Siam Bitcoin Meme on Nostr: หลักการเสกเงินของธนาคาร ...
หลักการเสกเงินของธนาคาร หรือที่เรียกว่า "การสร้างเงิน" (Money Creation)
เป็นกระบวนการที่ธนาคารพาณิชย์สามารถขยายปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ
ผ่านการปล่อยสินเชื่อ กระบวนการนี้มักจะเกี่ยวข้องกับ
"การธนาคารแบบสำรองเงินบางส่วน" (Fractional Reserve Banking)
ซึ่งธนาคารต้องสำรองเงินส่วนหนึ่งของเงินฝากทั้งหมดไว้ และสามารถปล่อยกู้
ส่วนที่เหลือให้กับลูกค้ารายอื่นๆ ต่อไปคือขั้นตอนและหลักการของการเสกเงิน
• การฝากเงินและการสำรองเงิน
เมื่อผู้ฝากเงินนำเงินมาฝากที่ธนาคาร ธนาคารจะต้องสำรองเงินส่วนหนึ่งตามที่
กฎหมายหรือหน่วยงานกำกับดูแลกำหนด เรียกว่า "อัตราสำรอง" (Reserve Ratio)
เช่น หากอัตราสำรองคือ 10% ธนาคารต้องสำรองเงิน 10% ของเงินฝากไว้และ
สามารถปล่อยกู้ส่วนที่เหลือ 90%
• การปล่อยสินเชื่อ
ธนาคารสามารถใช้เงินที่ไม่ได้สำรองไว้เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายอื่น
สมมุติว่าเงินฝากเริ่มต้นคือ 1,000 บาท ธนาคารสำรองเงิน 10% หรือ 100 บาท
และปล่อยกู้ 900 บาทให้กับลูกค้ารายอื่น
• การฝากเงินซ้ำ
ลูกค้าที่ได้รับสินเชื่อ 900 บาทอาจนำเงินไปฝากในธนาคารอีกแห่งหนึ่ง
ซึ่งกระบวนการสำรองและปล่อยสินเชื่อจะเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยธนาคารใหม่จะสำรอง
10% หรือ 90 บาท และสามารถปล่อยกู้ 810 บาท
• กระบวนการต่อเนื่อง
กระบวนการฝากเงินและปล่อยสินเชื่อจะเกิดขึ้นซ้ำๆ ในระบบธนาคาร ซึ่ง
ทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นหลายเท่าของเงินฝากเริ่มต้น
กระบวนการนี้เรียกว่า "การทวีคูณเงินฝาก" (Deposit Multiplier Effect)
• สูตรการคำนวณเงินทวีคูณ
ปริมาณเงินทั้งหมดที่สามารถสร้างขึ้นได้จากเงินฝากเริ่มต้นสามารถคำนวณได้
โดยใช้สูตร ปริมาณเงินทั้งหมด = (1/อัตราสำรอง) × เงินฝากเริ่มต้น
เช่น หากอัตราสำรองคือ 10% หรือ 0.1 และเงินฝากเริ่มต้นคือ 1,000 บาท
ปริมาณเงินทั้งหมด = (1 /0.1) × 1,000 = 10,000 บาท
#Siamstr
เป็นกระบวนการที่ธนาคารพาณิชย์สามารถขยายปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ
ผ่านการปล่อยสินเชื่อ กระบวนการนี้มักจะเกี่ยวข้องกับ
"การธนาคารแบบสำรองเงินบางส่วน" (Fractional Reserve Banking)
ซึ่งธนาคารต้องสำรองเงินส่วนหนึ่งของเงินฝากทั้งหมดไว้ และสามารถปล่อยกู้
ส่วนที่เหลือให้กับลูกค้ารายอื่นๆ ต่อไปคือขั้นตอนและหลักการของการเสกเงิน
• การฝากเงินและการสำรองเงิน
เมื่อผู้ฝากเงินนำเงินมาฝากที่ธนาคาร ธนาคารจะต้องสำรองเงินส่วนหนึ่งตามที่
กฎหมายหรือหน่วยงานกำกับดูแลกำหนด เรียกว่า "อัตราสำรอง" (Reserve Ratio)
เช่น หากอัตราสำรองคือ 10% ธนาคารต้องสำรองเงิน 10% ของเงินฝากไว้และ
สามารถปล่อยกู้ส่วนที่เหลือ 90%
• การปล่อยสินเชื่อ
ธนาคารสามารถใช้เงินที่ไม่ได้สำรองไว้เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายอื่น
สมมุติว่าเงินฝากเริ่มต้นคือ 1,000 บาท ธนาคารสำรองเงิน 10% หรือ 100 บาท
และปล่อยกู้ 900 บาทให้กับลูกค้ารายอื่น
• การฝากเงินซ้ำ
ลูกค้าที่ได้รับสินเชื่อ 900 บาทอาจนำเงินไปฝากในธนาคารอีกแห่งหนึ่ง
ซึ่งกระบวนการสำรองและปล่อยสินเชื่อจะเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยธนาคารใหม่จะสำรอง
10% หรือ 90 บาท และสามารถปล่อยกู้ 810 บาท
• กระบวนการต่อเนื่อง
กระบวนการฝากเงินและปล่อยสินเชื่อจะเกิดขึ้นซ้ำๆ ในระบบธนาคาร ซึ่ง
ทำให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นหลายเท่าของเงินฝากเริ่มต้น
กระบวนการนี้เรียกว่า "การทวีคูณเงินฝาก" (Deposit Multiplier Effect)
• สูตรการคำนวณเงินทวีคูณ
ปริมาณเงินทั้งหมดที่สามารถสร้างขึ้นได้จากเงินฝากเริ่มต้นสามารถคำนวณได้
โดยใช้สูตร ปริมาณเงินทั้งหมด = (1/อัตราสำรอง) × เงินฝากเริ่มต้น
เช่น หากอัตราสำรองคือ 10% หรือ 0.1 และเงินฝากเริ่มต้นคือ 1,000 บาท
ปริมาณเงินทั้งหมด = (1 /0.1) × 1,000 = 10,000 บาท
#Siamstr