Jakk Goodday on Nostr: > “เราไม่ต้องโชว์ ...
> “เราไม่ต้องโชว์ เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นใคร เก่งแค่ไหน หรือเคยทำอะไรมาบ้าง เพราะคนที่จะพูดถึงเราได้ดีที่สุด ไม่ใช่ตัวเราเอง แต่คือผู้อื่นที่ได้สัมผัสผลงานและตัวตนของเรา”
ผมเชื่อว่าคุณค่าของเราถูกบรรจุอยู่ในสายตาและความคิดของคนรอบข้าง ที่เคยเห็นการกระทำและผลงานของเรา ไม่ว่าเราจะพยายามโปรโมตตนเองแค่ไหน สุดท้ายแล้ว..
“เสียงจากผู้อื่น” คือสิ่งที่จริงแท้และส่งผ่านกันได้กว้างไกลกว่าที่เราจะพูดเอง
ในปีนี้.. ผมรู้สึกว่าได้รับความเคารพและการยอมรับมากขึ้น บางคนอาจจะไม่ได้ชื่นชมหรือเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำ แต่ส่วนใหญ่กลับเปิดใจรับฟัง และตั้งใจมองเมื่อผมเริ่มลงมือทำอะไรบางอย่าง
ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมใช้เวลาเพื่อค้นหาตัวเอง และผมซาบซึ้งเมื่อมีคน “ตามหา” ผม เพื่อมาขอแรงบันดาลใจ พวกเขารู้ว่าผมเป็นใคร รู้ว่าผมเคยทำอะไรมา และพร้อมเปิดใจรับฟังคำแนะนำของผม
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนั้นนับว่าเป็นความสุขที่ประเมินค่าไม่ได้จริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น.. หลายคนที่ผมเคยชื่นชมมาก่อน วันนี้กลับมาชื่นชมผมบ้าง พวกเขาพูดถึงและให้เกียรติกับสิ่งที่ผมทำ เหตุการณ์เหล่านี้สอนผมว่า “คุณค่าของเรา” จะค่อย ๆ ประจักษ์ขึ้น เมื่อการกระทำของเรามีผลเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับเจตนาที่ดี
“คุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงานและการกระทำที่สื่อดังกว่าคำพูด”
ผมซึมซับวรรคทองนี้อย่างลึกซึ้ง และหวังว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนของทุกคนที่มุ่งมั่นทำเพื่อผู้อื่น ผมขอส่งกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังเริ่มต้น อย่าละทิ้งความตั้งใจดี เพราะวันหนึ่ง คุณจะได้สัมผัสความรู้สึกอันงดงามนี้เช่นเดียวกัน
“คุณค่า.. เพื่อคุณค่า” (Value for Value)
ขอต่ออีกพาร์ท (อ่านหรือไม่อ่านก็ได้)
ผมเชื่อเสมอว่า “ผลลัพธ์” ไม่ได้งอกเงยขึ้นมาทันทีในวันที่เราลงแรงหรือเพิ่งลงเมล็ดพันธุ์
แต่กว่าดอกผลจะเผยโฉมให้เราเห็น อาจต้องอาศัย “เวลา” และ “ความใส่ใจ” เป็นปัจจัยหลัก
นี่ล่ะคือแก่นของสิ่งที่้ราเรียกว่า Low Time Preference
การพร้อมจะรอคอยสิ่งดี ๆ ในระยะยาว แทนที่จะโหยหาความสำเร็จฉับพลันอย่างเร่งรีบ
ผมจึงไม่รู้สึกจำเป็นเลยที่จะต้อง “แสดง” ตัวเองให้โลกรับรู้ทุกช่วงนาที
เพราะถ้าเราลงมือทำอย่างตั้งใจ ปลูกเมล็ดพันธุ์ความคิดและการกระทำที่ดีด้วยมือของเราเอง สักวันหนึ่ง “สวน” ที่เราฟูมฟักจะผลิบาน
มันอาจไม่ใช่พรุ่งนี้ ไม่ใช่เดือนหน้า แต่อาจเป็นเมื่อ “ฟ้าฝนเป็นใจ” จังหวะและกาลเวลาที่เหมาะสมจะทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์งดงามได้เอง
เชื่อในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่เชื่อ คือหัวใจในการลงเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น
บางครั้งเราอาจเฝ้าดูดินแห้งแล้ง ไร้แสงหรือเมฆหนาทึบปิดบัง แต่หากยังใส่ใจดูแล รดน้ำ พรวนดิน คอยตัดกิ่งที่ไม่จำเป็น ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย เมล็ดพันธุ์ก็จะเบ่งบานเป็นต้นกล้า และนำมาซึ่งดอกผลที่มีคุณค่า
แน่นอนว่าช่วงเวลาที่เราค่อย ๆ รออาจเงียบเหงา ไม่ได้มีใครกล่าวถึงเราหรือรู้ว่าเรากำลังทำอะไร
แต่ขอให้มั่นใจว่า “เสียงจากผู้อื่น” ที่สะท้อนตัวตนของเราอย่างแท้จริง จะดังขึ้นมาเองเมื่อผลงานเริ่มปรากฏ เมื่อผู้คนมองเห็นและสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เราปลูกฝังมาอย่างยาวนาน
ตรงจุดนี้เองที่ผมตระหนักว่า “เราไม่ต้องไล่ล่าการถูกยอมรับเพื่อพิสูจน์คุณค่า”
เพราะหากเมล็ดพันธุ์ในสวนของเราแข็งแรง ตั้งใจดูแลในทุก ๆ วัน สวนของเราย่อมเป็นหลักฐานดีที่สุดว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง และทุกคนที่ผ่านมาพบเห็นก็จะเป็นผู้ส่งเสียงขยายคุณค่าให้เราเอง
เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วง 2-3 ปี ที่ผมเฝ้าลงเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อและความมุ่งมั่น
บางช่วงเวลาก็ยากลำบาก ต้องการความกล้าหาญ บางครั้งฟ้าฝนอาจไม่เป็นใจ แต่ในที่สุดผมก็ได้เห็นดอกผลบานสะพรั่ง เป็นกำลังใจ เป็นคำขอบคุณ และเป็นแรงสนับสนุนจากผู้คนมากมายที่เข้ามาบอกว่า
“คุณค่าที่คุณสร้าง มันสัมผัสได้จริง ๆ”
นี่แหละคือความสุขที่แท้จริงสำหรับผม การได้เห็นว่าผู้คนซาบซึ้งในสิ่งที่เรามอบให้โดยที่เราไม่ต้องพูดอะไรมากมาย
หากเราทำด้วยใจและเฝ้ารออย่างอดทน วันหนึ่งผลของงานจะเปล่งประกายด้วยตัวมันเอง ไม่ต่างจากดอกไม้ที่รอฝนแรกของฤดูกาล
และนั่นจะกลายเป็นหลักฐานถึง “คุณค่า” ของเราอย่างไม่ต้องสงสัย
> “จงเชื่อในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่เชื่อ ค่อย ๆ เฝ้ารอสวนของตัวเองผลิบาน และสุดท้ายธรรมชาติจะรับหน้าที่พิสูจน์ความงดงามนั้นให้เราเอง”
#North102 #Siamstr #BlockMountain2025
ผมเชื่อว่าคุณค่าของเราถูกบรรจุอยู่ในสายตาและความคิดของคนรอบข้าง ที่เคยเห็นการกระทำและผลงานของเรา ไม่ว่าเราจะพยายามโปรโมตตนเองแค่ไหน สุดท้ายแล้ว..
“เสียงจากผู้อื่น” คือสิ่งที่จริงแท้และส่งผ่านกันได้กว้างไกลกว่าที่เราจะพูดเอง
ในปีนี้.. ผมรู้สึกว่าได้รับความเคารพและการยอมรับมากขึ้น บางคนอาจจะไม่ได้ชื่นชมหรือเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำ แต่ส่วนใหญ่กลับเปิดใจรับฟัง และตั้งใจมองเมื่อผมเริ่มลงมือทำอะไรบางอย่าง
ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ผมใช้เวลาเพื่อค้นหาตัวเอง และผมซาบซึ้งเมื่อมีคน “ตามหา” ผม เพื่อมาขอแรงบันดาลใจ พวกเขารู้ว่าผมเป็นใคร รู้ว่าผมเคยทำอะไรมา และพร้อมเปิดใจรับฟังคำแนะนำของผม
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนั้นนับว่าเป็นความสุขที่ประเมินค่าไม่ได้จริง ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น.. หลายคนที่ผมเคยชื่นชมมาก่อน วันนี้กลับมาชื่นชมผมบ้าง พวกเขาพูดถึงและให้เกียรติกับสิ่งที่ผมทำ เหตุการณ์เหล่านี้สอนผมว่า “คุณค่าของเรา” จะค่อย ๆ ประจักษ์ขึ้น เมื่อการกระทำของเรามีผลเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับเจตนาที่ดี
“คุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงานและการกระทำที่สื่อดังกว่าคำพูด”
ผมซึมซับวรรคทองนี้อย่างลึกซึ้ง และหวังว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวตนของทุกคนที่มุ่งมั่นทำเพื่อผู้อื่น ผมขอส่งกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังเริ่มต้น อย่าละทิ้งความตั้งใจดี เพราะวันหนึ่ง คุณจะได้สัมผัสความรู้สึกอันงดงามนี้เช่นเดียวกัน
“คุณค่า.. เพื่อคุณค่า” (Value for Value)
ขอต่ออีกพาร์ท (อ่านหรือไม่อ่านก็ได้)
ผมเชื่อเสมอว่า “ผลลัพธ์” ไม่ได้งอกเงยขึ้นมาทันทีในวันที่เราลงแรงหรือเพิ่งลงเมล็ดพันธุ์
แต่กว่าดอกผลจะเผยโฉมให้เราเห็น อาจต้องอาศัย “เวลา” และ “ความใส่ใจ” เป็นปัจจัยหลัก
นี่ล่ะคือแก่นของสิ่งที่้ราเรียกว่า Low Time Preference
การพร้อมจะรอคอยสิ่งดี ๆ ในระยะยาว แทนที่จะโหยหาความสำเร็จฉับพลันอย่างเร่งรีบ
ผมจึงไม่รู้สึกจำเป็นเลยที่จะต้อง “แสดง” ตัวเองให้โลกรับรู้ทุกช่วงนาที
เพราะถ้าเราลงมือทำอย่างตั้งใจ ปลูกเมล็ดพันธุ์ความคิดและการกระทำที่ดีด้วยมือของเราเอง สักวันหนึ่ง “สวน” ที่เราฟูมฟักจะผลิบาน
มันอาจไม่ใช่พรุ่งนี้ ไม่ใช่เดือนหน้า แต่อาจเป็นเมื่อ “ฟ้าฝนเป็นใจ” จังหวะและกาลเวลาที่เหมาะสมจะทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์งดงามได้เอง
เชื่อในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่เชื่อ คือหัวใจในการลงเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น
บางครั้งเราอาจเฝ้าดูดินแห้งแล้ง ไร้แสงหรือเมฆหนาทึบปิดบัง แต่หากยังใส่ใจดูแล รดน้ำ พรวนดิน คอยตัดกิ่งที่ไม่จำเป็น ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย เมล็ดพันธุ์ก็จะเบ่งบานเป็นต้นกล้า และนำมาซึ่งดอกผลที่มีคุณค่า
แน่นอนว่าช่วงเวลาที่เราค่อย ๆ รออาจเงียบเหงา ไม่ได้มีใครกล่าวถึงเราหรือรู้ว่าเรากำลังทำอะไร
แต่ขอให้มั่นใจว่า “เสียงจากผู้อื่น” ที่สะท้อนตัวตนของเราอย่างแท้จริง จะดังขึ้นมาเองเมื่อผลงานเริ่มปรากฏ เมื่อผู้คนมองเห็นและสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เราปลูกฝังมาอย่างยาวนาน
ตรงจุดนี้เองที่ผมตระหนักว่า “เราไม่ต้องไล่ล่าการถูกยอมรับเพื่อพิสูจน์คุณค่า”
เพราะหากเมล็ดพันธุ์ในสวนของเราแข็งแรง ตั้งใจดูแลในทุก ๆ วัน สวนของเราย่อมเป็นหลักฐานดีที่สุดว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง และทุกคนที่ผ่านมาพบเห็นก็จะเป็นผู้ส่งเสียงขยายคุณค่าให้เราเอง
เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วง 2-3 ปี ที่ผมเฝ้าลงเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อและความมุ่งมั่น
บางช่วงเวลาก็ยากลำบาก ต้องการความกล้าหาญ บางครั้งฟ้าฝนอาจไม่เป็นใจ แต่ในที่สุดผมก็ได้เห็นดอกผลบานสะพรั่ง เป็นกำลังใจ เป็นคำขอบคุณ และเป็นแรงสนับสนุนจากผู้คนมากมายที่เข้ามาบอกว่า
“คุณค่าที่คุณสร้าง มันสัมผัสได้จริง ๆ”
นี่แหละคือความสุขที่แท้จริงสำหรับผม การได้เห็นว่าผู้คนซาบซึ้งในสิ่งที่เรามอบให้โดยที่เราไม่ต้องพูดอะไรมากมาย
หากเราทำด้วยใจและเฝ้ารออย่างอดทน วันหนึ่งผลของงานจะเปล่งประกายด้วยตัวมันเอง ไม่ต่างจากดอกไม้ที่รอฝนแรกของฤดูกาล
และนั่นจะกลายเป็นหลักฐานถึง “คุณค่า” ของเราอย่างไม่ต้องสงสัย
> “จงเชื่อในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่เชื่อ ค่อย ๆ เฝ้ารอสวนของตัวเองผลิบาน และสุดท้ายธรรมชาติจะรับหน้าที่พิสูจน์ความงดงามนั้นให้เราเอง”
#North102 #Siamstr #BlockMountain2025