Jingjo on Nostr: ...
"การที่เฟดไม่เคยเลิกพิมพ์เงินตั้งแต่มันถือกำเนิดขึ้นมา และการที่อเมริกาพยายามครอบงำทั้งโลกด้วยจักรวรรดิดอลลาร์ ทำให้หลายประเทศต่างก็ดิ้นรนที่จะหนีออกจากระบบที่ไม่แฟร์นี้ ซึ่งตัวเลขมันก็ฟ้องชัดเจนแล้วว่าเงินดอลลาร์กำลังสูญเสียสถานะการเป็นสกุลเงินสำรองของโลก ถ้าประเทศไหนมีผู้นำมองการณ์ไกลหน่อยก็จะเลือกใช้บิตคอยน์เป็นทางเลือก ถ้าประเทศไหนผู้นำสายตาสั้นก็อาจจะวิ่งไปซบอกจักรวรรดิใหม่ ไม่ว่าจะจีน รัสเซีย อินเดีย หรือกลุ่มก้อนชาติมหาอำนาจไหนก็แล้วแต่ที่จ้องจะล้มอเมริกามานานแล้ว พี่ชิตก็อยากให้พวกเราอดทนให้ได้ในช่วงเวลาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ มันอาจไม่สวยงามนัก แต่มันจะให้รางวัลกับคนที่เข้าใจและอดทนรอได้
บิตคอยน์กำลังพาพวกเราเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ ซึ่งเมื่อเราพูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเงินก็จะมีแนวคิดแยกออกเป็น 2 แนวคือ “Revolution นิยม” กับ “Evolution นิยม” กลุ่มแรกอย่างพวก Revolution นิยมเนี่ยอยากจะกำจัดตัวกลางทิ้งให้สิ้นซากไปซะ เพราะเชื่อว่าธนาคารและสถาบันทางการเงินที่เป็นระบบรวมศูนย์คือต้นตอของวิกฤตทางการเงินที่ทำลายผู้คนซ้ำแล้วซ้ำเล่า และควรปล่อยให้ทุกอย่างจัดการด้วยโค้ดซึ่งเรียกว่า smart contract ที่รันอยู่บนบล็อกเชนของบิตคอยน์เท่านั้น
แต่ส่วนตัวพี่ชิตเองยังเป็นพวก Evolution นิยม คือพี่ชิตคิดว่าเรายังจำเป็นต้องมีองค์กรหรือสถาบันทางการเงินอยู่ แต่มันจะต้องเป็นสถาบันทางการเงินสายพันธุ์ใหม่ที่ทำตัวคล่องแคล่วรวดเร็ว และดำเนินธุรกิจอย่างมีสัจจะ โปร่งใสตรวจสอบได้ เน้นไปที่การอำนวยความสะดวกในการจับคู่คนที่มีเงินทุนและคนต้องการกู้เงินเป็นหลัก ตัวมันต้องมีโครงสร้างดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ที่สมเหตุสมผลเป็นไปตามกลไกของตลาด มันจะต้องไม่ใหญ่โตเทอะทะอย่างที่ธนาคารเป็นอยู่ในปัจจุบัน
โดยพี่ชิตมีอยู่ 2 เหตุผลที่ทำให้คิดว่าองค์กรหรือสถาบันทางการเงินยังมีความจำเป็นในยุคเศรษฐกิจบนมาตรฐานบิตคอยน์ เหตุผลแรกเลยก็คือ ให้พวกเราลองคิดถึงคนรอบตัวอย่างพ่อแม่และญาติพี่น้องที่เขายังปรับตัวไม่ได้ หรืออาจไม่มีวันปรับได้ การมีองค์กรพวกนี้จะสร้างความมั่นใจ เพราะยังไงพวกเขาก็ยังอยากเห็นหน้าเห็นตาพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการทางการเงินอยู่เหมือนแต่ก่อน หรือแม้แต่พวกเขาอาจจะได้ทำธุรกรรมผ่านระบบบิตคอยน์โดยไม่รู้ตัว รู้แค่ว่ากดโอนเงินแล้วมันก็โอนไปได้ง่าย ๆ ไม่ต่างอะไรกับกดส่งสติกเกอร์สวัสดีวันจันทร์ ซึ่งสถาบันการเงินสามารถช่วยอำนวยความสะดวกเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้ และเหตุผลที่สองก็คือ หาก smart contract เกิดมีบั๊กหรือทำงานผิดพลาดขึ้นมาจนเกิดความเสียหายต่อเงินของกู อย่างน้อยพี่ชิตยังรู้ว่าจะไปกระทืบใครได้! ฮ่าๆๆๆๆๆ"
~บางส่วนบางตอนจากหนังสือ
"เงินเฟ้อคือคดีอาญา"
บทที่ 9 : สังคมเจริญ เมื่อเงินเลิกตอแหล
++++++++++
วี้กนี้เตรียมพรินต์ส่งให้พี่ชิตรีวิวและแอพพรูฟ ก็จะเหลืออีกแค่ 2 บทก็จบเล่มแล้ว
ระหว่างนี้เบรกไปไฟนอลพรูฟ Bitcoin Diploma ต่อก่อน เด๊ดไลน์จ่อคอหอยเหลือเกิ๊นนนนน
เป็นกำไลจุงให้ผมและทีมงานด้วยนะฮะ เริ่มเหนื่อย 5555
#siamstr
บิตคอยน์กำลังพาพวกเราเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ ซึ่งเมื่อเราพูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางด้านการเงินก็จะมีแนวคิดแยกออกเป็น 2 แนวคือ “Revolution นิยม” กับ “Evolution นิยม” กลุ่มแรกอย่างพวก Revolution นิยมเนี่ยอยากจะกำจัดตัวกลางทิ้งให้สิ้นซากไปซะ เพราะเชื่อว่าธนาคารและสถาบันทางการเงินที่เป็นระบบรวมศูนย์คือต้นตอของวิกฤตทางการเงินที่ทำลายผู้คนซ้ำแล้วซ้ำเล่า และควรปล่อยให้ทุกอย่างจัดการด้วยโค้ดซึ่งเรียกว่า smart contract ที่รันอยู่บนบล็อกเชนของบิตคอยน์เท่านั้น
แต่ส่วนตัวพี่ชิตเองยังเป็นพวก Evolution นิยม คือพี่ชิตคิดว่าเรายังจำเป็นต้องมีองค์กรหรือสถาบันทางการเงินอยู่ แต่มันจะต้องเป็นสถาบันทางการเงินสายพันธุ์ใหม่ที่ทำตัวคล่องแคล่วรวดเร็ว และดำเนินธุรกิจอย่างมีสัจจะ โปร่งใสตรวจสอบได้ เน้นไปที่การอำนวยความสะดวกในการจับคู่คนที่มีเงินทุนและคนต้องการกู้เงินเป็นหลัก ตัวมันต้องมีโครงสร้างดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ที่สมเหตุสมผลเป็นไปตามกลไกของตลาด มันจะต้องไม่ใหญ่โตเทอะทะอย่างที่ธนาคารเป็นอยู่ในปัจจุบัน
โดยพี่ชิตมีอยู่ 2 เหตุผลที่ทำให้คิดว่าองค์กรหรือสถาบันทางการเงินยังมีความจำเป็นในยุคเศรษฐกิจบนมาตรฐานบิตคอยน์ เหตุผลแรกเลยก็คือ ให้พวกเราลองคิดถึงคนรอบตัวอย่างพ่อแม่และญาติพี่น้องที่เขายังปรับตัวไม่ได้ หรืออาจไม่มีวันปรับได้ การมีองค์กรพวกนี้จะสร้างความมั่นใจ เพราะยังไงพวกเขาก็ยังอยากเห็นหน้าเห็นตาพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการทางการเงินอยู่เหมือนแต่ก่อน หรือแม้แต่พวกเขาอาจจะได้ทำธุรกรรมผ่านระบบบิตคอยน์โดยไม่รู้ตัว รู้แค่ว่ากดโอนเงินแล้วมันก็โอนไปได้ง่าย ๆ ไม่ต่างอะไรกับกดส่งสติกเกอร์สวัสดีวันจันทร์ ซึ่งสถาบันการเงินสามารถช่วยอำนวยความสะดวกเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้ และเหตุผลที่สองก็คือ หาก smart contract เกิดมีบั๊กหรือทำงานผิดพลาดขึ้นมาจนเกิดความเสียหายต่อเงินของกู อย่างน้อยพี่ชิตยังรู้ว่าจะไปกระทืบใครได้! ฮ่าๆๆๆๆๆ"
~บางส่วนบางตอนจากหนังสือ
"เงินเฟ้อคือคดีอาญา"
บทที่ 9 : สังคมเจริญ เมื่อเงินเลิกตอแหล
++++++++++
วี้กนี้เตรียมพรินต์ส่งให้พี่ชิตรีวิวและแอพพรูฟ ก็จะเหลืออีกแค่ 2 บทก็จบเล่มแล้ว
ระหว่างนี้เบรกไปไฟนอลพรูฟ Bitcoin Diploma ต่อก่อน เด๊ดไลน์จ่อคอหอยเหลือเกิ๊นนนนน
เป็นกำไลจุงให้ผมและทีมงานด้วยนะฮะ เริ่มเหนื่อย 5555
#siamstr