Jakk Goodday on Nostr: #เขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว ...
#เขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว บิตคอยน์ตายแล้ว (เขียนเมื่อ 20 June 2022)
"พ่อครับ... บิตคอยน์ตายแล้วหรอครับพ่อ?"
"แบบไหนถึงเรียกว่าตายล่ะลูก?"
"ก็... ราคาร่วงลงมามากกว่า 70% แล้วอะพ่อ"
"แต่พ่อเห็น Hash rate สูงขึ้นเรื่อยๆ นะ แถมใน Lightning Network ก็มี Capacity กว่า 4,000 BTC ไปแล้ว มันกำลังเติบโตเลยล่ะ.."
(เป็นข้อมูล ณ ขณะที่เขียน ในตอนนั้นกำบังขุดรวทยังไม่ถึง 200 ตอนนี้ 800 EH/s ไปแล้ว และมีโหนด Lightning ราว 17,500+ โหนด และมี Capacity กว่า 5300+ BTC และมีบิตคอยน์ซีตี้เริ่มในไทยแล้ว ที่ อ.ห้วยผึ้ง)
"เดี๋ยวนะพ่อ... เรากำลังคุยกันคนละเรื่องหรือเปล่าฮะ.. แล้ว Hash rate หรือ Lightning อะไรนั่น หนูไม่เห็นเคยรู้จักมาก่อนเลยฮะ"
"ใช่... เราน่าจะคุยกันคนละเรื่องนั่นแหละลูก... ลูกพูดถึง "การตาย" จากการที่ราคาร่วงลงแรง.. ส่วนพ่อกลับมองว่ามันเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการกระจายตัวของโหนด กำลังขุด และการเติบโตของเน็ตเวิร์ค
ในมุมของพ่อ มันไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าตายเลยสักนิด เอาจริงๆ มันโตขึ้นมากด้วยซ้ำไป"
"หนูว่า... ถ้าหนูจะสนใจเรื่องราคามันก็ไม่ผิดนะ... เราลงทุน เราก็ไม่ควรขาดทุนนี่นา ไม่ใช่หรอฮะ?"
"ไม่ผิด.. ลูกลงทุนในบิตคอยน์ เพื่อหวังให้ได้เงินบาทเพิ่ม พอมันไม่เพิ่ม แต่กลับลดลงมาก ลูกย่อมผิดหวัง และมองเป็นการลงทุนที่ผิดพลาด...
ส่วนพ่อ.. พ่อลงทุนในเน็ตเวิร์คที่พ่อเชื่อมั่น ว่ามันจะแข็งแกร่ง เติบโตไปเรื่อยๆ และคงอยู่ได้ในระยะยาว มันจะไม่ตาย คุณค่าของมันจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป... ถ้าเป็นมองมุมนี้ พ่อยังไม่พลาด.."
"แล้วเราจะเชื่อมั่นในสิ่งที่พ่อบอก แต่เงินลงทุนของเราหดตัวลง แบบนี้.. ไม่เรียกว่าเราเอาเงินไปเสี่ยงกับความเชื่อที่ไม่มีคนให้ราคาหรอกหรอครับ"
"เสี่ยงแน่.. ถ้าลูกไปซื้อที่ราคาแพงๆ แต่พ่อไม่ได้ซื้อ 50,000 หรือ 60,000 เหมือนลูก พ่อ DCA มาเรื่อยๆ หลายปีแล้ว พ่อซื้อเพิ่มทุกครั้งที่ราคาร่วงแรงๆ พ่อว่าตอนนี้พอยังกำไรอยู่เยอะเลยล่ะ ต่อให้ราคาจะลงไปเหลือ 8,000 ดอลลาร์ก็ตาม.."
"โอ้... ถ้าจะพูดแบบนี้ก็ไม่แฟร์สิพ่อ.. พ่อซื้อมาก่อน พ่อก็ได้เปรียบ แล้วคนมาทีหลังแบบหนูต้องทำยังไง ถ้าต้องมาเสี่ยงซื้อตอนราคาแพงๆ หลังพ่อนานขนาดนี้..?"
"คุณลุงของลูกได้ซื้อก่อนพ่อ 4 ปี... เมื่อก่อนเค้าก็โดนพ่อต่อว่าแบบเดียวกันนี่แหละ...
ปู่ของลูกก็ได้ซื้อทองคำ ซื้อที่ดินตั้งแต่ 40 ปีก่อน มันไม่ใช่ราคาแถวนี้...
แล้วมันมีประโยชน์อะไรต้องไปต่อว่า หรือตัดพ้อความได้เปรียบของเค้า ความเสี่ยงที่เค้ารับเอาก่อนเราตรงนั้น ซึ่งมากกว่าเยอะ?"
"สิ่งสำคัญคือเรา... เราดันไปซื้อตอนราคาแพง ณ วัฏจักรเวลาตอนนั้นใช่หรือเปล่า?"
"ในอดีต.. บิตคอยน์มันสามารถราคาร่วงได้มากกว่า 80% ในทุกๆ รอบของมัน มันมีโอกาสให้เราได้ซื้อราคาถูกเสมอนะ แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ซื้อตรงนั้นกันเอง
...หนูก็คงเป็นหนึ่งในนั้น ที่รู้สึกสบายใจมากกว่า เมื่อได้ซื้อตอนขาขึ้น ตอนที่มีข่าวดีเต็มตลาด ตอนที่ใครๆ ก็เชียร์กัน.. ใช่หรือเปล่า?"
"ก็... เวลาบวกๆ แบบนั้นมันไม่น่ากลัวนี่นา... อย่างตอนนี้ใครจะไปกล้าซื้อล่ะครับ ปัจจัยลบเต็มไปหมด หนูมองไม่เห็นข่าวดีสักข่าวเลย...
ล่าสุดก็พึ่งมีคนออกมาบอกว่ามันเป็นทฤษฎีสมคบคิด เขาบอกว่าบิตคอยน์ไม่มีทางได้รับการยอมรับจากรัฐบาลประเทศใหญ่ๆ แน่"
"คนที่คิดแบบนั้นก็แค่ไม่ได้ซื้อสะสมในราคานี้ คนที่ไม่เชื่อก็แค่ไม่ได้ซื้อบิตคอยน์ตอนราคาถูก คนที่เกลียด หรือไม่ชอบ ก็แค่ 5 หรือ 10 ปีผ่านไปจากนี้ เขาก็แค่ไม่มีบิตคอยน์ในมือ...
มันก็เท่านั้นเอง.. เราต้องสนใจด้วยหรือ?"
"อีกอย่างนะ ทุกวันนี้พ่อจะโอนบิตคอยน์ หรือใครจะชำระบิตคอยน์ซื้อของใคร ก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใครนะ...
ส่วนคนที่คิดแบบนี้น่ะ พ่อเข้าใจเขานะ เข้าใจมากด้วย เพราะเมื่อก่อนพ่อก็เป็นแบบนี้ ก็แค่ยังเข้าใจบิตคอยน์ไม่มากพอ"
"อ่า... โอเคๆ ไม่อยากจะเถียงละ... แล้วเราไม่ควรรอให้ราคามันสงบนิ่งก่อนหรือไงพ่อ?
เราจำเป็นต้องรีบเข้าไปซื้อตอนนี้หรือเปล่าฮะ?"
"ถามคนที่ไม่ได้สนใจราคาและเน้น DCA โง่ๆ ไปเรื่อยๆ แบบพ่อ ลูกจะไม่ได้คำตอบหรอก...
ถ้าจะกะเก็งเอาชัวร์ อยากได้ราคาก้นหลุม ลูกก็ไปศึกษาเรื่องกราฟเอาเอง วางแผนการเทรด บริหารเงิน บริหารความเสี่ยงเอาเอง...
พ่อปวดหัว ขี้เกียจคิด... พ่อต้องเอาเวลาไปทำงานหาเงินมาซื้อบิตคอยน์เพิ่มดีกว่า"
"โด่ว... พ่อ.. ตอบแบบนี้ก็ได้หรอ?"
"ถามจริงๆ พ่อไม่กลัวขาลงรอบนี้หรอฮะ?
หนูว่ามันไม่มีแนวรับเลยนะ ไม่รู้จะลงได้ลึกขนาดไหน เศรษฐกิจก็แย่ เงินก็เฟ้อ ทำท่าจะทรุดลงหนักด้วย ที่ผ่านมาบิตคอยน์ไม่เคยเจอช่วงเวลาแบบนี้มาก่อนเลยนะ"
"ใช่... พ่อก็รู้ว่าความเสี่ยงด้านนั้นมันมี... มันไม่มีใครรู้เลยว่าบิตคอยน์จะลงได้ลึกแค่ไหนในรอบนี้.. แต่ที่พ่อรู้แน่ๆ คือ ยังไม่มีใครหาทางทำลายระบบของบิตคอยน์ได้... ยังไม่มีใครมีอำนาจพิศดารพอจะแก้โค้ดของมันได้...
มันจะยังถูกผลิตออกมาไปเรื่อยๆ และมีเพดานที่ 21 ล้านเหรียญเสมอ และอีกสองปีจะมีการฮาร์ฟวิ่งเกิดขึ้น"
"เออ... อันนั้นใครก็รู้น่าพ่อ... จะกาวไปถึงไหนกันนะ"
"ทุกคนรู้เหมือนกัน... แต่มีสักกี่คนที่เข้าใจความสำคัญของมันจริงๆ
พ่อจะบอกอะไรให้นะ ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ มันจะมีการโยกย้ายเงินเพื่อลดความเสี่ยง หรือสลับไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น มันจะมีการดึงเงินออกจากทุกตลาด มีคนขาดสภาพคล่องต้องหาเงินด่วน มีคนโดนมาร์จิ้นคอลล์ ฯลฯ สินทรัพย์ไหนๆ มันก็ลงกันหมดทั้งนั้นแหละ"
"แต่ราคาลง ก็จะไม่เปลี่ยนความหายากที่บิตคอยน์มี และของหายากมันมีคุณค่าในตัวมันเองเสมอเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อมันไม่โดนทำลาย หรือบุบสลายด้วยแล้ว.."
"หายากแล้วมันยังไงหรอพ่อ... ย้ำอยู่นั่นแหละ"
"มันก็ไม่ยังไงหรอกไอ้หนู... แกจะเข้าใจก็ตอนที่แกหาซื้อไม่ได้ หาได้ยาก หรือหาได้เค้าก็ขายให้แพงๆ แล้วนั่นแหละ ซึ่งมันยังไม่เกิดขึ้นตอนนี้ไงล่ะ.."
"เพ้อเจ้อน่าพ่อ... ตอนนี้มันเทขายกันยังกะของเน่า"
"เทมาอีกสิ... พ่อชอบ เงินยิ่งไม่ค่อยมีอยู่ จะได้ซื้อได้คราวละเยอะๆ หน่อย"
"ตกลงหนูต้องเอาคำตอบพ่อไปทบทวนใหม่ เปลี่ยนความคิดตัวเอง แล้วสนใจเรื่องราคาให้น้อยลงใช่ไหมฮะ... คงจะดีกว่าสินะ จะได้ไม่ต้องเครียดกับราคาตอนนี้"
"เงินของลูก ลูกต้องตัดสินใจเอง อย่าเชื่อเพราะพ่อเป็นคนพูด ไปหาความรู้เอาเอง ไปพิสูจน์เอาเอง.. ลงทุนเท่าไหร่ก็รับความเสี่ยงเอาเอง อย่าไปอ้างใคร หรือโทษใคร..."
"พอๆๆๆ เลยพ่อ นี่คราวนี้หนูมาให้พ่อเหน็บล้วนๆ เลยหรอเนี่ย? ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยอะ"
"สาระมันก็ซ่อนอยู่ในคำระหว่างบรรทัดนั่นแหละ..."
#Siamstr
"พ่อครับ... บิตคอยน์ตายแล้วหรอครับพ่อ?"
"แบบไหนถึงเรียกว่าตายล่ะลูก?"
"ก็... ราคาร่วงลงมามากกว่า 70% แล้วอะพ่อ"
"แต่พ่อเห็น Hash rate สูงขึ้นเรื่อยๆ นะ แถมใน Lightning Network ก็มี Capacity กว่า 4,000 BTC ไปแล้ว มันกำลังเติบโตเลยล่ะ.."
(เป็นข้อมูล ณ ขณะที่เขียน ในตอนนั้นกำบังขุดรวทยังไม่ถึง 200 ตอนนี้ 800 EH/s ไปแล้ว และมีโหนด Lightning ราว 17,500+ โหนด และมี Capacity กว่า 5300+ BTC และมีบิตคอยน์ซีตี้เริ่มในไทยแล้ว ที่ อ.ห้วยผึ้ง)
"เดี๋ยวนะพ่อ... เรากำลังคุยกันคนละเรื่องหรือเปล่าฮะ.. แล้ว Hash rate หรือ Lightning อะไรนั่น หนูไม่เห็นเคยรู้จักมาก่อนเลยฮะ"
"ใช่... เราน่าจะคุยกันคนละเรื่องนั่นแหละลูก... ลูกพูดถึง "การตาย" จากการที่ราคาร่วงลงแรง.. ส่วนพ่อกลับมองว่ามันเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการกระจายตัวของโหนด กำลังขุด และการเติบโตของเน็ตเวิร์ค
ในมุมของพ่อ มันไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าตายเลยสักนิด เอาจริงๆ มันโตขึ้นมากด้วยซ้ำไป"
"หนูว่า... ถ้าหนูจะสนใจเรื่องราคามันก็ไม่ผิดนะ... เราลงทุน เราก็ไม่ควรขาดทุนนี่นา ไม่ใช่หรอฮะ?"
"ไม่ผิด.. ลูกลงทุนในบิตคอยน์ เพื่อหวังให้ได้เงินบาทเพิ่ม พอมันไม่เพิ่ม แต่กลับลดลงมาก ลูกย่อมผิดหวัง และมองเป็นการลงทุนที่ผิดพลาด...
ส่วนพ่อ.. พ่อลงทุนในเน็ตเวิร์คที่พ่อเชื่อมั่น ว่ามันจะแข็งแกร่ง เติบโตไปเรื่อยๆ และคงอยู่ได้ในระยะยาว มันจะไม่ตาย คุณค่าของมันจะเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป... ถ้าเป็นมองมุมนี้ พ่อยังไม่พลาด.."
"แล้วเราจะเชื่อมั่นในสิ่งที่พ่อบอก แต่เงินลงทุนของเราหดตัวลง แบบนี้.. ไม่เรียกว่าเราเอาเงินไปเสี่ยงกับความเชื่อที่ไม่มีคนให้ราคาหรอกหรอครับ"
"เสี่ยงแน่.. ถ้าลูกไปซื้อที่ราคาแพงๆ แต่พ่อไม่ได้ซื้อ 50,000 หรือ 60,000 เหมือนลูก พ่อ DCA มาเรื่อยๆ หลายปีแล้ว พ่อซื้อเพิ่มทุกครั้งที่ราคาร่วงแรงๆ พ่อว่าตอนนี้พอยังกำไรอยู่เยอะเลยล่ะ ต่อให้ราคาจะลงไปเหลือ 8,000 ดอลลาร์ก็ตาม.."
"โอ้... ถ้าจะพูดแบบนี้ก็ไม่แฟร์สิพ่อ.. พ่อซื้อมาก่อน พ่อก็ได้เปรียบ แล้วคนมาทีหลังแบบหนูต้องทำยังไง ถ้าต้องมาเสี่ยงซื้อตอนราคาแพงๆ หลังพ่อนานขนาดนี้..?"
"คุณลุงของลูกได้ซื้อก่อนพ่อ 4 ปี... เมื่อก่อนเค้าก็โดนพ่อต่อว่าแบบเดียวกันนี่แหละ...
ปู่ของลูกก็ได้ซื้อทองคำ ซื้อที่ดินตั้งแต่ 40 ปีก่อน มันไม่ใช่ราคาแถวนี้...
แล้วมันมีประโยชน์อะไรต้องไปต่อว่า หรือตัดพ้อความได้เปรียบของเค้า ความเสี่ยงที่เค้ารับเอาก่อนเราตรงนั้น ซึ่งมากกว่าเยอะ?"
"สิ่งสำคัญคือเรา... เราดันไปซื้อตอนราคาแพง ณ วัฏจักรเวลาตอนนั้นใช่หรือเปล่า?"
"ในอดีต.. บิตคอยน์มันสามารถราคาร่วงได้มากกว่า 80% ในทุกๆ รอบของมัน มันมีโอกาสให้เราได้ซื้อราคาถูกเสมอนะ แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่ซื้อตรงนั้นกันเอง
...หนูก็คงเป็นหนึ่งในนั้น ที่รู้สึกสบายใจมากกว่า เมื่อได้ซื้อตอนขาขึ้น ตอนที่มีข่าวดีเต็มตลาด ตอนที่ใครๆ ก็เชียร์กัน.. ใช่หรือเปล่า?"
"ก็... เวลาบวกๆ แบบนั้นมันไม่น่ากลัวนี่นา... อย่างตอนนี้ใครจะไปกล้าซื้อล่ะครับ ปัจจัยลบเต็มไปหมด หนูมองไม่เห็นข่าวดีสักข่าวเลย...
ล่าสุดก็พึ่งมีคนออกมาบอกว่ามันเป็นทฤษฎีสมคบคิด เขาบอกว่าบิตคอยน์ไม่มีทางได้รับการยอมรับจากรัฐบาลประเทศใหญ่ๆ แน่"
"คนที่คิดแบบนั้นก็แค่ไม่ได้ซื้อสะสมในราคานี้ คนที่ไม่เชื่อก็แค่ไม่ได้ซื้อบิตคอยน์ตอนราคาถูก คนที่เกลียด หรือไม่ชอบ ก็แค่ 5 หรือ 10 ปีผ่านไปจากนี้ เขาก็แค่ไม่มีบิตคอยน์ในมือ...
มันก็เท่านั้นเอง.. เราต้องสนใจด้วยหรือ?"
"อีกอย่างนะ ทุกวันนี้พ่อจะโอนบิตคอยน์ หรือใครจะชำระบิตคอยน์ซื้อของใคร ก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใครนะ...
ส่วนคนที่คิดแบบนี้น่ะ พ่อเข้าใจเขานะ เข้าใจมากด้วย เพราะเมื่อก่อนพ่อก็เป็นแบบนี้ ก็แค่ยังเข้าใจบิตคอยน์ไม่มากพอ"
"อ่า... โอเคๆ ไม่อยากจะเถียงละ... แล้วเราไม่ควรรอให้ราคามันสงบนิ่งก่อนหรือไงพ่อ?
เราจำเป็นต้องรีบเข้าไปซื้อตอนนี้หรือเปล่าฮะ?"
"ถามคนที่ไม่ได้สนใจราคาและเน้น DCA โง่ๆ ไปเรื่อยๆ แบบพ่อ ลูกจะไม่ได้คำตอบหรอก...
ถ้าจะกะเก็งเอาชัวร์ อยากได้ราคาก้นหลุม ลูกก็ไปศึกษาเรื่องกราฟเอาเอง วางแผนการเทรด บริหารเงิน บริหารความเสี่ยงเอาเอง...
พ่อปวดหัว ขี้เกียจคิด... พ่อต้องเอาเวลาไปทำงานหาเงินมาซื้อบิตคอยน์เพิ่มดีกว่า"
"โด่ว... พ่อ.. ตอบแบบนี้ก็ได้หรอ?"
"ถามจริงๆ พ่อไม่กลัวขาลงรอบนี้หรอฮะ?
หนูว่ามันไม่มีแนวรับเลยนะ ไม่รู้จะลงได้ลึกขนาดไหน เศรษฐกิจก็แย่ เงินก็เฟ้อ ทำท่าจะทรุดลงหนักด้วย ที่ผ่านมาบิตคอยน์ไม่เคยเจอช่วงเวลาแบบนี้มาก่อนเลยนะ"
"ใช่... พ่อก็รู้ว่าความเสี่ยงด้านนั้นมันมี... มันไม่มีใครรู้เลยว่าบิตคอยน์จะลงได้ลึกแค่ไหนในรอบนี้.. แต่ที่พ่อรู้แน่ๆ คือ ยังไม่มีใครหาทางทำลายระบบของบิตคอยน์ได้... ยังไม่มีใครมีอำนาจพิศดารพอจะแก้โค้ดของมันได้...
มันจะยังถูกผลิตออกมาไปเรื่อยๆ และมีเพดานที่ 21 ล้านเหรียญเสมอ และอีกสองปีจะมีการฮาร์ฟวิ่งเกิดขึ้น"
"เออ... อันนั้นใครก็รู้น่าพ่อ... จะกาวไปถึงไหนกันนะ"
"ทุกคนรู้เหมือนกัน... แต่มีสักกี่คนที่เข้าใจความสำคัญของมันจริงๆ
พ่อจะบอกอะไรให้นะ ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ มันจะมีการโยกย้ายเงินเพื่อลดความเสี่ยง หรือสลับไปลงทุนในสินทรัพย์อื่น มันจะมีการดึงเงินออกจากทุกตลาด มีคนขาดสภาพคล่องต้องหาเงินด่วน มีคนโดนมาร์จิ้นคอลล์ ฯลฯ สินทรัพย์ไหนๆ มันก็ลงกันหมดทั้งนั้นแหละ"
"แต่ราคาลง ก็จะไม่เปลี่ยนความหายากที่บิตคอยน์มี และของหายากมันมีคุณค่าในตัวมันเองเสมอเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อมันไม่โดนทำลาย หรือบุบสลายด้วยแล้ว.."
"หายากแล้วมันยังไงหรอพ่อ... ย้ำอยู่นั่นแหละ"
"มันก็ไม่ยังไงหรอกไอ้หนู... แกจะเข้าใจก็ตอนที่แกหาซื้อไม่ได้ หาได้ยาก หรือหาได้เค้าก็ขายให้แพงๆ แล้วนั่นแหละ ซึ่งมันยังไม่เกิดขึ้นตอนนี้ไงล่ะ.."
"เพ้อเจ้อน่าพ่อ... ตอนนี้มันเทขายกันยังกะของเน่า"
"เทมาอีกสิ... พ่อชอบ เงินยิ่งไม่ค่อยมีอยู่ จะได้ซื้อได้คราวละเยอะๆ หน่อย"
"ตกลงหนูต้องเอาคำตอบพ่อไปทบทวนใหม่ เปลี่ยนความคิดตัวเอง แล้วสนใจเรื่องราคาให้น้อยลงใช่ไหมฮะ... คงจะดีกว่าสินะ จะได้ไม่ต้องเครียดกับราคาตอนนี้"
"เงินของลูก ลูกต้องตัดสินใจเอง อย่าเชื่อเพราะพ่อเป็นคนพูด ไปหาความรู้เอาเอง ไปพิสูจน์เอาเอง.. ลงทุนเท่าไหร่ก็รับความเสี่ยงเอาเอง อย่าไปอ้างใคร หรือโทษใคร..."
"พอๆๆๆ เลยพ่อ นี่คราวนี้หนูมาให้พ่อเหน็บล้วนๆ เลยหรอเนี่ย? ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยอะ"
"สาระมันก็ซ่อนอยู่ในคำระหว่างบรรทัดนั่นแหละ..."
#Siamstr