Ming Ice Hockey Journey on Nostr: #MingIceHockeyJourney Training Diary Hour140 Pressure on young athletes #IceHockey ...
#MingIceHockeyJourney Training Diary Hour140 Pressure on young athletes #IceHockey #IceHockeyLife
ความกดดันในนักกีฬาเด็ก ความคาดหวังของผมไม่ได้จำเป็นต้องเท่ากับความตั้งใจของหมิง
"อย่าทำให้ลูกหมดความสนุกในการเล่นฮอกกี้เลย" ภรรยาพูดกับผม
https://youtu.be/hezA-1fdERs
"Let kids be kids. Focus on fun, skill development, and a love for the game."
คนที่ต้องเปลี่ยนคือผมเอง ในช่วงแรกๆผมไม่ได้รู้สึกอินขนาดนี้ แต่เมื่อผมเห็นหมิงมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ตัวผมเองก็เริ่มสนุกไปพร้อมๆกับหมิง แต่ดูเหมือนช่วงนี้ผมรู้สึกว่าผมกดดันหมิงมากเกินไปหน่อย
วันนี้หลังจากเลิกซ้อมทีม ผมได้คุยกับหมิงเรื่องของวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ที่จะมี off ice training class ซึ่งที่ผ่านมาเราจัดที่บ้าน และสามารถรวมเพื่อนๆในทีมได้มากขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องแล้ว ทำให้วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้เราเปลี่ยนสถานที่ที่ใหญ่ขึ้นและเหมาะสมมากขึ้น มีคนมาร่วมเยอะขึ้นด้วย
ผมมองว่าน่าสนุกดีแต่หมิงกลับไม่คิดอย่างนั้น หมิงบอกว่าหมิงไม่อยากซ้อม Off Ice
อันที่จริงแล้วหมิงมีพูดมาก่อนหน้านี้บ้างแล้วเหมือนกันเรื่องไม่อยากซ้อมออฟไอซ์ แต่ที่ผ่านมาผมพยายามพูดแกมบังคับ ให้ซ้อมเพราะว่ามันเป็นประโยชน์ และมันมีผลต่อการตั้งต้นการรวมทีม และที่ผ่านมาหมิงก็ยอม และส่งผลให้เราสามารถรวมทีมกันได้ในที่สุดซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีต่อทีมแต่แลกมาด้วยความกดดันต่อหมิง
จนในที่สุดแล้ววันนี้หมิงก็ร้องไห้จนได้ หมิงบอกว่ารู้สึกกดดันและไม่อยากเล่น Ice Hockey แล้ว มันทำให้ผมรู้สึกตัวและคิดได้ทันทีว่า ผมผิดเอง
ผมผิดเองและได้ขอโทษหมิงที่กดดันมากเกินไปหน่อย สำหรับเด็กในวัยนี้ ที่ต้องรู้สึกรับหน้าที่ในการเป็นตัวแบกทีม ความกดดันในการเป็นผู้นำ มันอาจจะมากเกินไปสำหรับเด็กในวัยนี้ แม้ว่าผมจะค่อนข้างคิดว่าความกดดันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักกีฬา แม้กระทั่งการทำงานหรือการใช้ชีวิต ความกดดันเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญและต้องผ่านไปให้ได้เพื่อพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น แต่ทั้งนี้ "น้ำหนักของความกดดัน" ผมคงใส่มากเกินไปหน่อยสำหรับหมิง และตอนนี้ผมรู้ตัวแล้ว
ผมได้พูดคุยกับหมิงใหม่อีกครั้งว่า ป๊าขอโทษ และขอให้หมิงคิดและตัดสินใจเองว่าหมิงจะทำอย่างไร และยังให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจอีกว่า ตอนนี้ใกล้จะแข่งแล้ว และคราวนี้ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นที่หมิงต้องไป เพราะเรารวมคนได้เยอะแล้ว ทีมเกิดแล้ว หมิงไม่จำเป็น แต่ถ้าพร้อมป๊าก็อยากให้ไปนะ ทั้งนี้ให้หมิงตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไร?
ผมอยากรู้เหมือนกันว่าหมิงจะตัดสินใจอย่างไร และผมจะเคารพการตัดสินใจของหมิง
---
ขอแนบท้ายบทความที่ใช้ Gemini แปลมาอีกทีนึงพร้อมกับลิงค์ต้นทางไว้เตือนสติตัวเอง
https://www.facebook.com/groups/2048752025250538/?multi_permalinks=7496246747167678&hoisted_section_header_type=recently_seen
น้ำตาแห่งความฝันที่เลือนหาย: เมื่อลูกตัดสินใจเลิกเล่นฮ็อกกี้น้ำแข็ง
(สรุปจากต้นทางโดย Gemini)
.
แสงไฟสาดส่องลงมาบนลานสเก็ตน้ำแข็ง เสียงใบมีดเฉือนผ่านผิวน้ำแข็งดังก้องกังวาน เด็กน้อยในชุดฮ็อกกี้น้ำแข็งสีสันสดใส กำลังฝึกซ้อมอย่างขะมักเขม้น ใบหน้าเปื้อนเหงื่อแฝงรอยยิ้มแห่งความมุ่งมั่น ภาพนี้เคยเป็นภาพที่คุ้นเคยสำหรับฉัน ในฐานะพ่อแม่ฮ็อกกี้น้ำแข็ง ฉันทุ่มเททั้งเวลา พลังงาน และเงินจำนวนมากเพื่อสนับสนุนความฝันของลูกบนลานสเก็ตน้ำแข็ง
.
ฉันฝันถึงวันที่ลูกจะสวมเสื้อทีมฮ็อกกี้น้ำแข็งระดับมืออาชีพ ฝันถึงเสียงเชียร์กึกก้องจากแฟน ๆ ฝันถึงรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจของครอบครัว
แต่แล้ววันหนึ่ง ความฝันเหล่านั้นก็เริ่มสั่นคลอน
.
"แม่ครับ หนูไม่อยากเล่นฮ็อกกี้น้ำแข็งแล้ว"
.
ประโยคสั้น ๆ นี้ เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจ ฉันรู้สึกเหมือนถูกโยนลงจากยอดเขาสูง ร่วงลงสู่หุบเหวแห่งความงุนงงและผิดหวัง
.
ทำไมล่ะ? อะไรทำให้ลูกเปลี่ยนใจ?
.
คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัว ฉันพยายามหาคำตอบ แต่ยิ่งหา ยิ่งรู้สึกสับสน หรือว่าฉันทำอะไรผิดพลาดไป? หรือว่าฉันกดดันลูกมากเกินไป? หรือว่าลูกเบื่อหน่ายกับการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง?
.
คำถามเหล่านี้ทิ่มแทงใจฉันราวกับมีดแหลมคม ฉันรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรไปบางอย่าง สูญเสียความฝัน สูญเสียความเป็นตัวตน สูญเสียความผูกพันกับลูก
.
แต่แล้ว ฉันก็ค่อย ๆ ตั้งสติ ฉันตระหนักว่า ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับให้ลูกเดินตามความฝันของฉัน ลูกมีสิทธิ์ที่จะเลือกเส้นทางของตัวเอง หน้าที่ของฉันคือการสนับสนุนเขา ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอะไรก็ตาม
.
ฉันเริ่มมองลูกด้วยสายตาที่ต่างออกไป ฉันมองเห็นความกล้าหาญของเขา ที่กล้าเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ ฉันมองเห็นความมุ่งมั่นของเขา ที่พร้อมที่จะค้นหาตัวตนของตัวเอง ฉันมองเห็นความรักของเขา ที่ยังคงอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์
.
ในที่สุด ฉันก็เข้าใจว่า ความฝันที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่ลานสเก็ตน้ำแข็ง
แต่เป็นความสุขของลูก และฉันก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นลูกมีความสุข แม้ว่าความฝันของฉันจะเลือนหายไป แต่ความรักของฉันที่มีต่อลูกจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
.
ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหน เพราะความรักของพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าความฝันใด ๆ
.
-------------------
#IceHockeyThailand #Icehockey #Hockey #IceHockeyFamily #siamstr #Homeschool
ความกดดันในนักกีฬาเด็ก ความคาดหวังของผมไม่ได้จำเป็นต้องเท่ากับความตั้งใจของหมิง
"อย่าทำให้ลูกหมดความสนุกในการเล่นฮอกกี้เลย" ภรรยาพูดกับผม
https://youtu.be/hezA-1fdERs
"Let kids be kids. Focus on fun, skill development, and a love for the game."
คนที่ต้องเปลี่ยนคือผมเอง ในช่วงแรกๆผมไม่ได้รู้สึกอินขนาดนี้ แต่เมื่อผมเห็นหมิงมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ตัวผมเองก็เริ่มสนุกไปพร้อมๆกับหมิง แต่ดูเหมือนช่วงนี้ผมรู้สึกว่าผมกดดันหมิงมากเกินไปหน่อย
วันนี้หลังจากเลิกซ้อมทีม ผมได้คุยกับหมิงเรื่องของวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ที่จะมี off ice training class ซึ่งที่ผ่านมาเราจัดที่บ้าน และสามารถรวมเพื่อนๆในทีมได้มากขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องแล้ว ทำให้วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้เราเปลี่ยนสถานที่ที่ใหญ่ขึ้นและเหมาะสมมากขึ้น มีคนมาร่วมเยอะขึ้นด้วย
ผมมองว่าน่าสนุกดีแต่หมิงกลับไม่คิดอย่างนั้น หมิงบอกว่าหมิงไม่อยากซ้อม Off Ice
อันที่จริงแล้วหมิงมีพูดมาก่อนหน้านี้บ้างแล้วเหมือนกันเรื่องไม่อยากซ้อมออฟไอซ์ แต่ที่ผ่านมาผมพยายามพูดแกมบังคับ ให้ซ้อมเพราะว่ามันเป็นประโยชน์ และมันมีผลต่อการตั้งต้นการรวมทีม และที่ผ่านมาหมิงก็ยอม และส่งผลให้เราสามารถรวมทีมกันได้ในที่สุดซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีต่อทีมแต่แลกมาด้วยความกดดันต่อหมิง
จนในที่สุดแล้ววันนี้หมิงก็ร้องไห้จนได้ หมิงบอกว่ารู้สึกกดดันและไม่อยากเล่น Ice Hockey แล้ว มันทำให้ผมรู้สึกตัวและคิดได้ทันทีว่า ผมผิดเอง
ผมผิดเองและได้ขอโทษหมิงที่กดดันมากเกินไปหน่อย สำหรับเด็กในวัยนี้ ที่ต้องรู้สึกรับหน้าที่ในการเป็นตัวแบกทีม ความกดดันในการเป็นผู้นำ มันอาจจะมากเกินไปสำหรับเด็กในวัยนี้ แม้ว่าผมจะค่อนข้างคิดว่าความกดดันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักกีฬา แม้กระทั่งการทำงานหรือการใช้ชีวิต ความกดดันเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญและต้องผ่านไปให้ได้เพื่อพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น แต่ทั้งนี้ "น้ำหนักของความกดดัน" ผมคงใส่มากเกินไปหน่อยสำหรับหมิง และตอนนี้ผมรู้ตัวแล้ว
ผมได้พูดคุยกับหมิงใหม่อีกครั้งว่า ป๊าขอโทษ และขอให้หมิงคิดและตัดสินใจเองว่าหมิงจะทำอย่างไร และยังให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจอีกว่า ตอนนี้ใกล้จะแข่งแล้ว และคราวนี้ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้นที่หมิงต้องไป เพราะเรารวมคนได้เยอะแล้ว ทีมเกิดแล้ว หมิงไม่จำเป็น แต่ถ้าพร้อมป๊าก็อยากให้ไปนะ ทั้งนี้ให้หมิงตัดสินใจเองว่าจะทำอย่างไร?
ผมอยากรู้เหมือนกันว่าหมิงจะตัดสินใจอย่างไร และผมจะเคารพการตัดสินใจของหมิง
---
ขอแนบท้ายบทความที่ใช้ Gemini แปลมาอีกทีนึงพร้อมกับลิงค์ต้นทางไว้เตือนสติตัวเอง
https://www.facebook.com/groups/2048752025250538/?multi_permalinks=7496246747167678&hoisted_section_header_type=recently_seen
น้ำตาแห่งความฝันที่เลือนหาย: เมื่อลูกตัดสินใจเลิกเล่นฮ็อกกี้น้ำแข็ง
(สรุปจากต้นทางโดย Gemini)
.
แสงไฟสาดส่องลงมาบนลานสเก็ตน้ำแข็ง เสียงใบมีดเฉือนผ่านผิวน้ำแข็งดังก้องกังวาน เด็กน้อยในชุดฮ็อกกี้น้ำแข็งสีสันสดใส กำลังฝึกซ้อมอย่างขะมักเขม้น ใบหน้าเปื้อนเหงื่อแฝงรอยยิ้มแห่งความมุ่งมั่น ภาพนี้เคยเป็นภาพที่คุ้นเคยสำหรับฉัน ในฐานะพ่อแม่ฮ็อกกี้น้ำแข็ง ฉันทุ่มเททั้งเวลา พลังงาน และเงินจำนวนมากเพื่อสนับสนุนความฝันของลูกบนลานสเก็ตน้ำแข็ง
.
ฉันฝันถึงวันที่ลูกจะสวมเสื้อทีมฮ็อกกี้น้ำแข็งระดับมืออาชีพ ฝันถึงเสียงเชียร์กึกก้องจากแฟน ๆ ฝันถึงรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจของครอบครัว
แต่แล้ววันหนึ่ง ความฝันเหล่านั้นก็เริ่มสั่นคลอน
.
"แม่ครับ หนูไม่อยากเล่นฮ็อกกี้น้ำแข็งแล้ว"
.
ประโยคสั้น ๆ นี้ เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัวใจ ฉันรู้สึกเหมือนถูกโยนลงจากยอดเขาสูง ร่วงลงสู่หุบเหวแห่งความงุนงงและผิดหวัง
.
ทำไมล่ะ? อะไรทำให้ลูกเปลี่ยนใจ?
.
คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัว ฉันพยายามหาคำตอบ แต่ยิ่งหา ยิ่งรู้สึกสับสน หรือว่าฉันทำอะไรผิดพลาดไป? หรือว่าฉันกดดันลูกมากเกินไป? หรือว่าลูกเบื่อหน่ายกับการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง?
.
คำถามเหล่านี้ทิ่มแทงใจฉันราวกับมีดแหลมคม ฉันรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรไปบางอย่าง สูญเสียความฝัน สูญเสียความเป็นตัวตน สูญเสียความผูกพันกับลูก
.
แต่แล้ว ฉันก็ค่อย ๆ ตั้งสติ ฉันตระหนักว่า ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะบังคับให้ลูกเดินตามความฝันของฉัน ลูกมีสิทธิ์ที่จะเลือกเส้นทางของตัวเอง หน้าที่ของฉันคือการสนับสนุนเขา ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจอะไรก็ตาม
.
ฉันเริ่มมองลูกด้วยสายตาที่ต่างออกไป ฉันมองเห็นความกล้าหาญของเขา ที่กล้าเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ ฉันมองเห็นความมุ่งมั่นของเขา ที่พร้อมที่จะค้นหาตัวตนของตัวเอง ฉันมองเห็นความรักของเขา ที่ยังคงอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์
.
ในที่สุด ฉันก็เข้าใจว่า ความฝันที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่ลานสเก็ตน้ำแข็ง
แต่เป็นความสุขของลูก และฉันก็รู้สึกดีใจที่ได้เห็นลูกมีความสุข แม้ว่าความฝันของฉันจะเลือนหายไป แต่ความรักของฉันที่มีต่อลูกจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
.
ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหน เพราะความรักของพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าความฝันใด ๆ
.
-------------------
#IceHockeyThailand #Icehockey #Hockey #IceHockeyFamily #siamstr #Homeschool