itssara on Nostr: วันนี้ผมได้ย้อนฟัง Alt+tab SS2 ep.3 ...
วันนี้ผมได้ย้อนฟัง Alt+tab SS2 ep.3 ที่สัมภาษณ์พี่ป้ำ nprofile1qqsfwl44pcxpjemklvn6jqnsa3z9nduq4sn7984s68fn2kupnnyn3uce8qjxs (nprofile…qjxs) และพี่แชมป์ PIGROCK (nprofile…tpte) ก็ได้นั่งทบทวนอะไรหลายๆ อย่างจากคลิปนี้ ไม่ว่าจะ บิตคอยน์ทำให้เรารู้สึกสีเขียว 💚, การเลี้ยงลูก, ความหมายของภาพวาดของพี่แชมป์(ที่วันนี้มีราคาที่ 4,700,000 sats), ทฤษฎีเกม ฯลฯ มีโอกาสจะนำมาถ่ายทอดต่อไป
แต่เรื่องที่ผมอยากจะนำมาเล่าในโน้ตนี้ คือเรื่องของ Proof of work ครับ
Proof of work หลักฐานการทำงาน เป็นการหยิบเอาหลักการทำงานของบิตคอยน์ในในการปิดบล็อคของ Miner โดยให้ทุกคนที่เข้าแข่งขัน สุ่มตัวเลข hash ให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด คนที่ทำได้เป็นคนแรก ก็จะได้เขียนบล็อคใหม่และจะได้รับบิตคอยน์จากระบบเป็นการตอบแทน แล้วหลักการทางคอมพิวเตอร์นี้ กลายมาเป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตได้อย่างไร?
Proof of work ก็ตามชื่อ หลักฐานการทำงาน ในการขุดบล็อคแต่ละบล็อคนั้นจะมีผู้ชนะย่างน้อย 1 ครั้งในทุก 10 นาที ผลที่เราเห็นคือเค้าชนะ และเมื่อเทียบกับความยากในการสุ่มตัวเลข เราก็พอจะจินตนาการได้ว่า นักขุดรายนี้ต้องใช้พลังงานและทุนมากแค่ไหนในการขุดเพื่อขึ้นมาเป็นผู้ชนะ
หลักการนี้เมื่อใช้กับการดำเนินชีวิต มันก็หมายถึงผลงานที่เราสร้าง ชีวิตที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ มันเกิดจากการลงทุนเวลาและทรัพยากรของเราในการก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา นักเรียนจบใหม่ย่อมต้องใช้เวลา 20 กว่าปีในการเรียนจบ ป.ตรี, นักบอลระดับโลกคนนั้นนี้ ต้องมีวินัยและทักษะที่ฝึกฝนมาขนาดไกนถึงเอาชนะคู่แข่งได้, กว่าเศรษฐีคนนั้นจะรวยขึ้นมา ต้องสร้างเนื้อสร้างตัวมาเท่าไหร่ นั่นคือ Proof of work ที่เราสามารถรับรู้ได้ อย่างที่คำที่ว่า "มองตาก็รู้ใจ"
อ่าวถ้างั้น ทำไม้รายังเห็นคนจบใหม่ไม่มีงานทำล่ะ? ถ้างั้นคนแก่ก็ต้องรวยกันทั้งประเทศแล้วสิ เพราะเค้าทำงานมาก่อนเรา? แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรายังมีอีก 2 ปัจจัยด้วยกันที่ทำให้หลักการนี้เป็นความจริงแท้นั่นก็คือ "Subjective Value" และ "Free Market"
หลักฐานการทำงานหนัก มันจะมีคุณค่าเมื่อคุณทำในสิ่งที่คนให้คุณค่า เมื่อพวกเค้าเห็นค่า ( "เราเรียนจากพี่ชิตมาแล้วว่า objective มันเป็นแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งคือสิ่งที่ผู้คนจะให้ค่ามัน - พี่แชมป์" )
และสิ่งใดจะมีคุณค่านั้น ตลาดจะเป็นผู้ตัดสินเอง
.
นี่หลักการ Proof of work เป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นหลักการที่จริงแท้และควรยึดถือ
ต่อมาเมื่อ Proof of work คือสิ่งที่สะสมได้แล้ว มันก็สามารถส่งต่อได้เช่นกัน...
.
พี่ป้ำเรียกสิ่งนี้ว่า "สายป่าน Proof of work"
มันคือเหตุผลที่ทำไมตระกูลใหญ่ถึงสามารถร่ำรวยขึ้นมาได้ เพราะ Pow ของเค้าสามารถส่งต่อได้ พ่อแม่ส่งต่อกิจการให้ลูก หรือถ้ามีลูกหลายคน สิ่งที่ส่งต่ออาจจะ
เป็น องค์ความรู้, connection, หรือเงินทุนบางส่วนก็นับเป็น Pow เหมือนกัน
สายป่าน PoW ที่ถูกต่อสายให้ยาวขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะคนรุ่นใหม่ก็เหมือนเรามีจุดเริ่มต้นที่ดีกว่าคนอื่นๆ หมายถึงเราจะสามารถแข่งขันและขยาย PoW ได้ดีกว่าคนที่ไม่มีต้นทุน Pow
.
อย่างไรก็ตาม การมี Pow หรือต้นทุนชีวิตที่ดีกว่า ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องทำงานหนัก
เพราะเมื่อไรก็ตามที่คุณหยุดแข่งขัน ตลาดเสรีจะนำพาคนที่ทำงานหนักกว่าคุณ มี Pow มากกว่าคุณมาแข่งและเขียคุณออกจากตลาด ฉะนั้นคุณต้องสร้าง Pow เรื่อยๆ ถ้าต้องการจะแข่งขันในตลาด และการสร้างนั้นคือการสร้างคุณค่าให้กับผู้คนนั่นเอง
เราจะเห็นว่าด้วยระบบนี้ มันคือการนำพาให้ทุกคนแข่งกันทำเรื่องดีๆ ที่อำนวยความสะดวก ที่สร้างคุณค่า แข่งกันเป็นปู้ให้ และในสังคมที่มีแต่ผู้ให้ โลเราจะน่าอยู่ขึ้นแน่นอน
และในการที่เราจะสามารถสร้าง Pow และแข่งขันภายใต้สังคมแห่งการเป็นผู้ให้ เราต้องมีความ Secure ก่อน
.
Then, how to?
ในการสร้าง Pow สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายขั้นด้วยกัน และในหลายครั้งเราอาจต้องสร้าง Pow กับเรื่อง 2 เรื่องหรือมากกว่านั้นไปพร้อมๆ กันเพื่อที่จะออกมาเป็นสินค้าและบริการอีกสิ่งหนึ่งซึ่งจะสร้างคุณค่าให้กับตลาด
โดยหลักการก็ง่ายๆ "ทำทันที ทำอย่างบ้าคลั่ง" ก้มหน้าฝัน จดจ่ออยู่กับเป้าหมายและลงมือทำ
.
แล้วมีปัจจัยที่ควรคิด หรือเป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มสร้าง Pow มั้ย?
พี่ป้ำให้ข้อคิดเรื่องนึง นั่นก็คือเรื่อง "entropy" หรือ "ความไม่แน่นอน"
ในการสร้าง Pow มันคือการเดินทาง จำต้องมีอีกหลากหลาย Pow ที่เข้ามารวมกัน สิ่งที่เราทำได้คือ การโฟกัสไปทีละขั้นและลดปัจจัยความไม่แน่นอนนี้ให้ต่ำที่สุด ให้เรามีความมั่นคงพอที่จะย้ายทรัพยากรของเรา ไปลงทุนกับ Pow ถัดไปได้
เช่นกับเงินที่เราใช้ในปัจจุบัน เมื่อ Base layer มีความแน่นอนสูง เราไม่สามารถขยับขยายไปต่อได้ เหมือนกับเราไม่สามารถสร้างบ้านบนโคลน แต่เงินที่ entropy ต่อแบบบิตคอยน์ เก็บเปรียบเหมือนหินดินดาน ที่เราสามารถสร้างบ้าน หรือแม้แต่ปราสาทบนรากฐานที่แข็งแกร่งนั้น ก็ย่อมได้
.
สร้าง, สะสม และ ส่งต่อ Proof of work บนพื้นฐานที่มั่นคงแข็งแรง
ขอสรุปไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอให้ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ + อรุณสวัสดิ์สำหรับท่านที่มาอ่านโน้ตนี้ในตอนเช้าดเวยนะครับ GN&GM #siamstr
แต่เรื่องที่ผมอยากจะนำมาเล่าในโน้ตนี้ คือเรื่องของ Proof of work ครับ
Proof of work หลักฐานการทำงาน เป็นการหยิบเอาหลักการทำงานของบิตคอยน์ในในการปิดบล็อคของ Miner โดยให้ทุกคนที่เข้าแข่งขัน สุ่มตัวเลข hash ให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด คนที่ทำได้เป็นคนแรก ก็จะได้เขียนบล็อคใหม่และจะได้รับบิตคอยน์จากระบบเป็นการตอบแทน แล้วหลักการทางคอมพิวเตอร์นี้ กลายมาเป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตได้อย่างไร?
Proof of work ก็ตามชื่อ หลักฐานการทำงาน ในการขุดบล็อคแต่ละบล็อคนั้นจะมีผู้ชนะย่างน้อย 1 ครั้งในทุก 10 นาที ผลที่เราเห็นคือเค้าชนะ และเมื่อเทียบกับความยากในการสุ่มตัวเลข เราก็พอจะจินตนาการได้ว่า นักขุดรายนี้ต้องใช้พลังงานและทุนมากแค่ไหนในการขุดเพื่อขึ้นมาเป็นผู้ชนะ
หลักการนี้เมื่อใช้กับการดำเนินชีวิต มันก็หมายถึงผลงานที่เราสร้าง ชีวิตที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ มันเกิดจากการลงทุนเวลาและทรัพยากรของเราในการก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา นักเรียนจบใหม่ย่อมต้องใช้เวลา 20 กว่าปีในการเรียนจบ ป.ตรี, นักบอลระดับโลกคนนั้นนี้ ต้องมีวินัยและทักษะที่ฝึกฝนมาขนาดไกนถึงเอาชนะคู่แข่งได้, กว่าเศรษฐีคนนั้นจะรวยขึ้นมา ต้องสร้างเนื้อสร้างตัวมาเท่าไหร่ นั่นคือ Proof of work ที่เราสามารถรับรู้ได้ อย่างที่คำที่ว่า "มองตาก็รู้ใจ"
อ่าวถ้างั้น ทำไม้รายังเห็นคนจบใหม่ไม่มีงานทำล่ะ? ถ้างั้นคนแก่ก็ต้องรวยกันทั้งประเทศแล้วสิ เพราะเค้าทำงานมาก่อนเรา? แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรายังมีอีก 2 ปัจจัยด้วยกันที่ทำให้หลักการนี้เป็นความจริงแท้นั่นก็คือ "Subjective Value" และ "Free Market"
หลักฐานการทำงานหนัก มันจะมีคุณค่าเมื่อคุณทำในสิ่งที่คนให้คุณค่า เมื่อพวกเค้าเห็นค่า ( "เราเรียนจากพี่ชิตมาแล้วว่า objective มันเป็นแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งคือสิ่งที่ผู้คนจะให้ค่ามัน - พี่แชมป์" )
และสิ่งใดจะมีคุณค่านั้น ตลาดจะเป็นผู้ตัดสินเอง
.
นี่หลักการ Proof of work เป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นหลักการที่จริงแท้และควรยึดถือ
ต่อมาเมื่อ Proof of work คือสิ่งที่สะสมได้แล้ว มันก็สามารถส่งต่อได้เช่นกัน...
.
พี่ป้ำเรียกสิ่งนี้ว่า "สายป่าน Proof of work"
มันคือเหตุผลที่ทำไมตระกูลใหญ่ถึงสามารถร่ำรวยขึ้นมาได้ เพราะ Pow ของเค้าสามารถส่งต่อได้ พ่อแม่ส่งต่อกิจการให้ลูก หรือถ้ามีลูกหลายคน สิ่งที่ส่งต่ออาจจะ
เป็น องค์ความรู้, connection, หรือเงินทุนบางส่วนก็นับเป็น Pow เหมือนกัน
สายป่าน PoW ที่ถูกต่อสายให้ยาวขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะคนรุ่นใหม่ก็เหมือนเรามีจุดเริ่มต้นที่ดีกว่าคนอื่นๆ หมายถึงเราจะสามารถแข่งขันและขยาย PoW ได้ดีกว่าคนที่ไม่มีต้นทุน Pow
.
อย่างไรก็ตาม การมี Pow หรือต้นทุนชีวิตที่ดีกว่า ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องทำงานหนัก
เพราะเมื่อไรก็ตามที่คุณหยุดแข่งขัน ตลาดเสรีจะนำพาคนที่ทำงานหนักกว่าคุณ มี Pow มากกว่าคุณมาแข่งและเขียคุณออกจากตลาด ฉะนั้นคุณต้องสร้าง Pow เรื่อยๆ ถ้าต้องการจะแข่งขันในตลาด และการสร้างนั้นคือการสร้างคุณค่าให้กับผู้คนนั่นเอง
เราจะเห็นว่าด้วยระบบนี้ มันคือการนำพาให้ทุกคนแข่งกันทำเรื่องดีๆ ที่อำนวยความสะดวก ที่สร้างคุณค่า แข่งกันเป็นปู้ให้ และในสังคมที่มีแต่ผู้ให้ โลเราจะน่าอยู่ขึ้นแน่นอน
และในการที่เราจะสามารถสร้าง Pow และแข่งขันภายใต้สังคมแห่งการเป็นผู้ให้ เราต้องมีความ Secure ก่อน
.
Then, how to?
ในการสร้าง Pow สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายขั้นด้วยกัน และในหลายครั้งเราอาจต้องสร้าง Pow กับเรื่อง 2 เรื่องหรือมากกว่านั้นไปพร้อมๆ กันเพื่อที่จะออกมาเป็นสินค้าและบริการอีกสิ่งหนึ่งซึ่งจะสร้างคุณค่าให้กับตลาด
โดยหลักการก็ง่ายๆ "ทำทันที ทำอย่างบ้าคลั่ง" ก้มหน้าฝัน จดจ่ออยู่กับเป้าหมายและลงมือทำ
.
แล้วมีปัจจัยที่ควรคิด หรือเป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มสร้าง Pow มั้ย?
พี่ป้ำให้ข้อคิดเรื่องนึง นั่นก็คือเรื่อง "entropy" หรือ "ความไม่แน่นอน"
ในการสร้าง Pow มันคือการเดินทาง จำต้องมีอีกหลากหลาย Pow ที่เข้ามารวมกัน สิ่งที่เราทำได้คือ การโฟกัสไปทีละขั้นและลดปัจจัยความไม่แน่นอนนี้ให้ต่ำที่สุด ให้เรามีความมั่นคงพอที่จะย้ายทรัพยากรของเรา ไปลงทุนกับ Pow ถัดไปได้
เช่นกับเงินที่เราใช้ในปัจจุบัน เมื่อ Base layer มีความแน่นอนสูง เราไม่สามารถขยับขยายไปต่อได้ เหมือนกับเราไม่สามารถสร้างบ้านบนโคลน แต่เงินที่ entropy ต่อแบบบิตคอยน์ เก็บเปรียบเหมือนหินดินดาน ที่เราสามารถสร้างบ้าน หรือแม้แต่ปราสาทบนรากฐานที่แข็งแกร่งนั้น ก็ย่อมได้
.
สร้าง, สะสม และ ส่งต่อ Proof of work บนพื้นฐานที่มั่นคงแข็งแรง
ขอสรุปไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอให้ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ + อรุณสวัสดิ์สำหรับท่านที่มาอ่านโน้ตนี้ในตอนเช้าดเวยนะครับ GN&GM #siamstr