Hipknox on Nostr: ...
บรรยากาศเหมือนสมัยตอนเรียนมัธยมต้นที่ผมแบกกีตาร์โปร่งไปนั่งเล่นในโรงอาหารของโรงเรียน ในช่วงวันที่โรงเรียนปล่อยให้เด็ก ๆ นักเรียนใช้เวลาว่างทำตามอิสระในช่วงวันสัปดาห์วิชาการเลย
อบอุ่นจัง
วันนั้นมันน่าจะเป็นเวลาช่วงบ่าย ๆ ที่ผมหยิบเอากีตาร์โปร่งออกมานั่งดีดในโรงอาหารของโรงเรียน นักเรียนในทุกระดับชั้นต่างเดินขวักไขว่ไปมา มีแค่ผมกับเพื่อนสนิทในตอนนั้นอีกคน กางหนังสือคอร์ดเพลงของ The Guitar ออกมา เราเล่นกีตาร์และร้องไปด้วยกัน
เพลงไทยในยุคของพวก "Peacemaker (เรื่องบนเตียง, ส่วนเกิน) Bodyslam (ขอบฟ้า, ความเชื่อ) EBOLA (สิ่งที่ฉันเป็น, วันที่ไม่มีจริง) Retrospect (สุดที่รัก, ปล่อยฉัน) Ritalinn, Oblivious, Gear Knight, Endorphine, Snail etc." ที่ถูกหยิบเอามาเล่นดึงดูดสายตาของคนที่ผ่านไปมา
แม้แต่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อสำหรับผมในตอนนั้นที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นก็คือ เพื่อนต่างห้องที่ได้ฉายาว่าเป็นหัวโจกของการต่อยตีที่ชอบการแก้ปัญหาด้วยกำปั้น ยังมานั่งลงที่ข้าง ๆ ผมขอหนังสือเพลงไปเปิดหาเพลงที่เขาอยากจะฟัง เปิดมันแล้วเอามาให้ผมเล่นให้ฟัง มันบ้ามาก ๆ ราวกับว่าเขาเป็นคนละคนกับภาพที่เคยเห็นเขากำลังท้าต่อยกับเพื่อนอีกคนที่เคยมีปัญหาด้วยที่หลังโรงเรียน
มันเริ่มมีคนมารายล้อมมากขึ้น ทั้งเพื่อนผู้หญิงในห้องเดียวกัน หรือแม้แต่เพื่อนต่างห้องที่ไม่ได้รู้จักกัน ทุกคนมาอยู่ที่ตรงนั้นผมเห็นทั้งรอยยิ้ม ความสนุกสนาน บรรยากาศที่เป็นคนละเรื่องกับช่วงเวลาที่ถูกบังคับให้ต้องเข้าเรียนในห้องเรียนตามเวลา หรือต่างออกไปจากการพักเที่ยงที่ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีเวลาว่างอย่างอิสระ ผมก็ไม่เคยเห็นภาพอะไรแบบนั้นมาก่อน
สังคมที่ถูกบีบบังคับด้วยอะไรบางอย่างที่ขัดกันกับสามัญสำนึกปกติของการเป็นมนุษย์อย่างการเคารพธงชาติอย่างตรงเวลา ไม่เช่นนั้นคุณจะถูกผู้ออกกฎลงโทษด้วยการตัดคะแนนจิตพิสัย คุณจะต้องเดินอย่างเป็นระเบียบเข้าห้องเรียนโดยที่ห้ามพูดคุยกัน ไม่เช่นนั้นถ้าใครแม้แต่คนเดียวที่ก่อความวุ่นวายเพื่อนนักเรียนทุกคนจะถูกลงโทษให้รับผิดชอบร่วมกันด้วยไม้เรียว คุณสามารถออกไปทำธุระส่วนตัวได้หากว่ากำลังเรียนอยู่ แต่ว่าคุณจะต้องของอนุญาตจากคุณครูก่อนที่จะลุกออกจากที่นั่งในชั้นเรียน ผมเคยเห็นเพื่อนที่ถ่ายราดกางเกงจากการที่เขาคนนั้นปวดท้องแต่ไม่กล้าขออนุญาติคุณครู และเรื่องราวอื่น ๆ ที่นักเรียนถูกทำให้ผิดแปลกไปจากความเป็นธรรมชาติของการเป็นมนุษย์
เสียงของกีตาร์ที่ผมดีดในวันนั้น ทำให้ผมเห็นเป็นครั้งแรกว่า จริง ๆ การไม่ต้องทำตามกฎระเบียบบางอย่างที่ถูกกำหนดไว้มันก็ไม่ได้จะเกิดสิ่งเลวร้ายอะไรเสมอไป เพื่อนที่ดูเหมือนเป็นนักเลงก็ไม่ได้หาเรื่องต่อยตีกัน เพื่อนที่เคยนินทากันกับมานั่งร้องเพลงอยู่ด้วยกัน ผมยังเห็นเพื่อนบางคนเดินไปซื้อน้ำปั่นมาเลี้ยงเพื่อนอีกคนหนึ่ง เราแบ่งปันระหว่างกันในสิ่งที่เรามีอิสระที่จะทำ โดยที่ในเวลานั้นไม่ได้มีครูหรือใครก็ตามมายืนคอยกำกับให้เราทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นไปตามความเป็นธรรมชาติของมนุษย์
และ เหมือนกันกับที่พี่จิงโจ้เล่าเอาไว้ในรายการสภายส้ม EP.54 ในเรื่องของ Captain Sidd (Evan) ของเมื่อคืนนี้ [1:56:00] ว่า มนุษย์เวลาที่เรามีอิสระ เรามักจะทำในสิ่งดี ๆ เพื่อให้สังคมที่เรากำลังอาศัยอยู่มันเป็นสภาพแวดล้อมที่ดี คน ๆ หนึ่งที่มี PoW สร้าง value มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สามารถพึ่งพาตัวเองได้ เมื่อตัวของเขาดีแล้ว เขาจะอยากให้สังคมรอบ ๆ ตัวเขาดีขึ้น
ผมคิดว่าวันนั้นผมตัดสินใจไม่ผิดเลย ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนขี้อาย (ชื่อ "ชาย" ที่แม่ตั้งว่า "Boy" แต่อาบอกว่ามันฝรั่งเกินไป จริง ๆ แล้วสำหรับผมควรจะเป็น "Shy" ที่แปลว่าขี้อายมากกว่า) ได้นั่งลงในโรงอาหาร และดีดกีตาร์ทั้ง ๆ ที่มือไม้สั่น มันจะทำให้ผมได้เห็นสังคมที่ไร้กฎระเบียบ ทุกคนที่กำลังมีอิสระในช่วงเวลานั้นต่างทำในสิ่งที่พวกเขาแต่ละคนต้องการ โดยที่ไม่ได้สร้างปัญหาใดเมื่อหากนำเอาไปเทียบกับช่วงเวลาที่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เคร่งคัดของช่วงเวลาเรียนเลยแม้แต่น้อย
ผมไม่เห็นเพื่อนเกรียน ๆ ที่ตบหัวกันอย่างในช่วงเวลาที่เดินเข้าห้องเรียนอย่างเป็นระเบียบในช่วงมุมอับสายตาครูอย่างการเดินขึ้นบันได ผมไม่เห็นว่าจะมีใครทะเลาะต่อยตีกัน ถึงแม้ว่าที่ตรงนั้นจะไม่มีครูยืนอยู่
บางทีเรื่องง่าย ๆ อย่างการมีความสุขกับอะไรบางอย่าง จะเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ทำให้เราเมื่อมีมันแล้วอยากจะแบ่งปันและส่งต่อความสุขนั้นออกไปให้กับผู้อื่น ถ้าอย่างนั้นกฎระเบียบที่เคร่งคัดจนเกินไปให้อะไรกับพวกเรา #Siamstr
ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่เข้ามา comment กันนะครับ :)
อบอุ่นจัง
วันนั้นมันน่าจะเป็นเวลาช่วงบ่าย ๆ ที่ผมหยิบเอากีตาร์โปร่งออกมานั่งดีดในโรงอาหารของโรงเรียน นักเรียนในทุกระดับชั้นต่างเดินขวักไขว่ไปมา มีแค่ผมกับเพื่อนสนิทในตอนนั้นอีกคน กางหนังสือคอร์ดเพลงของ The Guitar ออกมา เราเล่นกีตาร์และร้องไปด้วยกัน
เพลงไทยในยุคของพวก "Peacemaker (เรื่องบนเตียง, ส่วนเกิน) Bodyslam (ขอบฟ้า, ความเชื่อ) EBOLA (สิ่งที่ฉันเป็น, วันที่ไม่มีจริง) Retrospect (สุดที่รัก, ปล่อยฉัน) Ritalinn, Oblivious, Gear Knight, Endorphine, Snail etc." ที่ถูกหยิบเอามาเล่นดึงดูดสายตาของคนที่ผ่านไปมา
แม้แต่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อสำหรับผมในตอนนั้นที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นก็คือ เพื่อนต่างห้องที่ได้ฉายาว่าเป็นหัวโจกของการต่อยตีที่ชอบการแก้ปัญหาด้วยกำปั้น ยังมานั่งลงที่ข้าง ๆ ผมขอหนังสือเพลงไปเปิดหาเพลงที่เขาอยากจะฟัง เปิดมันแล้วเอามาให้ผมเล่นให้ฟัง มันบ้ามาก ๆ ราวกับว่าเขาเป็นคนละคนกับภาพที่เคยเห็นเขากำลังท้าต่อยกับเพื่อนอีกคนที่เคยมีปัญหาด้วยที่หลังโรงเรียน
มันเริ่มมีคนมารายล้อมมากขึ้น ทั้งเพื่อนผู้หญิงในห้องเดียวกัน หรือแม้แต่เพื่อนต่างห้องที่ไม่ได้รู้จักกัน ทุกคนมาอยู่ที่ตรงนั้นผมเห็นทั้งรอยยิ้ม ความสนุกสนาน บรรยากาศที่เป็นคนละเรื่องกับช่วงเวลาที่ถูกบังคับให้ต้องเข้าเรียนในห้องเรียนตามเวลา หรือต่างออกไปจากการพักเที่ยงที่ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีเวลาว่างอย่างอิสระ ผมก็ไม่เคยเห็นภาพอะไรแบบนั้นมาก่อน
สังคมที่ถูกบีบบังคับด้วยอะไรบางอย่างที่ขัดกันกับสามัญสำนึกปกติของการเป็นมนุษย์อย่างการเคารพธงชาติอย่างตรงเวลา ไม่เช่นนั้นคุณจะถูกผู้ออกกฎลงโทษด้วยการตัดคะแนนจิตพิสัย คุณจะต้องเดินอย่างเป็นระเบียบเข้าห้องเรียนโดยที่ห้ามพูดคุยกัน ไม่เช่นนั้นถ้าใครแม้แต่คนเดียวที่ก่อความวุ่นวายเพื่อนนักเรียนทุกคนจะถูกลงโทษให้รับผิดชอบร่วมกันด้วยไม้เรียว คุณสามารถออกไปทำธุระส่วนตัวได้หากว่ากำลังเรียนอยู่ แต่ว่าคุณจะต้องของอนุญาตจากคุณครูก่อนที่จะลุกออกจากที่นั่งในชั้นเรียน ผมเคยเห็นเพื่อนที่ถ่ายราดกางเกงจากการที่เขาคนนั้นปวดท้องแต่ไม่กล้าขออนุญาติคุณครู และเรื่องราวอื่น ๆ ที่นักเรียนถูกทำให้ผิดแปลกไปจากความเป็นธรรมชาติของการเป็นมนุษย์
เสียงของกีตาร์ที่ผมดีดในวันนั้น ทำให้ผมเห็นเป็นครั้งแรกว่า จริง ๆ การไม่ต้องทำตามกฎระเบียบบางอย่างที่ถูกกำหนดไว้มันก็ไม่ได้จะเกิดสิ่งเลวร้ายอะไรเสมอไป เพื่อนที่ดูเหมือนเป็นนักเลงก็ไม่ได้หาเรื่องต่อยตีกัน เพื่อนที่เคยนินทากันกับมานั่งร้องเพลงอยู่ด้วยกัน ผมยังเห็นเพื่อนบางคนเดินไปซื้อน้ำปั่นมาเลี้ยงเพื่อนอีกคนหนึ่ง เราแบ่งปันระหว่างกันในสิ่งที่เรามีอิสระที่จะทำ โดยที่ในเวลานั้นไม่ได้มีครูหรือใครก็ตามมายืนคอยกำกับให้เราทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นไปตามความเป็นธรรมชาติของมนุษย์
และ เหมือนกันกับที่พี่จิงโจ้เล่าเอาไว้ในรายการสภายส้ม EP.54 ในเรื่องของ Captain Sidd (Evan) ของเมื่อคืนนี้ [1:56:00] ว่า มนุษย์เวลาที่เรามีอิสระ เรามักจะทำในสิ่งดี ๆ เพื่อให้สังคมที่เรากำลังอาศัยอยู่มันเป็นสภาพแวดล้อมที่ดี คน ๆ หนึ่งที่มี PoW สร้าง value มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สามารถพึ่งพาตัวเองได้ เมื่อตัวของเขาดีแล้ว เขาจะอยากให้สังคมรอบ ๆ ตัวเขาดีขึ้น
ผมคิดว่าวันนั้นผมตัดสินใจไม่ผิดเลย ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนขี้อาย (ชื่อ "ชาย" ที่แม่ตั้งว่า "Boy" แต่อาบอกว่ามันฝรั่งเกินไป จริง ๆ แล้วสำหรับผมควรจะเป็น "Shy" ที่แปลว่าขี้อายมากกว่า) ได้นั่งลงในโรงอาหาร และดีดกีตาร์ทั้ง ๆ ที่มือไม้สั่น มันจะทำให้ผมได้เห็นสังคมที่ไร้กฎระเบียบ ทุกคนที่กำลังมีอิสระในช่วงเวลานั้นต่างทำในสิ่งที่พวกเขาแต่ละคนต้องการ โดยที่ไม่ได้สร้างปัญหาใดเมื่อหากนำเอาไปเทียบกับช่วงเวลาที่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เคร่งคัดของช่วงเวลาเรียนเลยแม้แต่น้อย
ผมไม่เห็นเพื่อนเกรียน ๆ ที่ตบหัวกันอย่างในช่วงเวลาที่เดินเข้าห้องเรียนอย่างเป็นระเบียบในช่วงมุมอับสายตาครูอย่างการเดินขึ้นบันได ผมไม่เห็นว่าจะมีใครทะเลาะต่อยตีกัน ถึงแม้ว่าที่ตรงนั้นจะไม่มีครูยืนอยู่
บางทีเรื่องง่าย ๆ อย่างการมีความสุขกับอะไรบางอย่าง จะเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ทำให้เราเมื่อมีมันแล้วอยากจะแบ่งปันและส่งต่อความสุขนั้นออกไปให้กับผู้อื่น ถ้าอย่างนั้นกฎระเบียบที่เคร่งคัดจนเกินไปให้อะไรกับพวกเรา #Siamstr
ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่เข้ามา comment กันนะครับ :)
quoting nevent1q…fyqcลอง ๆ 🎶 #Siamstr