตตาและนำไปสู่การเข้าถึงนิพพาน

✨Holomovement เป็นแนวคิดทางฟิสิกส์เชิงปรัชญาที่เสนอโดย David Bohm ซึ่งอธิบายว่าจักรวาลเป็นกระบวนการเคลื่อนไหวแบบองค์รวมที่เชื่อมโยงกันทั้งหมด โดยไม่มีสิ่งใดแยกขาดจากกันอย่างแท้จริง

Bohm แบ่งโครงสร้างของความจริงออกเป็น สองระดับ:
1. Implicate Order (ลำดับเชิงซ่อนเร้น) – โครงสร้างพื้นฐานที่ทุกสิ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวและมีการ “พับเก็บ” (enfolded) ข้อมูลของกันและกัน
2. Explicate Order (ลำดับเชิงปรากฏ) – ระดับที่ปรากฏในโลกแห่งประสบการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการ “คลี่ออก” (unfolded) ของ Implicate Order

✨Holomovement จึงเป็นกระบวนการที่ Implicate Order และ Explicate Order เชื่อมโยงกันแบบไดนามิก โดยไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างทั้งสองระดับ ความเป็นจริงจึงควรถูกมองว่าเป็น กระแสขององค์รวมที่ไหลเวียนต่อเนื่อง มากกว่าการแบ่งแยกเป็นวัตถุที่เป็นอิสระต่อกัน

1. Explicate Order = ขันธ์ 5 ที่ปรากฏต่อจิตสำนึก

Explicate Order ในทฤษฎีของโบห์มคือ “ระเบียบที่ถูกคลี่ออก” หรือ โลกที่เรารับรู้ผ่านประสาทสัมผัส ซึ่งเหมือนกับขันธ์ 5 ที่เป็นโครงสร้างของสิ่งที่เรายึดถือเป็น “ตัวตน”

1. รูปขันธ์ = วัตถุและร่างกายใน Explicate Order
• โบห์มอธิบายว่า วัตถุทั้งหมดในโลกที่เรารับรู้คือ “ภาพฉาย” ของ Implicate Order เช่นเดียวกับที่พุทธศาสนากล่าวว่า “รูปขันธ์” หรือร่างกายของเราก็เป็นเพียงสิ่งที่เกิดจากเหตุปัจจัย ไม่มีแก่นสารแท้
• ตัวอย่าง: การมองเห็นโต๊ะ เราคิดว่า “โต๊ะมีอยู่จริง” แต่ในระดับควอนตัม มันเป็นแค่คลื่นพลังงานที่เราแปลความหมายออกมา

2. เวทนาขันธ์ = การตอบสนองของ Explicate Order ต่อสิ่งเร้า
• เรารับรู้ความสุข ทุกข์ หรือความรู้สึกเป็นกลาง แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น “ข้อมูล” ที่เกิดขึ้นชั่วคราวใน Explicate Order เท่านั้น
• ตัวอย่าง: เมื่อกินของหวาน เรารู้สึกอร่อย แต่นั่นเป็นแค่การตอบสนองของระบบประสาทใน Explicate Order ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง

3. สัญญาขันธ์ = การตีความข้อมูลจาก Explicate Order
• เมื่อเห็นสิ่งหนึ่ง เราจะจำและตีความโดยอิงจากอดีต เช่นเดียวกับที่ Explicate Order เป็นการแสดงออกของข้อมูลที่ถูก “พับเก็บ” มาจาก Implicate Order
• ตัวอย่าง: เราเห็นคนหนึ่งแล้วรู้สึกว่า “เขาดูใจดี” แต่จริงๆ แล้วเป็นแค่สัญญาขันธ์ที่ปรุงแต่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา

4. สังขารขันธ์ = กระบวนการสร้าง Explicate Order ขึ้นมา
• โบห์มอธิบายว่า Explicate Order ไม่ได้คงที่ แต่มันเป็น “การเคลื่อนไหว” ตลอดเวลา เช่นเดียวกับที่สังขารขันธ์เป็นสิ่งที่ปรุงแต่งตลอดเวลา
• ตัวอย่าง: เราอาจคิดว่า “ฉันเป็นคนดี” แต่จริงๆ แล้วมันเป็นแค่การปรุงแต่งของจิตที่เปลี่ยนแปลงไปตลอด

5. วิญญาณขันธ์ = การรับรู้ Explicate Order ผ่านอายตนะ
• เรารับรู้โลกผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เช่นเดียวกับที่ Explicate Order ถูกมองเห็นได้จากมุมมองของมนุษย์ แต่ในความเป็นจริง มันเป็นเพียง “เศษเสี้ยว” ของ Implicate Order
• ตัวอย่าง: เราเห็นแสงสีแดง แต่นั่นเป็นแค่การตีความของสมอง ไม่ใช่ “ความจริงแท้”

สรุป: Explicate Order เปรียบได้กับขันธ์ 5 เพราะมันเป็นเพียง “ภาพลวงตา” ที่เกิดจากการแสดงออกของ Implicate Order

2. Implicate Order = สัจธรรมที่เหนือกว่าขันธ์ 5

Implicate Order คือ “ระเบียบที่ซ่อนอยู่” หรือ ภาวะเอกภาพที่ทุกสิ่งเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด อนัตตา (ไม่มีตัวตน) และสุญตา (ความว่าง) ในพุทธศาสนา

• ขันธ์ 5 เป็นเพียงการแสดงออกของ Implicate Order
• ขันธ์ทั้งห้าทำให้เกิด “มายา” ว่ามีตัวตน แต่แท้จริงแล้ว ไม่มีสิ่งใดแยกจากกันอย่างแท้จริง
• เช่นเดียวกับที่ Explicate Order เป็นเพียงคลื่นในมหาสมุทรของ Implicate Order
• ตัวอย่าง: คลื่นแต่ละลูกในมหาสมุทรดูเหมือนแยกจากกัน แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงการแสดงออกของน้ำเท่านั้น
• นิพพาน = การหลุดพ้นจาก Explicate Order สู่ Implicate Order
• เมื่อเข้าใจว่าขันธ์ 5 เป็น ของไม่เที่ยงและว่างเปล่า การยึดติดก็หมดไป
• การปล่อยวางขันธ์ 5 คือ การคลี่คลาย Explicate Order และตระหนักถึง Implicate Order
• ตัวอย่าง: หากคนหนึ่งมองเห็นว่าความโกรธเป็นเพียงกระแสหนึ่งของจิตที่มาจากเหตุปัจจัย เมื่อไม่มีการยึดถือ ความโกรธก็หมดไป เช่นเดียวกับที่คลื่นหายไปในมหาสมุทร

3. Holomovement = อิทัปปัจจยตา (ปฏิจจสมุปบาท)

Holomovement เป็น “การเคลื่อนไหวเชิงองค์รวม” ที่ Explicate Order และ Implicate Order เป็นกระบวนการเดียวกัน
นี่เหมือนกับหลัก อิทัปปัจจยตา (ปฏิจจสมุปบาท) ที่อธิบายว่า ทุกสิ่งเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดมีอยู่โดยตัวมันเอง

• ขันธ์ 5 = Explicate Order ที่เกิดจากเหตุปัจจัย
• ทุกอย่างในขันธ์ 5 เกิดจากการปรุงแต่งของจิต ไม่มีตัวตนถาวร
• เหมือน Explicate Order ที่เป็นเพียง “ภาพฉาย” ของ Implicate Order
• ตัวอย่าง: ไฟไหม้เกิดจากเชื้อเพลิง ออกซิเจน และความร้อน มันไม่มีตัวตนที่แท้จริง
• เข้าใจขันธ์ 5 ตามจริง = เห็น Implicate Order
• เหมือนการเจริญปัญญา เห็นว่า ขันธ์ 5 เป็นเพียงกระแสของเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัวเรา
• เช่นเดียวกับที่ Holomovement บอกว่า Explicate Order เป็นเพียงภาพฉายชั่วคราวของ Implicate Order

4. Holomovement = การเข้าถึงนิพพานได้หรือไม่?

• การเข้าใจ Holomovement อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าใจธรรมะ
• แต่วิธีของโบห์มเป็นการคิดเชิงเหตุผล ในขณะที่พุทธศาสนาเน้นการเจริญสติ ปัญญา และสมาธิ
• เข้าใจว่า “ตัวตน” เป็นแค่ Explicate Order อาจช่วยให้ละวางได้

สรุป: ขันธ์ 5 เป็น Explicate Order ที่พิจารณาแล้วจะเข้าถึง Implicate Order หรือนิพพานได้
• ขันธ์ 5 เป็นมายาของ Explicate Order ซึ่งดูเหมือนเป็นตัวตน แต่แท้จริงเป็นเพียงการแสดงออกของ Implicate Order
• Holomovement สอดคล้องกับปฏิจจสมุปบาท เพราะแสดงว่าไม่มีสิ่งใดแยกขาดจากกัน
• การเห็นขันธ์ 5 ตามความเป็นจริง = การตื่นรู้ว่าสิ่งที่เห็นเป็นเพียง Explicate Order
• นิพพาน = การหลุดพ้นจาก Explicate Order และเข้าถึงภาวะที่ไม่ปรุงแต่ง

ดังนั้น เมื่อพิจารณาขันธ์ 5 จนเข้าใจว่าไม่มีตัวตน ก็เข้าถึง Implicate Order อันเป็นภาวะของนิพพาน

**เพิ่มเติม:

✨ขันธ์ 5 กับ Explicate Order: ไตรลักษณ์เผยความลวงของตัวตน

หากเราพิจารณา ขันธ์ 5 ผ่านมุมมองของ Holomovement และ Explicate Order ของเดวิด โบห์ม จะพบว่า ตัวตนที่เรายึดถือเป็นเพียงภาพฉายของกระบวนการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

สิ่งนี้ตรงกับหลัก ไตรลักษณ์ (สามลักษณะของสรรพสิ่ง) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า:
1. อนิจจตา (Impermanence) – ทุกสิ่งไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
2. ทุกขตา (Suffering/Dukkha) – การยึดมั่นในสิ่งไม่เที่ยงก่อให้เกิดทุกข์
3. อนัตตา (Non-Self) – ไม่มีตัวตนที่แท้จริง ทุกสิ่งเป็นเพียงกระแสของเหตุปัจจัย

Explicate Order เป็นเพียงภาพฉายของ Implicate Order
ขันธ์ 5 เป็นเพียงองค์ประกอบชั่วคราวของสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริง

1. รูป (Form) - อนิจจตาของวัตถุใน Explicate Order

✔ Explicate Order: ทุกสิ่งที่เรามองเห็นเป็นเพียง “การแสดงออกชั่วคราว” ของ Implicate Order
✔ ขันธ์ 5: รูป คือร่างกายและวัตถุที่ประกอบขึ้นจากธาตุ 4 (ดิน น้ำ ลม ไฟ) ซึ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ไตรลักษณ์ในรูปขันธ์
• อนิจจตา: ร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย
• ทุกขตา: เมื่อเรายึดติดกับร่างกาย เราก็ต้องทนทุกข์กับความเสื่อมของมัน
• อนัตตา: ร่างกายไม่ใช่ “ของเรา” เพราะมันเปลี่ยนไปโดยเราไม่มีอำนาจควบคุม

🔴 ตัวอย่าง:
• ฟิสิกส์ควอนตัมบอกว่า อนุภาคไม่เคย “อยู่กับที่” อย่างแท้จริง มันคือกระแสของความน่าจะเป็น
• Holomovement อธิบายว่า สิ่งที่เราเห็นเป็นเพียงคลื่นของการเคลื่อนไหว ไม่มีวัตถุที่ “คงที่”
• เช่นเดียวกับร่างกายของเรา มันเป็นเพียง “Explicate Order” ที่เกิดจากปัจจัยนับไม่ถ้วน และเสื่อมสลายไป

2. เวทนา (Feeling) - ทุกขตาในอารมณ์ที่ไม่จีรัง

✔ Explicate Order: ความสุข ความทุกข์ และอารมณ์ต่าง ๆ เป็นเพียงปฏิกิริยาต่อสิ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
✔ ขันธ์ 5: เวทนา คือความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉย ๆ ซึ่งไม่เคยอยู่คงที่

ไตรลักษณ์ในเวทนาขันธ์
• อนิจจตา: ความสุขอยู่ไม่นาน เดี๋ยวก็จางหายไป
• ทุกขตา: เราพยายามยึดติดกับความสุข และขับไล่ความทุกข์ แต่มันเปลี่ยนแปลงตลอด
• อนัตตา: อารมณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่ตัวเรา เพราะเราไม่สามารถควบคุมได้ให้คงอยู่ตลอดไป

🔴 ตัวอย่าง:
• เรากินอาหารอร่อย แต่เมื่อกินไปนาน ๆ ก็เริ่มเบื่อ
• เรารู้สึกโกรธ แต่สุดท้ายมันก็หายไป
• ในฟิสิกส์ควอนตัม อนุภาคอาจมีสถานะหลายแบบขึ้นอยู่กับการสังเกต คล้ายกับที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งเร้า

3. สัญญา (Perception) - อนัตตาของการรับรู้

✔ Explicate Order: การรับรู้ของเราถูกสร้างจากข้อมูลที่ไม่เคย “สมบูรณ์”
✔ ขันธ์ 5: สัญญา คือกระบวนการจำแนก ตีความ และให้ค่าแก่สิ่งที่เรารับรู้ ซึ่งมักเต็มไปด้วยอคติ

ไตรลักษณ์ในสัญญาขันธ์
• อนิจจตา: ความคิดและการรับรู้ของเราสามารถเปลี่ยนไปได้เสมอ
• ทุกขตา: เมื่อเรายึดติดกับ “มุมมองของเรา” เราก็ทุกข์เมื่อถูกโต้แย้งหรือเปลี่ยนแปลง
• อนัตตา: ความเข้าใจของเราเกิดจากปัจจัยมากมาย เราไม่ได้ “เลือก” ให้คิดแบบใดแบบหนึ่งได้อย่างแท้จริง

🔴 ตัวอย่าง:
• เมื่อเป็นเด็ก เราอาจชอบขนมหวาน แต่เมื่อโตขึ้น เรากลับไม่ชอบมัน
• เราเคยมองว่าคนหนึ่งเป็น “ศัตรู” แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับกลายเป็นมิตร
• สิ่งที่เราคิดว่า “จริง” อาจเป็นเพียงข้อมูลที่สมองเราจัดระเบียบขึ้นมาเท่านั้น

4. สังขาร (Mental Formation) - ความคิดที่เปลี่ยนแปลงเสมอ

✔ Explicate Order: ความคิดเป็นเพียงกระบวนการของข้อมูลที่เกิดขึ้นและดับไป
✔ ขันธ์ 5: สังขาร คือเจตนา การปรุงแต่งทางจิต และการตัดสินใจ ซึ่งเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยเสมอ

ไตรลักษณ์ในสังขารขันธ์
• อนิจจตา: ความคิดและอารมณ์ของเราผันแปรตลอด
• ทุกขตา: เราทุกข์เมื่อไม่สามารถควบคุมความคิดของตนเองได้
• อนัตตา: ความคิดไม่ได้เป็น “ของเรา” เพราะมันถูกกระตุ้นโดยปัจจัยภายนอก

🔴 ตัวอย่าง:
• บางครั้งเราพยายามไม่คิดเรื่องบางอย่าง แต่กลับหยุดคิดไม่ได้
• คนที่เคยเชื่อในบางอย่างอย่างแน่วแน่ อาจเปลี่ยนความคิดได้เมื่อพบข้อมูลใหม่
• Holomovement บอกว่าทุกสิ่งเป็นกระบวนการไหลของข้อมูล เช่นเดียวกับความคิดที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

5. วิญญาณ (Consciousness) - กระแสของการรับรู้ที่ไม่คงที่

✔ Explicate Order: จิตสำนึกดูเหมือนเป็นของจริง แต่เป็นเพียงการเคลื่อนไหวของข้อมูล
✔ ขันธ์ 5: วิญญาณ คือกระบวนการรับรู้ของจิต ซึ่งเกิดขึ้นและดับไปตลอดเวลา

ไตรลักษณ์ในวิญญาณขันธ์
• อนิจจตา: การรับรู้เปลี่ยนไปเสมอ เช่น จากตื่นเป็นหลับ จากโกรธเป็นสงบ
• ทุกขตา: เราทุกข์เมื่อไม่สามารถควบคุมจิตให้สงบได้
• อนัตตา: จิตไม่ใช่ของเรา เพราะมันเปลี่ยนแปลงไปเองตามเงื่อนไขที่มากระทบ

🔴 ตัวอย่าง:
• เราฝันตอนกลางคืน แต่เมื่อเราตื่นขึ้น จิตก็เปลี่ยนไป
• เราพยายามตั้งสมาธิ แต่ใจก็ฟุ้งซ่านไปเอง
• วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจิตสำนึกคือ “อะไร” ซึ่งสะท้อนว่า “ตัวตนของเรา” อาจเป็นเพียงกระแสของข้อมูลที่ไหลผ่าน

🔔 สรุป: ขันธ์ 5 และ Explicate Order คือภาพลวงของตัวตน

เมื่อเราพิจารณา ขันธ์ 5 ผ่าน ไตรลักษณ์ และ Holomovement จะพบว่า:
• “ตัวตนของเรา” ไม่ใช่สิ่งคงที่ แต่เป็นเพียงกระแสของเหตุปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงตลอด
• Explicate Order เป็นมายาภาพ ที่เกิดจาก Implicate Order เช่นเดียวกับขันธ์ 5 ที่เป็นเพียงองค์ประกอบของการรับรู้ชั่วคราว
• เมื่อเข้าใจสิ่งนี้ เราจะหยุดยึดติด และเข้าสู่ความเป็นอิสระ—ซึ่งอาจเป็นภาวะเดียวกับ นิพพาน

#Siamstr #science #quantum #biology #nostr #ธรรมะ #พุทธศาสนา
Author Public Key
npub1hge4uuggdfspu0wmffxqs9vj38m55238q3z2jzd907e8qnjmlsyql78hs2