SOUP on Nostr: หลุดพ้นความเศร้าหมอง ...
หลุดพ้นความเศร้าหมอง ด้วยการแพร่เมตตา
เชื่อเถอะว่า...หลายคน คงเคยรู้สึกว่าการ #แผ่เมตตา ให้คนที่ไม่ชอบขี้หน้านี่มันยากเย็นเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา ส่วนการแผ่เมตตาให้คนที่ดีกับเรามันง่ายกว่าเยอะ แต่จริงๆ แล้ว เป้าหมายของการแผ่เมตตามันไม่ได้อยู่ที่การไปเปลี่ยนแปลงใครเขา
แต่อยู่ที่การฝึกจิตใจตัวเองให้แข็งแกร่งและเบิกบานต่างหาก ถึงแม้บทแผ่เมตตามักจะพูดถึงการส่งความปรารถนาดีไปยังผู้อื่น แต่จริงๆ แล้วแก่นแท้คือการฝึกจิตของเราเองเพื่อให้ใจสงบ เข้มแข็งและเบิกบาน นั่นคือผลประโยชน์ที่แท้จริงที่เราได้รับจากการแผ่เมตตา
.
บ่อยครั้งที่เราแผ่เมตตาแบบหวังผล อยากให้เขารักเรา เคารพเรา หรือทำดีกับเรากลับมา...แต่นั่น...ไม่ใช่ใจความสำคัญของการแผ่เมตตาเลย การแผ่เมตตาที่แท้จริงคือการส่งความปรารถนาดีไป แบบไม่ต้องไปคาดหวังอะไรกลับมา มันเหมือนการฝึกจิตใจเราเอง ให้หลุดพ้นจากความหงุดหงิด ความโกรธ ความเกลียด อะไรพวกนี้ เหมือนเราออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี ดูเหมือนทำเพื่อร่างกาย แต่จริงๆ แล้วได้ความสุขใจกลับมา การแผ่เมตตาก็เช่นกัน ถึงจะเหมือนทำเพื่อคนอื่น แต่สุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ คือตัวเราเอง
.
เวลาเราแผ่เมตตา เราไม่ได้ทำเพื่อใคร เราทำเพื่อตัวเองล้วนๆ เพื่อปลดล็อกจิตใจเราจากความรู้สึกแย่ๆ ไม่ให้จิตใจเราเป็นทาสของความขุ่นมัว ความเศร้าหมอง คิดซะว่าการแผ่เมตตาเป็นเหมือนเกราะป้องกันใจ ใครจะว่าไงก็ช่าง เมื่อใจเรายังสงบ ร่มเย็นสบายใจ นั้นแหละจิตที่เป็นอิสระ เราแค่ทำหน้าที่ส่งความปรารถนาดีออกไป ส่วนเขาจะรับหรือไม่รับ จะเปลี่ยนไปไหม ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องไปกังวลแล้ว เพราะเป้าหมายของเราคือการฝึกจิต ไม่ใช่การควบคุมคนอื่น
.
อีกอย่าง ความทุกข์ส่วนใหญ่มันมะงุมมะงาหราอยู่กับความพอใจและไม่พอใจนี่แหละ เราทุกข์เพราะเราอยากจะบังคับให้ทุกอย่างเป็นดั่งใจ ซึ่งการแผ่เมตตานี่แหละคือการฝึก #ปล่อยวาง ยอมรับความจริง แล้วสร้างความสงบในใจ พอใจเรามีสติ เจอเรื่องอะไรเราก็จะรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมีสติปัญญา
#Siamstr
เชื่อเถอะว่า...หลายคน คงเคยรู้สึกว่าการ #แผ่เมตตา ให้คนที่ไม่ชอบขี้หน้านี่มันยากเย็นเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา ส่วนการแผ่เมตตาให้คนที่ดีกับเรามันง่ายกว่าเยอะ แต่จริงๆ แล้ว เป้าหมายของการแผ่เมตตามันไม่ได้อยู่ที่การไปเปลี่ยนแปลงใครเขา
แต่อยู่ที่การฝึกจิตใจตัวเองให้แข็งแกร่งและเบิกบานต่างหาก ถึงแม้บทแผ่เมตตามักจะพูดถึงการส่งความปรารถนาดีไปยังผู้อื่น แต่จริงๆ แล้วแก่นแท้คือการฝึกจิตของเราเองเพื่อให้ใจสงบ เข้มแข็งและเบิกบาน นั่นคือผลประโยชน์ที่แท้จริงที่เราได้รับจากการแผ่เมตตา
.
บ่อยครั้งที่เราแผ่เมตตาแบบหวังผล อยากให้เขารักเรา เคารพเรา หรือทำดีกับเรากลับมา...แต่นั่น...ไม่ใช่ใจความสำคัญของการแผ่เมตตาเลย การแผ่เมตตาที่แท้จริงคือการส่งความปรารถนาดีไป แบบไม่ต้องไปคาดหวังอะไรกลับมา มันเหมือนการฝึกจิตใจเราเอง ให้หลุดพ้นจากความหงุดหงิด ความโกรธ ความเกลียด อะไรพวกนี้ เหมือนเราออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี ดูเหมือนทำเพื่อร่างกาย แต่จริงๆ แล้วได้ความสุขใจกลับมา การแผ่เมตตาก็เช่นกัน ถึงจะเหมือนทำเพื่อคนอื่น แต่สุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์เต็มๆ คือตัวเราเอง
.
เวลาเราแผ่เมตตา เราไม่ได้ทำเพื่อใคร เราทำเพื่อตัวเองล้วนๆ เพื่อปลดล็อกจิตใจเราจากความรู้สึกแย่ๆ ไม่ให้จิตใจเราเป็นทาสของความขุ่นมัว ความเศร้าหมอง คิดซะว่าการแผ่เมตตาเป็นเหมือนเกราะป้องกันใจ ใครจะว่าไงก็ช่าง เมื่อใจเรายังสงบ ร่มเย็นสบายใจ นั้นแหละจิตที่เป็นอิสระ เราแค่ทำหน้าที่ส่งความปรารถนาดีออกไป ส่วนเขาจะรับหรือไม่รับ จะเปลี่ยนไปไหม ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องไปกังวลแล้ว เพราะเป้าหมายของเราคือการฝึกจิต ไม่ใช่การควบคุมคนอื่น
.
อีกอย่าง ความทุกข์ส่วนใหญ่มันมะงุมมะงาหราอยู่กับความพอใจและไม่พอใจนี่แหละ เราทุกข์เพราะเราอยากจะบังคับให้ทุกอย่างเป็นดั่งใจ ซึ่งการแผ่เมตตานี่แหละคือการฝึก #ปล่อยวาง ยอมรับความจริง แล้วสร้างความสงบในใจ พอใจเรามีสติ เจอเรื่องอะไรเราก็จะรับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมีสติปัญญา
#Siamstr