_59 on Nostr: ...

บันทึกเรื่องราว ตัวผมและ Bitcoin
ปี 2010
ความรู้ทางการเงิน = 0%
ความรู้ BTC =0%
ผมตอนนั้นเรียน มหาลัย รู้จัก BTC ครั้งแรก ผ่านข่าวการใช้ BTC ซื้อพิซซ่า ไม่แน่ใจว่าเป็นข่าวทาง facebook หรือทาง TV
ความรู้สึกในตอนนั้น รู้แค่ว่า BTC มันก็เป็นเงินดิจิตอล ที่ไกลตัว ไม่รู้หลอกลวงมั้ย ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก
ในตอนนั้นผมมีไปรับจ๊อบทำงานพิเศษ ได้เงินมาเล็กๆน้อยๆ ซึ่งเพื่อนคนหนึ่งก็บอกว่า "มึงซื้อ Bitcoin สิ"
ในหัวผมตอนนั้นคือ ผมไม่แน่ใจในเงินดิจิทอลตัวนี้ เป็นอาจจะเป็น scam เลิกสนใจมันไป
ปี 2013
ความรู้ทางการเงิน = 20%
ความรู้ BTC =0%
ผมเริ่มทำงาน และได้ศึกษาความรู้เกี่ยวกับการเงิน เริ่มมีเงินเก็บเล็กๆน้อยๆ
แน่นอนว่าเป็นการลงทุนในหุ้นไทย กองทุนรวม กองทุนดัชนี และมีการลดความเสี่ยงด้วยการซื้อประกันชีวิต ประกันสุขภาพ มีเงินสำรองฉุกเฉิน เริ่มเก็บเรื่อยๆ
ในส่วนของ BTC ตอนนั้นเคยไปดูกราฟราคา แล้วคิดเล่นๆว่า "ถ้าเราซื้อตั้งแต่ปี 2010 เราคงรวยไปแล้วเนอะ" แล้วก็ไม่ได้ติดตาม ไม่ได้สนใจ BTC อีกเลย
หลังจากนั้นผมก็พยายามทำงานเก็บเงิน
แต่ต้องยอมรับว่า ไม่มีความสม่ำเสมอ บางครั้งก็เก็บตามอารมณ์ บางครั้งมีเหตุให้ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ ผมก็ใช้ชีวิตทำงาน เที่ยวเล่นบ้าง ไปเรื่อยๆ
ปี 2017-2019
ความรู้ทางการเงิน = 20%
ความรู้ BTC =0%
ช่วงนี้ผมก็ใช้ชีวิตคล้ายๆช่วงปี 2013 เงินเก็บบ้าง ลงทุนบ้าง ใช้บ้างไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ผมมีเงินสำรองฉุกเฉินครบ 6 เดือนแล้ว
มีเพื่อนคนหนึ่ง เคยพูดกับผมว่า คนรู้จักของเขา ซื้อ BTC ทำกำไรได้เรื่อยๆนะ
ที่จริงน่าจะซื้อไว้ ผมก็เออๆ ไม่ได้สนใจอะไรอีก และยังไม่คิดที่จะศึกษาและซื้อ BTC (ผมพลาดการศึกษา และซื้อ BTC มาแล้วถึง 3 ครั้ง)
ปี 2020-2021
ความรู้ทางการเงิน = 25%
ความรู้ BTC =5%
2 ปี แห่งความยุ่งเหยิง ทั้งโรคระบาด เศรษฐกิจหยุดชะงัก ผมโดนออกจากงาน
ตอนนั้นมีเพื่อนอีกคน พูดว่า "มึง Bitcoin เหรียญละล้านแล้วนะ"
ผมก็เริ่มศึกษา แต่.... ผมดันไปลงพวก meme coin ,alt coin ,การลงทุนกับเกม play to win (ยังสยองและเข็ดกับคำว่า เกมต้นน้ำ จนถึงวันนี้)
ผมก็เสียเงินไปประมาณ 150,000 บาท กับ เกม play to win และเหรียญ alt coin หลายตัว และตอนนี้ เงินสำรองฉุกเฉินใช้จนหมด หน้ามืดและ FOMO จนหมด
ผมก็ต้องดิ้นรน จนหางานใหม่ได้ แต่เงินน้อยกว่าเดิม ตอนนี้คือต้องเริ่มเก็บเงินใหม่กันเลย จนทำให้ผมเริ่มศึกษา และแยกความแตกต่าง BTC กับ Alt coin ออกจากกัน (ต้องเจ็บ ต้องเสียเวลา เสียเงิน ก่อนถึงจะรู้สึก)
ในปีนี้ผมเริ่มรู้จักวิธีการโอนเหรียญ, รู้จัก exchange, wallet แบบต่างๆ
ปี 2022-2023
ความรู้ทางการเงิน = 25%
ความรู้ BTC =10%
ปี 2022 เป็นปีแรกที่เริ่มซื้อ BTC แต่ตอนนั้นผมซื้อแค่ 5,000 บาท ผ่าน exchange ของไทย เริ่มศึกษาข้อมูลมาเรื่อยๆ ด้วยตนเอง (รู้ว่ามันดีแต่ยังไม่ได้เข้าใจมาก)
ด้วยความที่ปีนี้ โควิดเพิ่งซา ทำให้ผมยังไม่ค่อยมีเงินซื้อมากนัก รวมถึงปี 2023 ผมเริ่มเป็นวัยกลางคนที่มีภาระทั้งครอบครัว และส่วนตัว
ทำให้เป็นปีที่พยายามเก็บเงินซื้อ BTC ได้ไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้งก็ซื้อแค่หลักพันบาท (เสียดายมาก)
ปี 2024-2025
ความรู้ทางการเงิน = 50%
ความรู้ BTC =20%
ปี 2024 เป็นปีแห่งการเบิกเนตร เมื่อผมเจอคลิป อาจารย์ตั๊ม และคลิปอื่นๆจากช่อง Right Shift สิ่งที่เปิดโลกผมมากที่สุดคือเรื่องระบบการเงิน การพิมพ์เงิน ความน่ากลัวและน่ารังเกียจของเงินเฟ้อ
มันมาตอบคำถามเราเลยว่า ทำไมเราตั้งใจทำงานมา 10 ปี เราไม่เห็นจะรวยขึ้นเลย คำตอบคือ เรานำเงินไปวางผิดที่ไงหล่ะ แถมยังโดนพิษเงินเฟ้อ การพิมพ์เงินเล่นงานด้วย (โดนควบคุมมาทั้งชีวิตไม่รู้ตัว)
ผมก็ศึกษา ดูคลิปมาเรื่อยๆ ปีนี้ผมเพิ่งมาเข้าใจว่า ทำไม BTC ถึงราคาสูงขนาดนี้
(ถ้าผมโชคดีได้ซื้อ BTC ในปี 2010 แต่ไม่มีชุดความรู้ของ Right Shift ที่รู้ในปี 2024 ผมก็คงขาย BTC ออกไปจนหมดอยู่ดี) เหมือนที่อาจารย์ตั๊มบอกว่า การทนถือยาว มันยากกว่าที่คิด
พอได้เห็น Bitcoin community ทางออนไลน์ และงานประชุม แถมได้เข้ามาอยู่ใน nostr มันทำให้ผมรู้สึกไม่ได้โดดเดี่ยว (เรามีผู้ร่วมชะตากรรมเยอะอยู่เหมือนกัน)
2 ปีนี้ผมเริ่ม DCA อย่างเป็นระบบ ด้วยเงินไม่มากต่อเดือน เก็บออมไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนดเวลา
ตอนนี้ ความคิดของผมต่อ BTC มันต่างไปจากเดิม จากตอนแรกมันคือ scam ถ้าจะเข้ามาก็ต้องขายออกให้เร็วตอนกำไรเยอะๆ แต่ตอนนี้ผมคิดว่า BTC มันคือ สินทรัพย์ที่ใช้เก็บมูลค่าได้ ป้องกันเงินเฟ้อ และทำให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้นในหลายมิติ
ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกันที่คิดว่า ถ้าเรา DCA BTC ไปเรื่อยๆ อีก 2-3 halving cycle
ตัวเราจะเป็นยังไง และ มูลค่าของ BTC ที่เราถ้าจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตเราขนาดไหน?
#btc #bitcoin #siamstr #nostr #rightshift