realeakkrit on Nostr: สรุปสั้นๆของ Session พี่ทิว เรื่ิอง ...
สรุปสั้นๆของ Session พี่ทิว เรื่ิอง Michael Saylor EP.1
พี่ทิวเริ่มต้นจากการอธิบายว่า ความเข้าใจที่ #MSTR กู้เงินมาซื้อ #BTC นั้นเป็นเรื่องเก่า เพราะปัจจุบันไม่มีการนำ BTC ไปค้ำประกันเพื่อนำเงินมาซื้อ BTC เพิ่มอีกแล้ว
MSTR ใช้วิธีออกหุ้นกู้ดอก 0% เป็นเวลา 5 ปี และมีอัตราส่วนลดที่ 55% ซึ่งจะเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้ถือหุ้นกู้ในการแปลงสิทธิในอนาคต เปรียบเสมือน Call Options (ประกันความเสี่ยงในกรณีหุ้นขึ้น แต่นักลงทุนจะซื้อหุ้นได้ในราคาเดิม) ซึ่งนักลงทุนไม่ต้องจ่ายค่า Premium (ค่าประกัน) เพราะ MSTR สัญญาว่าหากไม่สามารถใช้สิทธิได้ บริษัทจะคืนเงินเต็มจำนวน
ซึ่งสำหรับคนฝั่ง Traditional Finance มันคือการได้ Call Option ฟรีๆ โดย Call Option จะมีค่ามากก็ต่อเมื่อมี Volatility (ความผันผวน) ในหุ้นสูง การที่ MSTR ทำการออกหุ้นกู้เพื่อซื้อ BTC ซึ่ง Volatility สูงอยู่แล้ว จึงเป็นการเพิ่ม Volatility ให้หุ้นตัวเองด้วย
สำหรับ Trader มืออาชีพ จะมีวิธีการทำ Delta Hedging พูดง่ายๆคือหุ้นขึ้นก็ได้กำไร หุ้นลงก็ได้กำไร ซึ่งจะทำได้ในหุ้นที่ Volatility สูงๆ โดยขาหนึ่งเป็นการซื้อหุ้นกู้(ซึ่งก็คือ Call Option) และอีกขาหนึ่งทำการ Short หุ้นเอาไว้ ไม่ว่าจะทางไหนก็ได้กำไรเสมอ ถ้าพูดแบบลุงนิคคือเทรดเอาขนมขี้แมว แต่อย่าลืมว่าขนมขี้แมวของกองทุนมันใหญ่มาก ดังนั้นมันถึงสามารถดึงเงินกองทุนเข้ามาเพื่อทำ Arbitrage ได้โดยไม่ยาก
ส่วนผู้ถือหุ้นเก่า ปกติต้องเสียเปรียบเพราะเมื่อเจ้าหนี้หุ้นกู้เปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญ สัดส่วนการถือครองทรัพย์สินในบริษัทต้องเสียไปด้วย แต่เผอิญว่าบริษัทกู้มาซื้อ BTC ได้เรื่อยๆ ดังนั้นแม้เปอร์เซนต์การเป็นเจ้าของบริษัทลดลง แต่กลับได้จำนวน BTC / หุ้น ที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นเกมนี้มีแต่ได้กับได้ เพราะบริษัทได้เงินจากกองทุนที่เทรดเอาขนมขี้แมว เอามาถมให้บริษัทซื้อ BTC เพิ่ม และหาก Volatility ลดลง MSTR ก็เพิ่มสัดส่วนการ Leverage ให้มากขึ้นเพื่อยังทำให้ Volatility เท่าเดิม ส่วนคนที่เข้าใจ BTC ก็จะได้ประโยชน์จากการถือ MSTR ในระยะยาว
สรุปตอนจบรายการ พี่ทิวบอกว่าอยากจะกู้มาทำแบบ #Saylor ก็ดูดีๆเพราะถ้าต้องเสียดอกเบี้ย ต้องหาเงินมาใช้หนี้ เราจะอยู่คนละสถานการณ์กับ Saylor ซึ่งไม่มีดอกเบี้ย แถมออกหุ้นกูได้เรื่อยๆ ซึ่งผมก็เห็นด้วยและเคยตอบคำถามกับคนที่มาถามในห้อง #Moymod ในลักษณะนี้ไปแล้ว
ตอนต่อไปผมเลยอยากเอามุมมองผมบ้างว่าถ้าจะเร่งแบบ F22 นั่นคือทำแบบ Saylor ไม่ได้ คุณจะทำยังไงเพื่อรีดประสิทธิภาพให้อย่างมากเท่ากับ F16 หรืออย่างน้อยๆก็เท่ากับเครื่องบินใบพัดในสมัยสงครามโลก ซึ่งก็ยังดีกว่าคนทั่วไปที่ยังไม่คิดจะออกเดินหรือทำได้อย่างดีก็แค่วิ่ง
#siamstr
พี่ทิวเริ่มต้นจากการอธิบายว่า ความเข้าใจที่ #MSTR กู้เงินมาซื้อ #BTC นั้นเป็นเรื่องเก่า เพราะปัจจุบันไม่มีการนำ BTC ไปค้ำประกันเพื่อนำเงินมาซื้อ BTC เพิ่มอีกแล้ว
MSTR ใช้วิธีออกหุ้นกู้ดอก 0% เป็นเวลา 5 ปี และมีอัตราส่วนลดที่ 55% ซึ่งจะเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้ถือหุ้นกู้ในการแปลงสิทธิในอนาคต เปรียบเสมือน Call Options (ประกันความเสี่ยงในกรณีหุ้นขึ้น แต่นักลงทุนจะซื้อหุ้นได้ในราคาเดิม) ซึ่งนักลงทุนไม่ต้องจ่ายค่า Premium (ค่าประกัน) เพราะ MSTR สัญญาว่าหากไม่สามารถใช้สิทธิได้ บริษัทจะคืนเงินเต็มจำนวน
ซึ่งสำหรับคนฝั่ง Traditional Finance มันคือการได้ Call Option ฟรีๆ โดย Call Option จะมีค่ามากก็ต่อเมื่อมี Volatility (ความผันผวน) ในหุ้นสูง การที่ MSTR ทำการออกหุ้นกู้เพื่อซื้อ BTC ซึ่ง Volatility สูงอยู่แล้ว จึงเป็นการเพิ่ม Volatility ให้หุ้นตัวเองด้วย
สำหรับ Trader มืออาชีพ จะมีวิธีการทำ Delta Hedging พูดง่ายๆคือหุ้นขึ้นก็ได้กำไร หุ้นลงก็ได้กำไร ซึ่งจะทำได้ในหุ้นที่ Volatility สูงๆ โดยขาหนึ่งเป็นการซื้อหุ้นกู้(ซึ่งก็คือ Call Option) และอีกขาหนึ่งทำการ Short หุ้นเอาไว้ ไม่ว่าจะทางไหนก็ได้กำไรเสมอ ถ้าพูดแบบลุงนิคคือเทรดเอาขนมขี้แมว แต่อย่าลืมว่าขนมขี้แมวของกองทุนมันใหญ่มาก ดังนั้นมันถึงสามารถดึงเงินกองทุนเข้ามาเพื่อทำ Arbitrage ได้โดยไม่ยาก
ส่วนผู้ถือหุ้นเก่า ปกติต้องเสียเปรียบเพราะเมื่อเจ้าหนี้หุ้นกู้เปลี่ยนเป็นหุ้นสามัญ สัดส่วนการถือครองทรัพย์สินในบริษัทต้องเสียไปด้วย แต่เผอิญว่าบริษัทกู้มาซื้อ BTC ได้เรื่อยๆ ดังนั้นแม้เปอร์เซนต์การเป็นเจ้าของบริษัทลดลง แต่กลับได้จำนวน BTC / หุ้น ที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นเกมนี้มีแต่ได้กับได้ เพราะบริษัทได้เงินจากกองทุนที่เทรดเอาขนมขี้แมว เอามาถมให้บริษัทซื้อ BTC เพิ่ม และหาก Volatility ลดลง MSTR ก็เพิ่มสัดส่วนการ Leverage ให้มากขึ้นเพื่อยังทำให้ Volatility เท่าเดิม ส่วนคนที่เข้าใจ BTC ก็จะได้ประโยชน์จากการถือ MSTR ในระยะยาว
สรุปตอนจบรายการ พี่ทิวบอกว่าอยากจะกู้มาทำแบบ #Saylor ก็ดูดีๆเพราะถ้าต้องเสียดอกเบี้ย ต้องหาเงินมาใช้หนี้ เราจะอยู่คนละสถานการณ์กับ Saylor ซึ่งไม่มีดอกเบี้ย แถมออกหุ้นกูได้เรื่อยๆ ซึ่งผมก็เห็นด้วยและเคยตอบคำถามกับคนที่มาถามในห้อง #Moymod ในลักษณะนี้ไปแล้ว
ตอนต่อไปผมเลยอยากเอามุมมองผมบ้างว่าถ้าจะเร่งแบบ F22 นั่นคือทำแบบ Saylor ไม่ได้ คุณจะทำยังไงเพื่อรีดประสิทธิภาพให้อย่างมากเท่ากับ F16 หรืออย่างน้อยๆก็เท่ากับเครื่องบินใบพัดในสมัยสงครามโลก ซึ่งก็ยังดีกว่าคนทั่วไปที่ยังไม่คิดจะออกเดินหรือทำได้อย่างดีก็แค่วิ่ง
#siamstr