_59 on Nostr: แยกคอนเท้นอวด กับ ...
แยกคอนเท้นอวด กับ คอนเท้นพัฒนาตัวเองได้ ชีวิตดีขึ้น 200 %
ในตอนนี้คอนเท้นแนวพัฒนาตัวเองกำลังเป็นที่นิยม ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้คนเริ่มทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สุขภาพ การงาน การเงิน ความสัมพันธ์ งานอดิเรก ภาษา
ผมเป็นคนที่ดูคอนเท้นพวกนี้เยอะมาก เหมือนกับการเสพเลยในบางช่วง มันได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผมได้ลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ เช่น ออกกำลังกาย ออมเงิน ลงทุน หารายได้เสริม หรือในบางครั้งก็สร้างกำลังใจให้เรามากขึ้น
สำหรับผม คอนเท้นพวกนี้ ทำให้ผมลงมือทำสิ่งนั้นๆจริงๆ และพยายามพัฒนาตัวเองในแบบของเราไปเรื่อยๆ
แต่ในบางครั้ง คอนเท้นพวกนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกด้อยค่าลงไปอีกเหมือนกัน ผมก็มาถามตัวเองว่าทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้ การรับรู้ความสำเร็จของคนอื่นมากเกินไปก็ทำให้เรากดดันเหมือนกัน ผมก็เลยพยายามตัดคอนเท้นไร้ประโยชน์ออกไป ซึ่งทำได้ง่ายมากแถมได้ผลดี
วิธีก็คือ แค่กดซ่อนคอนเท้นที่ไม่ใช่ครับ ก่อนอื่นถ้าเจอคอนเท้นที่น่าสนใจ เช่น อายุ 27 ปี มีพอร์ตลงทุน 5 ล้านบาท
ผมจะเข้าไปดูก่อนว่า ครีเอเตอร์คนนี้ทำคอนเท้นประมาณไหน ถ้าส่วนใหญ่เป็นคอนเท้นอวด โชว์ไลฟ์สไตล์ที่เราไม่อิน หน้าที่เราก็คือ แค่กดไม่ความสนใจไป บางคนโพสคอนเท้นอวดสิ่งต่างๆเพราะเขามี Hidden Agenda ครับ ต้องพยายามดูให้ออกว่าสิ่งที่เขาสื่อ เขาทำเพื่ออะไร
แต่ถ้ากดเข้าไปแล้วรู้สึกว่า คอนเท้นคนนี้ สร้างแรงบันดาลใจกับเรา ทำให้เราไม่รู้สึกด้อยค่า เราสามารถเอาคอนเท้นนี้ไปพัฒนาต่อยอดในชีวิตเราได้ ผมก็จะกดติดตามครับ บางคนเขาก็อวดนะแต่เป็นการอวดที่ผู้ติดตามได้ประโยชน์ ผมก็โอเคครับ
เอาตัวอย่างเดิมจากด้านบน อายุ 27 ปี มีพอร์ต 5 ล้านบาท ถ้าเป็นคอนเท้นโชว์พอร์ตเฉยๆผมซ่อน แต่ถ้าเขามาแชร์วิธีการจัดพอร์ต การเลือกสินทรัพย์ การบริหารความเสี่ยง Money management ซึ่งเขาอาจจะบอกในคลิปอื่น ไปดูหลายๆคลิปในช่องก่อน ถ้าเคสแบบนี้ผมติดตามครับ
พอเราทำไปเรื่อยๆ อัลกอริทึมจะเริ่มรู้ว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไรมากขึ้น จนในที่สุด เราก็จะมีคอนเท้นที่เราถูกจริตเยอะกว่าไม่ถูกจริตครับ
คอนเท้นที่ไร้ประโยชน์สำหรับผม อาจจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่นก็ได้ ดั้งนั้น สิ่งที่มาแชร์วันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลเท่านั้นครับ ผมก็โดนมาเยอะเหมือนกันกว่าจะเรียนรู้ว่า เราจะต้องมีภูมิคุ้มกันในสิ่งพวกนี้บ้าง เพราะโลกยุคนี้ เราสามารถส่งผ่านความคิดของเราออกมาให้โลกรู้เพียงแค่ โพสลงอินเทอร์เน็ต
หลังจากผมใช้วิธีที่บอกไป ผมรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นมากครับ ได้ดูคอนเท้นที่เราชอบและไม่บั่นทอนจิตใจ ซึ่งถามว่ามันกรองได้หมดมั้ย คือไม่หมดนะครับ แต่ก็ดีกว่าเราไม่มีฟิลเตอร์ในการรับสื่อเลย #แชร์ประสบการณ์

ในตอนนี้คอนเท้นแนวพัฒนาตัวเองกำลังเป็นที่นิยม ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้คนเริ่มทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สุขภาพ การงาน การเงิน ความสัมพันธ์ งานอดิเรก ภาษา
ผมเป็นคนที่ดูคอนเท้นพวกนี้เยอะมาก เหมือนกับการเสพเลยในบางช่วง มันได้สร้างแรงบันดาลใจให้ผมได้ลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆ เช่น ออกกำลังกาย ออมเงิน ลงทุน หารายได้เสริม หรือในบางครั้งก็สร้างกำลังใจให้เรามากขึ้น
สำหรับผม คอนเท้นพวกนี้ ทำให้ผมลงมือทำสิ่งนั้นๆจริงๆ และพยายามพัฒนาตัวเองในแบบของเราไปเรื่อยๆ
แต่ในบางครั้ง คอนเท้นพวกนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกด้อยค่าลงไปอีกเหมือนกัน ผมก็มาถามตัวเองว่าทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้ การรับรู้ความสำเร็จของคนอื่นมากเกินไปก็ทำให้เรากดดันเหมือนกัน ผมก็เลยพยายามตัดคอนเท้นไร้ประโยชน์ออกไป ซึ่งทำได้ง่ายมากแถมได้ผลดี
วิธีก็คือ แค่กดซ่อนคอนเท้นที่ไม่ใช่ครับ ก่อนอื่นถ้าเจอคอนเท้นที่น่าสนใจ เช่น อายุ 27 ปี มีพอร์ตลงทุน 5 ล้านบาท
ผมจะเข้าไปดูก่อนว่า ครีเอเตอร์คนนี้ทำคอนเท้นประมาณไหน ถ้าส่วนใหญ่เป็นคอนเท้นอวด โชว์ไลฟ์สไตล์ที่เราไม่อิน หน้าที่เราก็คือ แค่กดไม่ความสนใจไป บางคนโพสคอนเท้นอวดสิ่งต่างๆเพราะเขามี Hidden Agenda ครับ ต้องพยายามดูให้ออกว่าสิ่งที่เขาสื่อ เขาทำเพื่ออะไร
แต่ถ้ากดเข้าไปแล้วรู้สึกว่า คอนเท้นคนนี้ สร้างแรงบันดาลใจกับเรา ทำให้เราไม่รู้สึกด้อยค่า เราสามารถเอาคอนเท้นนี้ไปพัฒนาต่อยอดในชีวิตเราได้ ผมก็จะกดติดตามครับ บางคนเขาก็อวดนะแต่เป็นการอวดที่ผู้ติดตามได้ประโยชน์ ผมก็โอเคครับ
เอาตัวอย่างเดิมจากด้านบน อายุ 27 ปี มีพอร์ต 5 ล้านบาท ถ้าเป็นคอนเท้นโชว์พอร์ตเฉยๆผมซ่อน แต่ถ้าเขามาแชร์วิธีการจัดพอร์ต การเลือกสินทรัพย์ การบริหารความเสี่ยง Money management ซึ่งเขาอาจจะบอกในคลิปอื่น ไปดูหลายๆคลิปในช่องก่อน ถ้าเคสแบบนี้ผมติดตามครับ
พอเราทำไปเรื่อยๆ อัลกอริทึมจะเริ่มรู้ว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไรมากขึ้น จนในที่สุด เราก็จะมีคอนเท้นที่เราถูกจริตเยอะกว่าไม่ถูกจริตครับ
คอนเท้นที่ไร้ประโยชน์สำหรับผม อาจจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่นก็ได้ ดั้งนั้น สิ่งที่มาแชร์วันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนบุคคลเท่านั้นครับ ผมก็โดนมาเยอะเหมือนกันกว่าจะเรียนรู้ว่า เราจะต้องมีภูมิคุ้มกันในสิ่งพวกนี้บ้าง เพราะโลกยุคนี้ เราสามารถส่งผ่านความคิดของเราออกมาให้โลกรู้เพียงแค่ โพสลงอินเทอร์เน็ต
หลังจากผมใช้วิธีที่บอกไป ผมรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นมากครับ ได้ดูคอนเท้นที่เราชอบและไม่บั่นทอนจิตใจ ซึ่งถามว่ามันกรองได้หมดมั้ย คือไม่หมดนะครับ แต่ก็ดีกว่าเราไม่มีฟิลเตอร์ในการรับสื่อเลย #แชร์ประสบการณ์