Cryptotica😺🟠✨ on Nostr: BITS HISTORY: 🟠 Henry Ford Bitcoin concept !?? . "Ford would replace gold with ...
BITS HISTORY: 🟠 Henry Ford Bitcoin concept !??
.
"Ford would replace gold with energy currency and stop wars."
.
This was 103 years ago.
.
คอนเซปต์เกี่ยวกับ เงินแบบใหม่ คล้ายกับ "บิตคอยน์" ก็เริ่มมีการคิดกันตั้งแต่ 100 ปี ก่อน 🙀
.
เขาใช้คำว่า "Energy Currency" ทำไมถึงคิดเช่นนั้น และคอนเซปต์นี้ยังคงมีอิทธิพลจนถึงการกำเนิด บิตคอยน์ในปัจจุบันได้อย่างไร...
.
ในปี ค.ศ. 1921 เฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford) ผู้ปฏิวัติวงการยานยนต์ และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Ford Motor Company ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการสร้าง "Energy Currency" หรือ "สกุลเงินพลังงาน" ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับแนวคิดของสกุลเงินดิจิทัลอย่าง บิตคอยน์
.
ฟอร์ดเชื่อว่าเงินที่อิงกับพลังงานสามารถแทนที่ทองคำได้ .. ช่วยลดความขัดแย้งได้บ้าง รวมถึงอาจจะยุติสาเหตุของสงครามที่มักเกิดจากการแย่งชิงทรัพยากร และทองคำ
.
- แรงจูงใจเบื้องหลังของฟอร์ด 🏎️
1. ผลกระทบจากระบบเศรษฐกิจที่ผูกกับทองคำ:🪙
ในยุคนั้น ระบบเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังคงผูกติดกับมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) ซึ่งฟอร์ดมองว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเหลื่อมล้ำ เพราะทองคำมักถูกกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มประเทศที่มั่งคั่ง การขาดแคลนทองคำในบางพื้นที่ จึงนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
.
ฟอร์ดเสนอว่า “พลังงาน” เนี่ยล่ะ คือทรัพยากรที่ทุกประเทศสามารถผลิตได้ และจะเป็นสื่อกลางที่ยุติธรรมกว่าในการวัดมูลค่า ✨
.
2. การลดทอนอิทธิพลของระบบธนาคาร:🏦
ฟอร์ดเริ่มไม่ไว้วางใจในระบบธนาคาร โดยเฉพาะกลุ่มนายทุนที่ควบคุมการไหลเวียนของทองคำ เขาเชื่อว่าระบบ "Energy Currency" จะช่วยคืนอำนาจทางการเงินให้กับคนทั่วไป และลดการพึ่งพาธนาคาร หรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่
.
3. ระบบที่ยั่งยืน:🌲
พลังงาน โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้า กำลังเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงเวลานั้น ฟอร์ด มองว่า "การใช้พลังงานเป็นมาตรวัดมูลค่าจะช่วยกระตุ้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และเป็นการส่งเสริมโลกที่ยั่งยืนมากขึ้น.." 🚀
.
.
หลักการของ “Energy Currency” ⚡
ฟอร์ดเสนอให้สร้างสกุลเงินที่มีหน่วยวัดมูลค่าจากพลังงาน เช่น กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kilowatt-hour) ซึ่งสามารถแปลงค่าได้จากพลังงานที่ผลิตในโรงไฟฟ้า
.
แนวคิดนี้จะทำให้มูลค่าเงินถูกกำหนดโดยทรัพยากรที่จับต้องได้และสร้างได้จริง ไม่ใช่ทองคำที่มีข้อจำกัด
- การสะท้อนกับแนวคิดบิตคอยน์ 🟠✨
สกุลเงินดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ในปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกับแนวคิดของฟอร์ด เนื่องจากบิตคอยน์ใช้พลังงานในการ “ขุด” (mining) และมีระบบการจัดการมมูลค่าผ่านกระบวนการที่กระจายศูนย์ (decentralized system) โดยลดทอนการควบคุมจากรัฐ และธนาคารกลาง
แนวคิดของฟอร์ดในการลดบทบาทของทองคำสะท้อนให้เห็นถึง "ปรัชญาของสกุลเงินดิจิทัล" ที่มุ่งสร้างระบบการเงินที่เป็นอิสระ และโปร่งใสมากขึ้น
- แรงผลักดันจากสภาพสังคมและเศรษฐกิจในยุคนั้น 🏚️
ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงเวลาหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว หลายประเทศต้องเผชิญกับปัญหาภาระหนี้ และการขาดแคลนทรัพยากร
แนวคิดของฟอร์ดถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่แปลกใหม่ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยจะเข้าตากลุ่มผู้มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจในระบบดั้งเดิม..🕴️
- ข้อจำกัดที่ทำให้แนวคิดนี้ไม่ถูกนำไปใช้ 🧱
ยุคนั้น เทคโนโลยีการสื่อสาร และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานยังไม่เพียงพอที่จะรองรับการใช้พลังงานเป็นหน่วยวัดมูลค่าสากล
มีการต่อต้านจากกลุ่มผู้มีอำนาจทางการเงินซึ่งได้ประโยชน์จากระบบมาตรฐานทองคำ🎩
.
ท้ายที่สุด:
แม้แนวคิด “Energy Currency” ของเฮนรี ฟอร์ด จะไม่ได้รับการพัฒนาในยุคนั้น แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามถึงระบบการเงินแบบดั้งเดิม
แนวคิดนี้ยังสะท้อนถึงการมองการณ์ไกลของฟอร์ดที่เล็งเห็นความสำคัญของพลังงานในฐานะทรัพยากรที่ขับเคลื่อนโลก ซึ่งอาจคล้ายคลึงกับแนวคิดของ ซาโตชิ นากาโมโตะ ผู้ให้กำเนิดบิตคอยน์ในปัจจุบัน..
เราจะเห็นว่า บิตคอยน์ ในปัจจุบันเริ่มให้ผลลัพธ์ ที่ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่ฟอร์ดเคยมองไว้ เช่น บิตคอยน์ ใช้พลังงานในการผลิต เท่ากับว่า บิตคอยน์ เปรียบเสมือน "มาตรวัดมูลค่าพลังงาน" และมันทำให้เกิดการพลักดัน โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ถูกลง และสะอาดขึ้น เป็นต้น...
🫸🟠🫷⚡
.
#bitcoin #bitshistory #cryptoschool #cryptocurrency #Blockchain #cryptotica
.
"Ford would replace gold with energy currency and stop wars."
.
This was 103 years ago.
.
คอนเซปต์เกี่ยวกับ เงินแบบใหม่ คล้ายกับ "บิตคอยน์" ก็เริ่มมีการคิดกันตั้งแต่ 100 ปี ก่อน 🙀
.
เขาใช้คำว่า "Energy Currency" ทำไมถึงคิดเช่นนั้น และคอนเซปต์นี้ยังคงมีอิทธิพลจนถึงการกำเนิด บิตคอยน์ในปัจจุบันได้อย่างไร...
.
ในปี ค.ศ. 1921 เฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford) ผู้ปฏิวัติวงการยานยนต์ และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Ford Motor Company ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการสร้าง "Energy Currency" หรือ "สกุลเงินพลังงาน" ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับแนวคิดของสกุลเงินดิจิทัลอย่าง บิตคอยน์
.
ฟอร์ดเชื่อว่าเงินที่อิงกับพลังงานสามารถแทนที่ทองคำได้ .. ช่วยลดความขัดแย้งได้บ้าง รวมถึงอาจจะยุติสาเหตุของสงครามที่มักเกิดจากการแย่งชิงทรัพยากร และทองคำ
.
- แรงจูงใจเบื้องหลังของฟอร์ด 🏎️
1. ผลกระทบจากระบบเศรษฐกิจที่ผูกกับทองคำ:🪙
ในยุคนั้น ระบบเศรษฐกิจส่วนใหญ่ยังคงผูกติดกับมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) ซึ่งฟอร์ดมองว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเหลื่อมล้ำ เพราะทองคำมักถูกกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มประเทศที่มั่งคั่ง การขาดแคลนทองคำในบางพื้นที่ จึงนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
.
ฟอร์ดเสนอว่า “พลังงาน” เนี่ยล่ะ คือทรัพยากรที่ทุกประเทศสามารถผลิตได้ และจะเป็นสื่อกลางที่ยุติธรรมกว่าในการวัดมูลค่า ✨
.
2. การลดทอนอิทธิพลของระบบธนาคาร:🏦
ฟอร์ดเริ่มไม่ไว้วางใจในระบบธนาคาร โดยเฉพาะกลุ่มนายทุนที่ควบคุมการไหลเวียนของทองคำ เขาเชื่อว่าระบบ "Energy Currency" จะช่วยคืนอำนาจทางการเงินให้กับคนทั่วไป และลดการพึ่งพาธนาคาร หรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่
.
3. ระบบที่ยั่งยืน:🌲
พลังงาน โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้า กำลังเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงเวลานั้น ฟอร์ด มองว่า "การใช้พลังงานเป็นมาตรวัดมูลค่าจะช่วยกระตุ้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และเป็นการส่งเสริมโลกที่ยั่งยืนมากขึ้น.." 🚀
.
.
หลักการของ “Energy Currency” ⚡
ฟอร์ดเสนอให้สร้างสกุลเงินที่มีหน่วยวัดมูลค่าจากพลังงาน เช่น กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kilowatt-hour) ซึ่งสามารถแปลงค่าได้จากพลังงานที่ผลิตในโรงไฟฟ้า
.
แนวคิดนี้จะทำให้มูลค่าเงินถูกกำหนดโดยทรัพยากรที่จับต้องได้และสร้างได้จริง ไม่ใช่ทองคำที่มีข้อจำกัด
- การสะท้อนกับแนวคิดบิตคอยน์ 🟠✨
สกุลเงินดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ในปัจจุบันมีความคล้ายคลึงกับแนวคิดของฟอร์ด เนื่องจากบิตคอยน์ใช้พลังงานในการ “ขุด” (mining) และมีระบบการจัดการมมูลค่าผ่านกระบวนการที่กระจายศูนย์ (decentralized system) โดยลดทอนการควบคุมจากรัฐ และธนาคารกลาง
แนวคิดของฟอร์ดในการลดบทบาทของทองคำสะท้อนให้เห็นถึง "ปรัชญาของสกุลเงินดิจิทัล" ที่มุ่งสร้างระบบการเงินที่เป็นอิสระ และโปร่งใสมากขึ้น
- แรงผลักดันจากสภาพสังคมและเศรษฐกิจในยุคนั้น 🏚️
ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงเวลาหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว หลายประเทศต้องเผชิญกับปัญหาภาระหนี้ และการขาดแคลนทรัพยากร
แนวคิดของฟอร์ดถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่แปลกใหม่ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ค่อยจะเข้าตากลุ่มผู้มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจในระบบดั้งเดิม..🕴️
- ข้อจำกัดที่ทำให้แนวคิดนี้ไม่ถูกนำไปใช้ 🧱
ยุคนั้น เทคโนโลยีการสื่อสาร และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานยังไม่เพียงพอที่จะรองรับการใช้พลังงานเป็นหน่วยวัดมูลค่าสากล
มีการต่อต้านจากกลุ่มผู้มีอำนาจทางการเงินซึ่งได้ประโยชน์จากระบบมาตรฐานทองคำ🎩
.
ท้ายที่สุด:
แม้แนวคิด “Energy Currency” ของเฮนรี ฟอร์ด จะไม่ได้รับการพัฒนาในยุคนั้น แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งคำถามถึงระบบการเงินแบบดั้งเดิม
แนวคิดนี้ยังสะท้อนถึงการมองการณ์ไกลของฟอร์ดที่เล็งเห็นความสำคัญของพลังงานในฐานะทรัพยากรที่ขับเคลื่อนโลก ซึ่งอาจคล้ายคลึงกับแนวคิดของ ซาโตชิ นากาโมโตะ ผู้ให้กำเนิดบิตคอยน์ในปัจจุบัน..
เราจะเห็นว่า บิตคอยน์ ในปัจจุบันเริ่มให้ผลลัพธ์ ที่ตรงตามคอนเซ็ปต์ที่ฟอร์ดเคยมองไว้ เช่น บิตคอยน์ ใช้พลังงานในการผลิต เท่ากับว่า บิตคอยน์ เปรียบเสมือน "มาตรวัดมูลค่าพลังงาน" และมันทำให้เกิดการพลักดัน โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ถูกลง และสะอาดขึ้น เป็นต้น...
🫸🟠🫷⚡
.
#bitcoin #bitshistory #cryptoschool #cryptocurrency #Blockchain #cryptotica
