berlin on Nostr: มาต่อกันที่ Part2 สำหรับซีรีย์ ...
มาต่อกันที่ Part2 สำหรับซีรีย์ ‘ภัยคุกคามต่อBitcoin’
ครั้งนี้เรามาว่ากันด้วยเรื่องที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุด นั่นก็คือ “ Quantum Computing “ มาดูรายละเอียดกันเลยครับ
Quantum computing มีศักยภาพในการส่งผลกระทบต่อ Bitcoin และเทคโนโลยีบล็อกเชนในหลายมิติ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัส ดังนี้:
1. การคุกคามต่อการเข้ารหัส (Cryptographic Security)
Bitcoin ใช้การเข้ารหัสสองแบบหลัก:
• Elliptic Curve Digital Signature Algorithm (ECDSA): ใช้สำหรับการสร้างลายเซ็นดิจิทัล
• SHA-256: ใช้สำหรับการทำงานของ Proof of Work และการแฮช
ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถใช้ Shor’s Algorithm ในการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ ECDSA ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่:
• การถอดรหัส Private Key จาก Public Key
• การขโมย Bitcoin จากกระเป๋าที่ไม่ได้ใช้งาน (inactive wallets)
2. Proof of Work (PoW) และ SHA-256
แม้ว่าควอนตัมคอมพิวเตอร์จะไม่เก่งในการแฮชเท่ากับการถอดรหัสลับ แต่สามารถใช้ Grover’s Algorithm เพื่อเร่งการค้นหาผลลัพธ์ของ SHA-256 ได้ถึง 50% ซึ่งอาจทำให้การขุด Bitcoin และการสร้างบล็อกใหม่มีความไม่สมดุล
3. การโจมตีระบบบล็อกเชน (Blockchain Vulnerabilities)
ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถโจมตีในระดับเครือข่ายได้ เช่น:
• การย้อนกลับธุรกรรม (Reversing Transactions)
• การสร้าง Fork ใหม่ของบล็อกเชน
4. มาตรการป้องกันและการปรับตัว
• Quantum-Resistant Cryptography: มีการพัฒนาการเข้ารหัสที่ทนทานต่อควอนตัม เช่น Post-Quantum Cryptography
• การอัปเกรดโปรโตคอล: ชุมชน Bitcoin อาจพิจารณาปรับเปลี่ยนโปรโตคอล เพื่อรองรับภัยคุกคามจากควอนตัม
• การใช้งานมัลติซิก (Multi-signature): เพื่อลดความเสี่ยงที่มาจากการเข้าถึงคีย์เพียงตัวเดียว
บทสรุป
Quantum computing เป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อความปลอดภัยของ Bitcoin และบล็อกเชนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เทคโนโลยีควอนตัมยังอยู่ในขั้นพัฒนา และยังต้องใช้เวลาหลายปีในการเข้าถึงศักยภาพที่สามารถคุกคามระบบเหล่านี้ได้ แต่ความตื่นตัวและการเตรียมการล่วงหน้า เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีการเข้ารหัสใหม่ จะเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงในอนาคต
#siamstr #wherostr #nostr #bitcoin #siamplaystation
ครั้งนี้เรามาว่ากันด้วยเรื่องที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุด นั่นก็คือ “ Quantum Computing “ มาดูรายละเอียดกันเลยครับ
Quantum computing มีศักยภาพในการส่งผลกระทบต่อ Bitcoin และเทคโนโลยีบล็อกเชนในหลายมิติ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัส ดังนี้:
1. การคุกคามต่อการเข้ารหัส (Cryptographic Security)
Bitcoin ใช้การเข้ารหัสสองแบบหลัก:
• Elliptic Curve Digital Signature Algorithm (ECDSA): ใช้สำหรับการสร้างลายเซ็นดิจิทัล
• SHA-256: ใช้สำหรับการทำงานของ Proof of Work และการแฮช
ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถใช้ Shor’s Algorithm ในการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ ECDSA ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่:
• การถอดรหัส Private Key จาก Public Key
• การขโมย Bitcoin จากกระเป๋าที่ไม่ได้ใช้งาน (inactive wallets)
2. Proof of Work (PoW) และ SHA-256
แม้ว่าควอนตัมคอมพิวเตอร์จะไม่เก่งในการแฮชเท่ากับการถอดรหัสลับ แต่สามารถใช้ Grover’s Algorithm เพื่อเร่งการค้นหาผลลัพธ์ของ SHA-256 ได้ถึง 50% ซึ่งอาจทำให้การขุด Bitcoin และการสร้างบล็อกใหม่มีความไม่สมดุล
3. การโจมตีระบบบล็อกเชน (Blockchain Vulnerabilities)
ควอนตัมคอมพิวเตอร์สามารถโจมตีในระดับเครือข่ายได้ เช่น:
• การย้อนกลับธุรกรรม (Reversing Transactions)
• การสร้าง Fork ใหม่ของบล็อกเชน
4. มาตรการป้องกันและการปรับตัว
• Quantum-Resistant Cryptography: มีการพัฒนาการเข้ารหัสที่ทนทานต่อควอนตัม เช่น Post-Quantum Cryptography
• การอัปเกรดโปรโตคอล: ชุมชน Bitcoin อาจพิจารณาปรับเปลี่ยนโปรโตคอล เพื่อรองรับภัยคุกคามจากควอนตัม
• การใช้งานมัลติซิก (Multi-signature): เพื่อลดความเสี่ยงที่มาจากการเข้าถึงคีย์เพียงตัวเดียว
บทสรุป
Quantum computing เป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อความปลอดภัยของ Bitcoin และบล็อกเชนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เทคโนโลยีควอนตัมยังอยู่ในขั้นพัฒนา และยังต้องใช้เวลาหลายปีในการเข้าถึงศักยภาพที่สามารถคุกคามระบบเหล่านี้ได้ แต่ความตื่นตัวและการเตรียมการล่วงหน้า เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีการเข้ารหัสใหม่ จะเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันความเสี่ยงในอนาคต

#siamstr #wherostr #nostr #bitcoin #siamplaystation