ProtistPitchaya on Nostr: นับจากบทนำ บทที่ 9 ...
นับจากบทนำ บทที่ 9 เป็นบทที่ฉันรู้สึกเดือดที่สุด เดือดกว่าบทที่ 8 มาก
อ่านไปปิดไปข้างนึงไป อ่านไปถอนหายใจไป บางทีก็ต้องนิ่งทำใจสักพักก่อน ค่อยอ่านต่อ
.
บทที่ 8 เปลี่ยนวิถีการกินของฉันไปโดยสิ้นเชิง (เช่น ไม่กินข้าวหรือเส้นเลย) แต่บทนี้ทำให้ฉันมอง "สภาพแวดล้อมรอบตัวของฉัน" เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
.
ฉันจะพยายามแทรกเหตุการณ์จริงที่ฉัน "เจอกับตัว"
.
โรงเรียนเฟียต
ฉันเป็นพยานยืนยันได้ว่า "จริง"
ฉันมีใบประกอบวิชาชีพครู เคยเป็นข้าราชการครูมาแล้วถึง ๒ กระทรวง และเคยเป็นอาจารย์สอนช่างยนต์ ปวช. ในสถาบันเอกชนด้วย
นอกจากนี้ พ่อฉันก็เป็น ผอ.รร. รัฐบาล แม่ก็รับราชการครูนาน ๒๕ ปี
ฉันได้ยินพ่อแม่บ่นเกี่ยวกับระบบนี้ "ทุกเรื่อง"
ถ้าให้พูดปัญหาของระบบการศึกษาไทย พูดเป็นเดือนก็ไม่จบ
.
มหาวิทยาลัยเฟียต
โอ๊ย อึ้งมากกกกกกก
อ่านแล้ว "ผิดหวัง" มันรู้สึกมืดไปชั่วขณะ แต่มัน "จริง"
.
1. ฉันขอเล่าเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์นึง
.
ฉันเรียนต่อปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณิตศาสตร์บริสุทธิ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
ได้เพื่อนใหม่คนนึง ชื่อวุฒิ เป็นผู้ชาย
นางเก่งเนื้อหา คณิต ป.ตรี มากกกกกกกกคนนึง
นางเป็นคนสีเหลืองล้วน ไม่ก็เหลืองปนเขียว (มั่นใจในตัวเองสูง สนุุกสนาเฮฮา)
แต่พอถึงช่วงสอบกลางภาคเทอมแรก นางก็เปลี่ยนไปมาก ไม่ค่อยพูด เริ่มปลีกตัว
พอผลสอบกลางภาค วิชา "พีชคณิตเชิงเส้นและเชิงหลายเส้น" ออกมา ปรากฏว่า
นางได้คะแนนต่ำสุดเป็นอันดับ ๒
นางกลับบ้านไปเจอพ่อแม่ แล้วก็กลับมากรุงเทพฯ มาถึงห้องพักช่วงเช้ามืด (รูมเมทเป็นเพื่อน ป.โท รุ่นเดียวกัน ชื่อ แซ็ก)
แซ็กมีเรียนตอน 8 โมง แต่วุฒิมีเรียนตอน 10 โมง
วุฒิไม่ไปเรียน
เมื่อแซ็กกลับเข้าห้อง พบว่าวุฒิใช้ผ้าขนหนูสีชมพูผูกคอตายกับตู้เสื้อผ้า
วันต่อมาฉันก็ทราบข่าวนี้
(ฉันมีเรียนพร้อมวุฒิ วิชาเดียวกัน แต่ฉันป่วยหนักในวันนั้นและขาดเรียนทั้งวัน)
พวกเราพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ ย้อนหลัง ได้ความว่า
.
วุฒิโดนอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์กดดันหนักมาก อาจารย์มักพูดในทำนองว่า ยังเก่งไม่พอ (แต่อาจใช้คำอื่น)
และเช้าวันเกิดเรื่อง อาจารย์อีกท่านนึง "โพสต์" ประจานวุฒิในกลุ่มเฟซบุ๊กของรุ่นว่า
วุฒิเป็นคนเดียวที่ไม่ส่งงาน จะต้องทำ... (คลับคล้ายคลับคลาว่า ให้รวบรวมงานเพื่อน ๆ หรือทำอะไรสักอย่าง)
หลังจากพ่อแม่ของวุฒิทราบเรื่อง พวกเขา "ไม่เชื่อ" ว่าลูกผู้คอตาย เพราะลูกมีพฤติกรรมปกติมาก ก่อนที่จะกลับมากรุงเทพฯ
(ฉันคิดว่า วุฒิกลัวพ่อแม่จะผิดหวังเรื่องเรียน)
.
อาจารย์ทั้ง ๒ นั้นก็ไม่ได้รับโทษใด ๆ
.
๒. ฉันอึ้งกับข้อความ "การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเป็นเพียงขั้นต่อไปของชีวิต ที่รัฐบาลเห็นชอบให้ประชาชนทำ" และ
"การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยเปลี่ยนจากที่เคยเป็นสินค้าสำหรับการลงทุน กลายมาเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคไปเสียแล้ว"
ฉันเห็นด้วยทั้ง ๒ ข้อความ
นักเรียน นิสิต นักศึกษา จำนวนมหาศาล (แต่ไม่ทั้งหมด) ในหลาย ๆ มหาวิทยาลัย ไม่ตั้งใจเรียนเอาเสียเลย
.
นักวิชาการเฟียต
โอ๊ยจริงมาก จริงที่สุด!
ตอน ม.6 ฉันชื่นชมอาจารย์คนนึงมาก เพราะท่านเป็นทั้ง รศ. เป็นทั้ง ดร. เป็นทั้ง บก.วารสาร และเป็นทั้งนายกสมาคม
แต่พอฉันได้มาเรียนกับนาง
โอ๊ย นางสอนแย่มาก ไม่ใช่แค่ฉันที่คิดแบบนั้น
เพื่อน ๆ คนอื่นก็บ่น
นางเอา PDF หนังสือนาง ขึ้นฉาย แล้วก็อ่านตาม
แค่นั้น โอ๊ย
แล้วนางด่าฉันต่อหน้าเพื่อน ๆ ในเซคด้วยนะ ประมาณว่า "เราต้องยอมรับว่า เรามีปัญหาเรื่องการเรียนมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ" และ
ตอนที่ฉันกำลังนำเสนองานวิจัย (ที่นางบังคับให้ไปหามาคนละเรื่อง) นางก็ว่าฉัน "ถ่วงเวลา" ไม่ยอมพูดจุดที่มันสำคัญ
ฉันล่ะหมดคำจะพูด และตอนนี้นางก็เป็น ศ. แล้วจ้า
สรุปว่า ฉันเห็นด้วยกับหัวข้อนี้อย่างยิ่ง
.
วิทยาศาสตร์เฟียต
เรื่องนี้เป็นจุดที่ทำให้ฉัน ลาออกจากการเรียน ป.โท เลย
ตอนนั้นเป็นช่วงต้น ปี ๒ ฉันเอางานวิจัยไปนำเสนอ ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
นางด่าฉันสาดเสียเทเสีย ทั้งใส่อารมณ์ และข้อความรุนแรง หาว่าฉันศึกษาในจุดที่ไม่สำคัญ (เอ๋า แล้วกูจะรู้กับโคตร...มึงไหมล่ะว่าตรงไหนสำคัญ)
ฉันไม่ตอบโต้ และถามนางดี ๆ (ย้ำว่าถามดี ๆ) ว่า
"พีชคณิตนามธรรมแขนงนี้สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงกับเรื่องอะไรได้บ้างคะ"
นางตอบทันทีว่า "ไม่มี"
ฉันถามต่อว่า "ประโยชน์ในชีวิตจริง ของงานวิจัยชิ้นนี้คืออะไรคะ"
นางก็ตอบว่า "ไม่มี มีประโยชน์ในเชิงวิชาการ"
ฉันจำข้อความนี้ได้เป๊ะจนถึงทุกวันนี้
.
คณิตศาสตร์บางหัวข้อในบางแขนง
"ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น" จริง ๆ ฉันขอยืนยัน
การพยายามทำให้พวกฉันเสียเวลากับจุดยิบย่อยไร้สาระบางจุด เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานสมองโดยแท้
.
ัหัวข้อที่เหลือ โดนเฉพาะตั้งแต่หน้า ๒๖๗ เป็นต้นไป เป็นช่วงที่ฉันหวาดผวาที่สุด
อึ้งที่สุด สะเทือนใจที่สุด
ฉันมองฮาร์วาร์ดเปลี่ยนไป
นั่นทำให้ฉันมองจุฬาฯ เปลี่ยนไปด้วย
ฉันโกรธแค้นกับการกระทำของ Ancel Keys และ Fredrick Stare เป็นอย่างมาก
และฉันก็จะไม่อ่านวารสารวิชาการอีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็ไม่รู้สึกภาคภูมิใจกับมหาวิทยาลัย คณะ หรือสาขา ที่ฉันเคยเรียน เลย "แม้แต่นิดเดียว"
.
ขอบคุณผู้เขียนและผู้แปล "ทุก" ท่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ piriya (npub1pry…2xcv) #siamstr #thefiatstandard #fiatscience
อ่านไปปิดไปข้างนึงไป อ่านไปถอนหายใจไป บางทีก็ต้องนิ่งทำใจสักพักก่อน ค่อยอ่านต่อ
.
บทที่ 8 เปลี่ยนวิถีการกินของฉันไปโดยสิ้นเชิง (เช่น ไม่กินข้าวหรือเส้นเลย) แต่บทนี้ทำให้ฉันมอง "สภาพแวดล้อมรอบตัวของฉัน" เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
.
ฉันจะพยายามแทรกเหตุการณ์จริงที่ฉัน "เจอกับตัว"
.
โรงเรียนเฟียต
ฉันเป็นพยานยืนยันได้ว่า "จริง"
ฉันมีใบประกอบวิชาชีพครู เคยเป็นข้าราชการครูมาแล้วถึง ๒ กระทรวง และเคยเป็นอาจารย์สอนช่างยนต์ ปวช. ในสถาบันเอกชนด้วย
นอกจากนี้ พ่อฉันก็เป็น ผอ.รร. รัฐบาล แม่ก็รับราชการครูนาน ๒๕ ปี
ฉันได้ยินพ่อแม่บ่นเกี่ยวกับระบบนี้ "ทุกเรื่อง"
ถ้าให้พูดปัญหาของระบบการศึกษาไทย พูดเป็นเดือนก็ไม่จบ
.
มหาวิทยาลัยเฟียต
โอ๊ย อึ้งมากกกกกกก
อ่านแล้ว "ผิดหวัง" มันรู้สึกมืดไปชั่วขณะ แต่มัน "จริง"
.
1. ฉันขอเล่าเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์นึง
.
ฉันเรียนต่อปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต คณิตศาสตร์บริสุทธิ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ
ได้เพื่อนใหม่คนนึง ชื่อวุฒิ เป็นผู้ชาย
นางเก่งเนื้อหา คณิต ป.ตรี มากกกกกกกกคนนึง
นางเป็นคนสีเหลืองล้วน ไม่ก็เหลืองปนเขียว (มั่นใจในตัวเองสูง สนุุกสนาเฮฮา)
แต่พอถึงช่วงสอบกลางภาคเทอมแรก นางก็เปลี่ยนไปมาก ไม่ค่อยพูด เริ่มปลีกตัว
พอผลสอบกลางภาค วิชา "พีชคณิตเชิงเส้นและเชิงหลายเส้น" ออกมา ปรากฏว่า
นางได้คะแนนต่ำสุดเป็นอันดับ ๒
นางกลับบ้านไปเจอพ่อแม่ แล้วก็กลับมากรุงเทพฯ มาถึงห้องพักช่วงเช้ามืด (รูมเมทเป็นเพื่อน ป.โท รุ่นเดียวกัน ชื่อ แซ็ก)
แซ็กมีเรียนตอน 8 โมง แต่วุฒิมีเรียนตอน 10 โมง
วุฒิไม่ไปเรียน
เมื่อแซ็กกลับเข้าห้อง พบว่าวุฒิใช้ผ้าขนหนูสีชมพูผูกคอตายกับตู้เสื้อผ้า
วันต่อมาฉันก็ทราบข่าวนี้
(ฉันมีเรียนพร้อมวุฒิ วิชาเดียวกัน แต่ฉันป่วยหนักในวันนั้นและขาดเรียนทั้งวัน)
พวกเราพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ ย้อนหลัง ได้ความว่า
.
วุฒิโดนอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์กดดันหนักมาก อาจารย์มักพูดในทำนองว่า ยังเก่งไม่พอ (แต่อาจใช้คำอื่น)
และเช้าวันเกิดเรื่อง อาจารย์อีกท่านนึง "โพสต์" ประจานวุฒิในกลุ่มเฟซบุ๊กของรุ่นว่า
วุฒิเป็นคนเดียวที่ไม่ส่งงาน จะต้องทำ... (คลับคล้ายคลับคลาว่า ให้รวบรวมงานเพื่อน ๆ หรือทำอะไรสักอย่าง)
หลังจากพ่อแม่ของวุฒิทราบเรื่อง พวกเขา "ไม่เชื่อ" ว่าลูกผู้คอตาย เพราะลูกมีพฤติกรรมปกติมาก ก่อนที่จะกลับมากรุงเทพฯ
(ฉันคิดว่า วุฒิกลัวพ่อแม่จะผิดหวังเรื่องเรียน)
.
อาจารย์ทั้ง ๒ นั้นก็ไม่ได้รับโทษใด ๆ
.
๒. ฉันอึ้งกับข้อความ "การศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเป็นเพียงขั้นต่อไปของชีวิต ที่รัฐบาลเห็นชอบให้ประชาชนทำ" และ
"การศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยเปลี่ยนจากที่เคยเป็นสินค้าสำหรับการลงทุน กลายมาเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคไปเสียแล้ว"
ฉันเห็นด้วยทั้ง ๒ ข้อความ
นักเรียน นิสิต นักศึกษา จำนวนมหาศาล (แต่ไม่ทั้งหมด) ในหลาย ๆ มหาวิทยาลัย ไม่ตั้งใจเรียนเอาเสียเลย
.
นักวิชาการเฟียต
โอ๊ยจริงมาก จริงที่สุด!
ตอน ม.6 ฉันชื่นชมอาจารย์คนนึงมาก เพราะท่านเป็นทั้ง รศ. เป็นทั้ง ดร. เป็นทั้ง บก.วารสาร และเป็นทั้งนายกสมาคม
แต่พอฉันได้มาเรียนกับนาง
โอ๊ย นางสอนแย่มาก ไม่ใช่แค่ฉันที่คิดแบบนั้น
เพื่อน ๆ คนอื่นก็บ่น
นางเอา PDF หนังสือนาง ขึ้นฉาย แล้วก็อ่านตาม
แค่นั้น โอ๊ย
แล้วนางด่าฉันต่อหน้าเพื่อน ๆ ในเซคด้วยนะ ประมาณว่า "เราต้องยอมรับว่า เรามีปัญหาเรื่องการเรียนมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ" และ
ตอนที่ฉันกำลังนำเสนองานวิจัย (ที่นางบังคับให้ไปหามาคนละเรื่อง) นางก็ว่าฉัน "ถ่วงเวลา" ไม่ยอมพูดจุดที่มันสำคัญ
ฉันล่ะหมดคำจะพูด และตอนนี้นางก็เป็น ศ. แล้วจ้า
สรุปว่า ฉันเห็นด้วยกับหัวข้อนี้อย่างยิ่ง
.
วิทยาศาสตร์เฟียต
เรื่องนี้เป็นจุดที่ทำให้ฉัน ลาออกจากการเรียน ป.โท เลย
ตอนนั้นเป็นช่วงต้น ปี ๒ ฉันเอางานวิจัยไปนำเสนอ ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
นางด่าฉันสาดเสียเทเสีย ทั้งใส่อารมณ์ และข้อความรุนแรง หาว่าฉันศึกษาในจุดที่ไม่สำคัญ (เอ๋า แล้วกูจะรู้กับโคตร...มึงไหมล่ะว่าตรงไหนสำคัญ)
ฉันไม่ตอบโต้ และถามนางดี ๆ (ย้ำว่าถามดี ๆ) ว่า
"พีชคณิตนามธรรมแขนงนี้สามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงกับเรื่องอะไรได้บ้างคะ"
นางตอบทันทีว่า "ไม่มี"
ฉันถามต่อว่า "ประโยชน์ในชีวิตจริง ของงานวิจัยชิ้นนี้คืออะไรคะ"
นางก็ตอบว่า "ไม่มี มีประโยชน์ในเชิงวิชาการ"
ฉันจำข้อความนี้ได้เป๊ะจนถึงทุกวันนี้
.
คณิตศาสตร์บางหัวข้อในบางแขนง
"ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น" จริง ๆ ฉันขอยืนยัน
การพยายามทำให้พวกฉันเสียเวลากับจุดยิบย่อยไร้สาระบางจุด เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานสมองโดยแท้
.
ัหัวข้อที่เหลือ โดนเฉพาะตั้งแต่หน้า ๒๖๗ เป็นต้นไป เป็นช่วงที่ฉันหวาดผวาที่สุด
อึ้งที่สุด สะเทือนใจที่สุด
ฉันมองฮาร์วาร์ดเปลี่ยนไป
นั่นทำให้ฉันมองจุฬาฯ เปลี่ยนไปด้วย
ฉันโกรธแค้นกับการกระทำของ Ancel Keys และ Fredrick Stare เป็นอย่างมาก
และฉันก็จะไม่อ่านวารสารวิชาการอีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็ไม่รู้สึกภาคภูมิใจกับมหาวิทยาลัย คณะ หรือสาขา ที่ฉันเคยเรียน เลย "แม้แต่นิดเดียว"
.
ขอบคุณผู้เขียนและผู้แปล "ทุก" ท่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ piriya (npub1pry…2xcv) #siamstr #thefiatstandard #fiatscience