Jakk Goodday on Nostr: "Narrative Leadership" [Nostr only] ...
"Narrative Leadership" [Nostr only]
อำนาจของเรื่องเล่า และความรับผิดชอบของผู้นำ
"โลกนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่มันถูกขับเคลื่อนโดยเรื่องเล่า (Narratives)"
1. ผู้นำสร้างเรื่องเล่า หรือเรื่องเล่าสร้างผู้นำ?
เราทุกคนใช้ชีวิตอยู่ใน "เรื่องเล่า" ที่ถูกสร้างขึ้น
- บางเรื่องเล่ามาจากสังคม ("ชีวิตที่ดีต้องมั่นคง")
- บางเรื่องเล่ามาจากตัวเราเอง ("ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก")
- และบางเรื่องเล่ามาจาก "ผู้นำ" ที่เราฟัง
เรื่องเล่าที่ถูกสร้างขึ้น... มีพลังมากกว่าที่เราคิด
มันสามารถ "ผลักดัน" คนให้เติบโต หรือ "ผูกมัด" คนให้อยู่ที่เดิม
และนี่คือเหตุผลที่ผู้นำทุกคนควรตั้งคำถามกับ Narrative ที่ตนเองสร้างขึ้น
2. ผู้นำที่ดีใช้ Narrative เพื่อนำ ไม่ใช่เพื่อควบคุม
"Narrative Leadership ไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องให้คนฟัง แต่มันคือการสร้างเรื่องเล่าที่คนอยากเป็นส่วนหนึ่งของมัน"
ตัวอย่างง่าย ๆ
- Steve Jobs ไม่ได้ขายแค่คอมพิวเตอร์ แต่เขาสร้างเรื่องเล่าว่า "Think Different"
- Elon Musk ไม่ได้ขายแค่รถยนต์ไฟฟ้า แต่เขาสร้างเรื่องเล่าว่า "เรากำลังช่วยโลก"
- Bitcoin ไม่ใช่แค่เงินดิจิทัล แต่มันคือเรื่องเล่าของ "อิสรภาพทางการเงิน"
เรื่องเล่าเหล่านี้ทำให้คนอยากเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ แต่เพราะ.. พวกเขาเห็นตัวเองอยู่ในเรื่องราวนั้น
3. Narrative ที่ปลดปล่อย vs. Narrative ที่ผูกมัด
Narrative ที่ปลดปล่อย (Empowering Narrative)
- กระตุ้นให้คนคิดเอง >> ไม่ใช่เชื่อเพราะ "ผู้นำบอก"
- ให้เครื่องมือและมุมมอง >> ไม่ใช่ข้อสรุปตายตัว
- ทำให้คนรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของเรื่องราว >> ไม่ใช่แค่ "ตามผู้นำ"
Narrative ที่ผูกมัด (Controlling Narrative)
- บอกว่ามีแค่ "ทางเดียว" ที่ถูกต้อง
- ทำให้คนกลัวที่จะตั้งคำถาม
- ทำให้คนรู้สึกว่า ถ้าไม่มีผู้นำ พวกเขาจะเดินต่อไปไม่ได้
ผู้นำต้องถามตัวเองเสมอว่า "Narrative ของฉันกำลังปลดปล่อย หรือกำลังผูกมัด?"
4. Narrative Leadership ไม่ใช่ Manipulation แต่ต้องมีความรับผิดชอบ
"ทุกครั้งที่คุณมีอิทธิพลต่อความคิดของคนอื่น คุณต้องรับผิดชอบต่อมัน"
มีบางคนบอกว่า..
"Jakk ใช้จิตวิทยาชักใยคนอื่น"
"Jakk สร้างเรื่องเล่าให้คนคล้อยตาม"
ผมไม่ปฏิเสธครับว่าผมใช้ Narrative...
แต่คำถามสำคัญคือ "ผมใช้มันเพื่ออะไร?"
- ผมสร้าง Narrative เพื่อทำให้คนคิดเอง >> ไม่ใช่เพื่อให้พวกเขาเชื่อแบบไม่มีข้อกังขา
- ผมใช้ Narrative เพื่อให้คนเห็นโอกาส >> ไม่ใช่เพื่อให้พวกเขาเดินตามโดยไม่ตั้งคำถาม
- ผมสร้าง Narrative ที่ให้พลัง >> ไม่ใช่ที่ทำให้พวกเขาพึ่งพาผม
สิ่งสำคัญของ Narrative Leadership คือ "ผู้นำต้องมีความรับผิดชอบต่อเรื่องเล่าที่ตนสร้างขึ้น"
ต้องมี Skin in the Game, ต้องลงสนามจริง
5. Narrative ที่ดี ควรอยู่ได้โดยไม่มีตัวผู้นำ
"ผู้นำที่ดีที่สุด คือคนที่สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง"
ถ้าวันหนึ่ง #Siamstr เติบโตได้โดยไม่มีผู้นำ
ถ้าสิ่งที่พวกเราสร้าง ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าพวกเราหลายคนจะไม่อยู่แล้ว
นั่นแปลว่า Narrative ที่เราสร้าง มันทำงานได้จริง
Bitcoin ยังคงอยู่ แม้ไม่มี Satoshi
Open-source ยังคงพัฒนา แม้ไม่มีผู้สร้างดั้งเดิม
ถ้าคอมมูนิตี้ต้องพึ่งผู้นำตลอดไป แปลว่าเหล่าผู้นำล้มเหลว
So.. Narrative ที่ดี ควรเป็นสะพาน ไม่ใช่โซ่ตรวน >> ปลดปล่อย ไม่ใช่ผูกมัด
"โลกนี้ถูกขับเคลื่อนด้วย Narrative… คำถามคือ เรากำลังสร้างเรื่องเล่าที่ทำให้ผู้คนเป็นอิสระ หรือทำให้พวกเขาติดอยู่กับบางอย่าง?"
#NarrativeLeadership #WebWeaving #BeTheCause
อำนาจของเรื่องเล่า และความรับผิดชอบของผู้นำ
"โลกนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยข้อเท็จจริงเท่านั้น แต่มันถูกขับเคลื่อนโดยเรื่องเล่า (Narratives)"
1. ผู้นำสร้างเรื่องเล่า หรือเรื่องเล่าสร้างผู้นำ?
เราทุกคนใช้ชีวิตอยู่ใน "เรื่องเล่า" ที่ถูกสร้างขึ้น
- บางเรื่องเล่ามาจากสังคม ("ชีวิตที่ดีต้องมั่นคง")
- บางเรื่องเล่ามาจากตัวเราเอง ("ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรอก")
- และบางเรื่องเล่ามาจาก "ผู้นำ" ที่เราฟัง
เรื่องเล่าที่ถูกสร้างขึ้น... มีพลังมากกว่าที่เราคิด
มันสามารถ "ผลักดัน" คนให้เติบโต หรือ "ผูกมัด" คนให้อยู่ที่เดิม
และนี่คือเหตุผลที่ผู้นำทุกคนควรตั้งคำถามกับ Narrative ที่ตนเองสร้างขึ้น
2. ผู้นำที่ดีใช้ Narrative เพื่อนำ ไม่ใช่เพื่อควบคุม
"Narrative Leadership ไม่ใช่แค่การเล่าเรื่องให้คนฟัง แต่มันคือการสร้างเรื่องเล่าที่คนอยากเป็นส่วนหนึ่งของมัน"
ตัวอย่างง่าย ๆ
- Steve Jobs ไม่ได้ขายแค่คอมพิวเตอร์ แต่เขาสร้างเรื่องเล่าว่า "Think Different"
- Elon Musk ไม่ได้ขายแค่รถยนต์ไฟฟ้า แต่เขาสร้างเรื่องเล่าว่า "เรากำลังช่วยโลก"
- Bitcoin ไม่ใช่แค่เงินดิจิทัล แต่มันคือเรื่องเล่าของ "อิสรภาพทางการเงิน"
เรื่องเล่าเหล่านี้ทำให้คนอยากเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ แต่เพราะ.. พวกเขาเห็นตัวเองอยู่ในเรื่องราวนั้น
3. Narrative ที่ปลดปล่อย vs. Narrative ที่ผูกมัด
Narrative ที่ปลดปล่อย (Empowering Narrative)
- กระตุ้นให้คนคิดเอง >> ไม่ใช่เชื่อเพราะ "ผู้นำบอก"
- ให้เครื่องมือและมุมมอง >> ไม่ใช่ข้อสรุปตายตัว
- ทำให้คนรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของเรื่องราว >> ไม่ใช่แค่ "ตามผู้นำ"
Narrative ที่ผูกมัด (Controlling Narrative)
- บอกว่ามีแค่ "ทางเดียว" ที่ถูกต้อง
- ทำให้คนกลัวที่จะตั้งคำถาม
- ทำให้คนรู้สึกว่า ถ้าไม่มีผู้นำ พวกเขาจะเดินต่อไปไม่ได้
ผู้นำต้องถามตัวเองเสมอว่า "Narrative ของฉันกำลังปลดปล่อย หรือกำลังผูกมัด?"
4. Narrative Leadership ไม่ใช่ Manipulation แต่ต้องมีความรับผิดชอบ
"ทุกครั้งที่คุณมีอิทธิพลต่อความคิดของคนอื่น คุณต้องรับผิดชอบต่อมัน"
มีบางคนบอกว่า..
"Jakk ใช้จิตวิทยาชักใยคนอื่น"
"Jakk สร้างเรื่องเล่าให้คนคล้อยตาม"
ผมไม่ปฏิเสธครับว่าผมใช้ Narrative...
แต่คำถามสำคัญคือ "ผมใช้มันเพื่ออะไร?"
- ผมสร้าง Narrative เพื่อทำให้คนคิดเอง >> ไม่ใช่เพื่อให้พวกเขาเชื่อแบบไม่มีข้อกังขา
- ผมใช้ Narrative เพื่อให้คนเห็นโอกาส >> ไม่ใช่เพื่อให้พวกเขาเดินตามโดยไม่ตั้งคำถาม
- ผมสร้าง Narrative ที่ให้พลัง >> ไม่ใช่ที่ทำให้พวกเขาพึ่งพาผม
สิ่งสำคัญของ Narrative Leadership คือ "ผู้นำต้องมีความรับผิดชอบต่อเรื่องเล่าที่ตนสร้างขึ้น"
ต้องมี Skin in the Game, ต้องลงสนามจริง
5. Narrative ที่ดี ควรอยู่ได้โดยไม่มีตัวผู้นำ
"ผู้นำที่ดีที่สุด คือคนที่สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเขาเอง"
ถ้าวันหนึ่ง #Siamstr เติบโตได้โดยไม่มีผู้นำ
ถ้าสิ่งที่พวกเราสร้าง ยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าพวกเราหลายคนจะไม่อยู่แล้ว
นั่นแปลว่า Narrative ที่เราสร้าง มันทำงานได้จริง
Bitcoin ยังคงอยู่ แม้ไม่มี Satoshi
Open-source ยังคงพัฒนา แม้ไม่มีผู้สร้างดั้งเดิม
ถ้าคอมมูนิตี้ต้องพึ่งผู้นำตลอดไป แปลว่าเหล่าผู้นำล้มเหลว
So.. Narrative ที่ดี ควรเป็นสะพาน ไม่ใช่โซ่ตรวน >> ปลดปล่อย ไม่ใช่ผูกมัด
"โลกนี้ถูกขับเคลื่อนด้วย Narrative… คำถามคือ เรากำลังสร้างเรื่องเล่าที่ทำให้ผู้คนเป็นอิสระ หรือทำให้พวกเขาติดอยู่กับบางอย่าง?"
#NarrativeLeadership #WebWeaving #BeTheCause