maiakee on Nostr: ...

🪷ละนันทิเป็นอริยบุคคล: อธิบายพระสูตรโดยละเอียด
“นันทิ” คือ ความเพลิดเพลิน ความพอใจ ความติดใจในสิ่งทั้งหลาย ซึ่งเป็นรากฐานของอุปาทาน (ความยึดมั่นถือมั่น) และเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร การละนันทิจึงเป็นกระบวนการสำคัญในการเข้าสู่มรรคผลนิพพาน
๑. พระสูตรว่าด้วยนันทิ และเหตุที่ต้องละนันทิ
๑.๑ นันทิเป็นเหตุแห่งทุกข์
ใน สังยุตตนิกาย นิทานวรรค พระพุทธองค์ตรัสถึงกระบวนการของปฏิจจสมุปบาทว่า
“นันทิชาโย อวิชฺชาปจฺจยา โหติ”
(นันทิเกิดขึ้นเพราะอวิชชา)
นันทิเกิดขึ้นจากอวิชชา (ความไม่รู้แจ้งในอริยสัจ ๔) และเป็นเหตุให้เกิดตัณหา อุปาทาน และภพ ซึ่งนำไปสู่การเกิดใหม่และทุกข์ในวัฏฏะ
ตัวอย่าง
สมมติว่าชายคนหนึ่งเกิดความเพลิดเพลินในรสชาติของอาหาร เขาติดใจในรสชาติ และอยากกินอีก เมื่อไม่ได้กินก็เกิดความทุกข์ อารมณ์หงุดหงิดใจ นี่คือลักษณะของนันทิที่ก่อทุกข์
๑.๒ นันทิเป็นเครื่องหลอกลวงให้ติดอยู่ในวัฏสงสาร
ใน องคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“นันทิราคสมุทฺคโต ยํ ลทฺธา น ตฺริยติ ตํ ปุน ลภิตุกาโม โหติ”
(บุคคลผู้ถูกนันทิและราคะครอบงำ เมื่อได้สิ่งหนึ่งแล้วก็ไม่อิ่ม อยากได้อีกต่อไป)
นันทิเป็นเหมือนเปลวไฟที่ไม่เคยดับ การแสวงหาความสุขทางโลกจึงไม่จบสิ้น ทำให้สัตว์เวียนว่ายในวัฏสงสาร
ตัวอย่าง
บุคคลที่ร่ำรวยแล้วก็ยังต้องการทรัพย์มากขึ้น แม้จะมีทุกอย่างก็ยังไม่มีความพอใจ
๒. วิธีละนันทิด้วยปัญญา ตามพระสูตร
๒.๑ เห็นโทษของนันทิในกามคุณ
ใน ขุททกนิกาย ธัมมปทา พระพุทธองค์ตรัสว่า
“กามสุ มธุวณฺณินํ โส มูลํ ทุกฺขสฺส”
(กามคุณเป็นของหวานชวนให้เพลิดเพลิน แต่เป็นรากเหง้าของทุกข์)
บุคคลพึงเห็นว่า กามคุณมีลักษณะเหมือนน้ำผึ้งที่ชโลมใบมีดโกน แม้มีรสหวาน แต่กลับทำให้บาดเจ็บและเป็นอันตราย
ตัวอย่าง
ชายคนหนึ่งหลงรักหญิงสาว เมื่อรักก็เกิดนันทิ เพลิดเพลินในรูป เสียง กลิ่น สัมผัส แต่เมื่อวันหนึ่งเขาถูกทอดทิ้ง เขาก็ต้องเจ็บปวด
๒.๒ พิจารณาไตรลักษณ์ให้เห็นชัด
ใน มหาสติปัฏฐานสูตร พระพุทธเจ้าตรัสถึงการเห็นไตรลักษณ์ว่า
“สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ สงฺขารา ทุกฺขา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา”
(สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา)
เมื่อพิจารณาตามนี้ บุคคลย่อมเบื่อหน่ายและคลายกำหนัดในโลก
ตัวอย่าง
เมื่อชายผู้รักหญิงสาวพิจารณาว่าความงามของเธอไม่เที่ยง วันหนึ่งร่างกายจะเหี่ยวย่น ไม่จีรัง ย่อมช่วยให้ลดนันทิลงได้
๒.๓ ใช้มรรคมีองค์แปดเป็นเครื่องมือ
พระพุทธองค์ตรัสว่า
“เอเสว มคฺโค นตฺถญฺโญ”
(ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ไม่มีทางอื่น)
การละนันทิให้เด็ดขาด ต้องดำเนินตาม อริยมรรคมีองค์แปด โดยเฉพาะ
• สัมมาทิฏฐิ (เห็นถูกว่า นันทิเป็นเหตุแห่งทุกข์)
• สัมมาสติ (ระลึกรู้เท่าทันนันทิขณะเกิดขึ้น)
• สัมมาสมาธิ (ตั้งจิตมั่นไม่หวั่นไหวในกาม)
๓. นันทิทำให้จิตเคลื่อนไหวเร็ว และเปรียบเทียบความเร็วของจิต
๓.๑ ความเร็วของจิตที่ยังมีนันทิ
ใน องคุตตรนิกาย พระพุทธองค์ตรัสว่า
“จิตฺตํ ทุทฺทมํ ทุรนฺวยํ”
(จิตนี้ฝึกได้ยาก ควบคุมได้ยาก)
และทรงเปรียบเทียบความเร็วของจิตว่าเร็วกว่าสิ่งเหล่านี้:
1. เร็วกว่านักธนูยิงลูกศร 4 ดอกติดกัน
2. เร็วกว่าพระอาทิตย์และพระจันทร์โคจรไปบนฟ้า
3. เร็วกว่าการเคลื่อนที่ของเทวดา
4. เร็วกว่าสังขารใดๆ ในโลก
ตัวอย่าง
ขณะที่บุคคลได้ยินเสียงดนตรีไพเราะ เขารู้สึกเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัว ความคิดพุ่งไปสู่ความพอใจและปรุงแต่งต่อไปอย่างรวดเร็ว
๔. การละนันทิกับเครื่องผูกแห่งภพ
๔.๑ เครื่องผูกที่เหนียวแน่น
ใน สังยุตตนิกาย พระพุทธองค์ตรัสถึง เครื่องผูก 5 อย่าง (สัญโญชน์) ได้แก่
1. กามราคะ (ความติดใจในกาม)
2. ภวราคะ (ความยึดมั่นในภพ)
3. ทิฏฐิ (ความเห็นผิด)
4. มานะ (ความถือตัว)
5. อวิชชา (ความไม่รู้จริง)
ตัวอย่าง
บุคคลที่ติดอยู่ในชื่อเสียงและอำนาจ ย่อมเป็นเหมือนนกติดตาข่ายเครื่องผูก พยายามดิ้นรนแต่ไม่หลุดออกจากวัฏสงสาร
๕. บทสรุป (ครึ่งแรก)
การละนันทิเป็นเงื่อนไขสำคัญของการบรรลุอริยมรรค บุคคลต้องเห็นโทษของนันทิในกามคุณ ใช้ไตรลักษณ์พิจารณาความจริง ฝึกจิตให้สงบและดำเนินตามมรรคมีองค์แปด เมื่อทำได้เช่นนี้ นันทิจะดับไปโดยสิ้นเชิง
พระพุทธองค์ตรัสว่า
“โย ปุริโส ปุริสัญฺญโต อตฺตทณฺฑํ น นิยยติ”
(บุคคลผู้สำรวมตนเป็นผู้ประเสริฐ ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น)
ผู้ที่ละนันทิได้ ย่อมเข้าถึงมรรคผลนิพพานโดยแท้
๖. นันทิเป็นรากเหง้าของชาติภพและการเวียนว่ายตายเกิด
พระพุทธองค์ตรัสใน อุทยชาตสูตร (สังยุตตนิกาย นิทานวรรค) ว่า
“นันทิภวสมุทโย ชาติปจฺจยา”
(นันทิและภพเป็นปัจจัยให้เกิดชาติ—การเกิดใหม่)
อธิบาย
นันทิทำให้สัตว์ปรารถนาการมีอยู่และเป็นอยู่ (ภวตัณหา) เมื่อปรารถนา ก็เกิดการกระทำกรรม เมื่อมีกรรม ก็ต้องเกิดใหม่ตามวิบากของกรรม
ตัวอย่าง
บุคคลที่ยึดติดในเกียรติยศ เมื่อใกล้ตาย ใจยังผูกพันในชื่อเสียงของตน วิบากของนันทิที่ยังคงอยู่ทำให้เขาเกิดใหม่เป็นผู้แสวงหาชื่อเสียงอีกครั้ง
๗. ความเพลิดเพลินในขันธ์ ๕ เป็นเหตุให้ละนันทิได้ยาก
ใน ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“อุปาทานสมุทยา นันทิสมุทโย”
(เพราะอุปาทานเกิดขึ้น นันทิจึงเกิดขึ้น)
อธิบาย
ขันธ์ ๕ ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เมื่อบุคคลยังถือว่าขันธ์เหล่านี้เป็นของตน ย่อมเกิดนันทิ เมื่อมีนันทิ ก็เกิดตัณหา และไม่สามารถหลุดพ้นจากทุกข์ได้
ตัวอย่าง
ผู้ที่หลงใหลในรูปร่างหน้าตาของตน ย่อมดูแลร่างกายเป็นพิเศษ เมื่อแก่ลง นันทิในความงามของตนทำให้เกิดทุกข์ เพราะไม่สามารถยอมรับความเปลี่ยนแปลงได้
๘. นันทิในภิกษุทำให้เป็นอนันตริยกรรม
พระพุทธองค์ตรัสใน อวิจีสูตร (องคุตตรนิกาย) ว่า
“ภิกฺขุ โย นันทิ อุปาทาย ภวํ นิพฺพาติ ตสฺส อวิจิ นิพฺพานํ”
(ภิกษุผู้ยังมีนันทิและอุปาทาน ย่อมไม่อาจถึงนิพพานได้)
อธิบาย
แม้เป็นภิกษุแล้ว แต่ถ้ายังเพลิดเพลินในวัตถุ สุขกาย สุขใจ หรือฐานะในคณะสงฆ์ ก็ย่อมตกอยู่ในวัฏสงสารต่อไป
ตัวอย่าง
ภิกษุบางรูปอาจบวชเพื่อแสวงหาการเคารพนับถือ แม้ดูเหมือนเป็นสมณะ แต่จิตใจยังมีนันทิอยู่ ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการบรรลุธรรม
๙. การละนันทิช่วยให้บรรลุพระโสดาบัน
ใน มหาปรินิพพานสูตร (ทีฆนิกาย) พระพุทธองค์ตรัสว่า
“โย นันทิ ปหาย โสดาปนฺโน โหติ”
(ผู้ใดละนันทิได้ ย่อมเป็นพระโสดาบัน)
อธิบาย
นันทิเป็นตัวขวางไม่ให้เข้าสู่กระแสพระนิพพาน ผู้ที่สามารถลดนันทิในขันธ์ ๕ ได้ แม้เพียงระดับหนึ่ง ก็สามารถบรรลุโสดาปัตติผล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการออกจากวัฏสงสาร
ตัวอย่าง
หากบุคคลหนึ่งเคยติดในความร่ำรวย แต่เริ่มเห็นว่าเงินทองไม่ใช่ของจีรังและไม่ใช่สาระแห่งชีวิต จิตของเขาจะเริ่มคลายจากนันทิ และหากทำต่อไปจนถึงระดับที่เห็นแจ้ง เขาจะเข้าสู่กระแสโสดาปัตติผล
๑๐. บทสรุป: ผู้ละนันทิได้ ย่อมเป็นพระอรหันต์
พระพุทธองค์ตรัสใน ขุททกนิกาย ธัมมปทา ว่า
“นันทิราโค อรหโต”
(พระอรหันต์ย่อมไม่มีนันทิและราคะ)
อธิบาย
พระอรหันต์เป็นผู้สิ้นตัณหาและนันทิโดยสมบูรณ์ ไม่ยึดมั่นในสิ่งใดๆ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต ไม่มีอะไรหลอกล่อจิตให้หลงใหลเพลิดเพลินอีกต่อไป
ตัวอย่าง
พระสารีบุตรเป็นผู้ละนันทิได้ เมื่อพระอานนท์ถามว่าทำไมท่านจึงสงบเยือกเย็นเช่นนี้ พระสารีบุตรตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่มีสิ่งใดให้ละอีกแล้ว” นี่คือลักษณะของผู้ที่หลุดพ้นโดยสิ้นเชิง
สรุปโดยรวม
1. นันทิเป็นเหตุแห่งทุกข์และชาติภพ
2. นันทิเกิดจากอุปาทานในขันธ์ ๕
3. นันทิทำให้แม้แต่ภิกษุยังตกในวัฏสงสาร
4. ผู้ที่ละนันทิได้ ย่อมเป็นพระโสดาบัน
5. พระอรหันต์ไม่มีนันทิ จึงสิ้นทุกข์โดยสมบูรณ์
การละนันทิ จึงเป็นทางเดียวที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์โดยแท้
#Siamstr #พุทธวจนะ #พุทธวจน #ธรรมะ #nostr