kerutonotme on Nostr: #freewriting day 12 เขียนขีดอิสระ วันที่ 12 ...
#freewriting day 12
เขียนขีดอิสระ วันที่ 12
#siamstr
ทำอะไรก็ไม่ทัน เรื่องใหม่ๆ ก็ประดังประเด เรื่องเก่าก็กองสุมมะรุมมะตุ้ม แต่ช่วงเวลาที่พอจะทำอะไรได้ ก็ไม่ได้สนใจว่า จะต้องสะสางให้เสร็จ เลือกที่จะไปทำสิ่งที่มีความสุขกับชีวิตมากกว่า ผัดวันประกันพรุ่ง ความเฉยชาต่อภาระหน้าที่ ถ้ายังไม่เดือดร้อนต่อตนเองหรือคนอื่นก็ยังไม่ทำ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดชีวิต แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นเหมือนเก่า วนซ้ำไปซ้ำมา สนุกกับชีวิตที่อยู่ตรงหน้า โดยส่งความหน่วงภายในให้เป็นปัญหาของตัวเราวันพรุ่งนี้แทน
เหมือนการแกะปู ยังไม่ได้เป็นชิ้น แต่หิวแล้ว กินเลยแล้วกัน ไม่ได้ลิ้มรสเนื้อปูล้วนๆ ไม่เป็นไร เปลือกปูก็ฝืนกลืนได้อยู่ ถ้าจะแกะให้เสร็จจะได้กินตอนไหน ถ้าระหว่างแกะ เราตายไปหรือคนอื่นหยิบไปกิน หรือต้องเอาความต้องการส่วนตัวออกไป แกะไปกินไปนั่นแหละ แล้วถ้าเราไม่ได้แกะ มัวแต่กินอย่างเดียว กำลังกินของคนอื่นอยู่รึเปล่า
หรือการผัดวันประกันพรุ่ง จะเป็นการเห็นแก่ตัวแบบอ่อนๆ เป็นต้นเชื้อของการเห็นตัวเองแต่ไม่เห็นภาพรวม พอเร่ิมคิดว่าส่งผลต่อคนอื่นอย่างไร ผลเสียที่ตามมาคืออะไร ก็เริ่มรู้สึกว่า ต้องทำ แม้ไม่ได้รู้สึกอยากหรือคาดว่าจะมีความสุข ห่วงคนอื่น ไม่ใช่ ห่วงความสัมพันธ์ที่มีต่อคนอื่น ห่วงภาพพจน์ ห่วงความเชื่อใจ แต่ได้ผล ความกลัวต่อความผิดบาปของความเฉยชา
ไม่อยากรับผิดชอบอะไรเลย เป็นภาระ ไม่มีอิสระ ในวันที่ทำสิ่งใดสำเร็จกลับไม่คิดแบบนั้น โล่ง ภูมิใจและยินดีที่ตัวเองก้าวไปอีกขั้น การคิดถึงภาพในอนาคต ถ้าหากสำเร็จกระตุ้นให้อยากทำมากขึ้น ถ้าล่าช้าหรือไม่ได้ทำ สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ก็กระตุ้นได้เช่นกัน ก็ยังพ่ายแพ้ต่อปัจจุบันอยู่ดี เพราะภาพเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นตรงหน้า
เพลิดเพลินกับปัจจุบันต่อไป ปัญหาที่กองสุมอยู่ รอเราอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล วันนึงต้องเดินไปชนเข้า กองเล็กก็สะดุดเหมือนไม่มีอะไร กองใหญ่ก็คงล้มทับจนชีวิตเป๋ไปพักนึง อย่างไรก็ต้องทำ จะทำตอนนี้หรือตั้งใจไปทำวันหลัง ทำวันนี้ก็อดสนุกสะเปะสะปะ แต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่า พรุ่งนี้จะได้สนุกแทนวันนี้ ทางเดียวที่จะผ่านไปได้ ยอมรับ ก้มหน้ายอมรับหน้าที่ แล้วค่อยๆ หย่อนปลายนิ้ว แตะๆ ดู น้ำอาจจะเย็นสบายกว่าที่คิดก็ได้
เขียนขีดอิสระ วันที่ 12
#siamstr
ทำอะไรก็ไม่ทัน เรื่องใหม่ๆ ก็ประดังประเด เรื่องเก่าก็กองสุมมะรุมมะตุ้ม แต่ช่วงเวลาที่พอจะทำอะไรได้ ก็ไม่ได้สนใจว่า จะต้องสะสางให้เสร็จ เลือกที่จะไปทำสิ่งที่มีความสุขกับชีวิตมากกว่า ผัดวันประกันพรุ่ง ความเฉยชาต่อภาระหน้าที่ ถ้ายังไม่เดือดร้อนต่อตนเองหรือคนอื่นก็ยังไม่ทำ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตลอดชีวิต แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นเหมือนเก่า วนซ้ำไปซ้ำมา สนุกกับชีวิตที่อยู่ตรงหน้า โดยส่งความหน่วงภายในให้เป็นปัญหาของตัวเราวันพรุ่งนี้แทน
เหมือนการแกะปู ยังไม่ได้เป็นชิ้น แต่หิวแล้ว กินเลยแล้วกัน ไม่ได้ลิ้มรสเนื้อปูล้วนๆ ไม่เป็นไร เปลือกปูก็ฝืนกลืนได้อยู่ ถ้าจะแกะให้เสร็จจะได้กินตอนไหน ถ้าระหว่างแกะ เราตายไปหรือคนอื่นหยิบไปกิน หรือต้องเอาความต้องการส่วนตัวออกไป แกะไปกินไปนั่นแหละ แล้วถ้าเราไม่ได้แกะ มัวแต่กินอย่างเดียว กำลังกินของคนอื่นอยู่รึเปล่า
หรือการผัดวันประกันพรุ่ง จะเป็นการเห็นแก่ตัวแบบอ่อนๆ เป็นต้นเชื้อของการเห็นตัวเองแต่ไม่เห็นภาพรวม พอเร่ิมคิดว่าส่งผลต่อคนอื่นอย่างไร ผลเสียที่ตามมาคืออะไร ก็เริ่มรู้สึกว่า ต้องทำ แม้ไม่ได้รู้สึกอยากหรือคาดว่าจะมีความสุข ห่วงคนอื่น ไม่ใช่ ห่วงความสัมพันธ์ที่มีต่อคนอื่น ห่วงภาพพจน์ ห่วงความเชื่อใจ แต่ได้ผล ความกลัวต่อความผิดบาปของความเฉยชา
ไม่อยากรับผิดชอบอะไรเลย เป็นภาระ ไม่มีอิสระ ในวันที่ทำสิ่งใดสำเร็จกลับไม่คิดแบบนั้น โล่ง ภูมิใจและยินดีที่ตัวเองก้าวไปอีกขั้น การคิดถึงภาพในอนาคต ถ้าหากสำเร็จกระตุ้นให้อยากทำมากขึ้น ถ้าล่าช้าหรือไม่ได้ทำ สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ก็กระตุ้นได้เช่นกัน ก็ยังพ่ายแพ้ต่อปัจจุบันอยู่ดี เพราะภาพเหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นตรงหน้า
เพลิดเพลินกับปัจจุบันต่อไป ปัญหาที่กองสุมอยู่ รอเราอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล วันนึงต้องเดินไปชนเข้า กองเล็กก็สะดุดเหมือนไม่มีอะไร กองใหญ่ก็คงล้มทับจนชีวิตเป๋ไปพักนึง อย่างไรก็ต้องทำ จะทำตอนนี้หรือตั้งใจไปทำวันหลัง ทำวันนี้ก็อดสนุกสะเปะสะปะ แต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่า พรุ่งนี้จะได้สนุกแทนวันนี้ ทางเดียวที่จะผ่านไปได้ ยอมรับ ก้มหน้ายอมรับหน้าที่ แล้วค่อยๆ หย่อนปลายนิ้ว แตะๆ ดู น้ำอาจจะเย็นสบายกว่าที่คิดก็ได้