What is Nostr?
maiakee
npub1hge…8hs2
2025-02-08 09:50:29

maiakee on Nostr: ...



สัตตาวาส 9: สถานะแห่งสัตว์โลกตามพุทธพจน์


พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงธรรมเกี่ยวกับ สัตตาวาส 9 ใน อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต โดยจำแนกสัตว์โลกตามลักษณะของรูปนาม สัญญา และทิฏฐิ ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจ โครงสร้างของวัฏสงสาร และ เส้นทางแห่งการหลุดพ้น

พระองค์ตรัสว่า

“ภิกษุทั้งหลาย! เราจะแสดงสัตตาวาส 9 แก่เธอทั้งหลาย จงฟังให้ดี” (อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต สัตตาวาสสูตร)

1. ความหมายของสัตตาวาส 9

สัตตาวาส (Sattāvāsa) คือ ภพภูมิที่สัตว์โลกดำรงอยู่ โดยอาศัยกรรมและภาวะจิตที่แตกต่างกัน

การแบ่งสัตว์ออกเป็น 9 ประเภทนี้แสดงให้เห็นถึง สภาวะของจิต ตั้งแต่ระดับหยาบจนถึงระดับปรมัตถ์

พระพุทธองค์ตรัสว่า

“สัตว์ทั้งหลายเป็นไปตามกรรม ผู้ใดทำกรรมเช่นไร ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้น” (ขุททกนิกาย ธัมมปทะ 127)

2. การจำแนกสัตตาวาส 9 ตามพุทธพจน์

หมวดที่ 1: การเกิดตามลักษณะของรูปนาม

(1) สัตว์ที่มีรูปและมีสัญญา

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! สัตว์ที่มีรูปและมีสัญญาย่อมรับรู้โลกโดยอาศัยอายตนะทั้งหก” (สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค)

สัตว์ในหมวดนี้ มีร่างกาย (รูป) และมีสัญญา (ความรับรู้) ได้แก่ มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน เทวดา และพรหม

อธิบายเพิ่มเติม:
• มนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน มีรูปขันธ์และสัญญาโดยสมบูรณ์
• เทวดาและพรหมในรูปภูมิ มีรูปละเอียดและสัญญาละเอียด

(2) สัตว์ที่มีรูปแต่ไม่มีสัญญา

“สัตว์บางพวกมีรูปแต่ไม่มีสัญญา เสวยสุขแห่งฌานโดยไม่มีอารมณ์อื่นแทรก” (ทีฆนิกาย มหานิทานสูตร)

อธิบายเพิ่มเติม:
• ได้แก่ พรหมในชั้นเนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ ซึ่งอยู่ในภาวะที่สัญญาหมดสิ้น

(3) สัตว์ที่ไม่มีรูปแต่มีสัญญา

“สัตว์บางพวกไม่มีรูป มีแต่สัญญา ย่อมดำรงอยู่ในภพแห่งอรูปฌาน” (มัชฌิมนิกาย อรูปสัมภวสูตร)

อธิบายเพิ่มเติม:
• ได้แก่ อรูปพรหม ที่ได้ฌานอรูป 4 ระดับ
• ไม่มีรูปขันธ์ มีแต่จิตที่รับรู้

หมวดที่ 2: การเกิดและการเสื่อมของสัญญา

(4) สัตว์ที่มีรูป มีสัญญา แต่เสื่อมจากสัญญาเป็นบางคราว

“ภิกษุทั้งหลาย! ผู้เจริญฌานบางพวก ย่อมเสื่อมจากฌานบ้างเป็นคราว ๆ” (อังคุตตรนิกาย เอกทสกนิบาต)

อธิบายเพิ่มเติม:
• นักบวชหรือนักสมาธิที่เข้าฌานได้ แต่ยังมีช่วงที่เสื่อมจากฌาน

(5) สัตว์ที่มีรูป มีสัญญา แต่เสื่อมจากสัญญาจนหมดสิ้น

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ผู้เข้าถึงนิโรธสมาบัติ ย่อมดับสัญญาเวทนาโดยสิ้นเชิง” (สังยุตตนิกาย นิพพานวรรค)

อธิบายเพิ่มเติม:
• ได้แก่ ผู้ที่เข้าสู่สัญญาเวทยิตนิโรธ ซึ่งเป็นสมาบัติขั้นสูง

หมวดที่ 3: ความเห็นเกี่ยวกับตัวตนและโลก

(6) สัตว์ที่เข้าใจว่าสัญญานี้เที่ยง

“สัตว์บางพวกสำคัญว่า สัญญานี้เที่ยง ยั่งยืน ไม่แปรเปลี่ยน” (ทีฆนิกาย พรหมชาลสูตร)

อธิบายเพิ่มเติม:
• ได้แก่ พราหมณ์ที่เชื่อว่าอัตตาเที่ยงแท้

(7) สัตว์ที่เข้าใจว่าสัญญานี้ไม่เที่ยง แต่ตนเองจะดำรงอยู่ชั่วกาลนาน

“สัตว์บางพวกสำคัญว่า แม้สัญญานี้ไม่เที่ยง แต่เราจักดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์” (อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต)

อธิบายเพิ่มเติม:
• ได้แก่ นักปรัชญาที่เชื่อในนิรันดร์นิยม

(8) สัตว์ที่เข้าใจว่าไม่มีอะไรเลย (สุนยตาวาท)

“สัตว์บางพวกกล่าวว่า ทุกสิ่งเป็นโมฆะ ไม่มีอะไรเที่ยงแท้” (อังคุตตรนิกาย สัตตาวาสสูตร)

อธิบายเพิ่มเติม:
• เป็นผู้ที่เชื่อว่าไม่มีอะไรเลย อาจเป็นแนวคิดแบบ นิฮิลิสม์

(9) สัตว์ที่เข้าใจว่า “นี่มิใช่ของเรา มิใช่ตัวเรา มิใช่ตัวตนของเรา”

“ภิกษุทั้งหลาย! อริยสาวกย่อมเห็นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่า มิใช่ของเรา มิใช่ตัวเรา” (สังยุตตนิกาย ขันธวรรค)

อธิบายเพิ่มเติม:
• ได้แก่ พระอริยบุคคล ผู้เข้าใจไตรลักษณ์อย่างสมบูรณ์

3. การเข้าถึงสถานะแห่งสัตตาวาส 9

พุทธพจน์เกี่ยวกับการละจากสัตตาวาส

“ผู้เจริญปัญญาเห็นธรรมตามความเป็นจริง ย่อมพ้นจากสัตตาวาสทั้งหมด” (อังคุตตรนิกาย อัตตทิฏฐิสูตร)

การจะก้าวข้ามจาก สัตตาวาสระดับต่ำไปสู่ระดับสูง ต้องอาศัย
• การรักษาศีล
• การเจริญสมาธิ
• การพิจารณาธรรมตามไตรลักษณ์

จนกระทั่งบรรลุความเข้าใจว่า “ไม่มีสิ่งใดเป็นของเรา” และเข้าถึง นิพพาน

4. สรุป

สัตตาวาส 9 แสดงให้เห็นถึง ระดับของภพภูมิที่สัตว์ดำรงอยู่ โดยมี จุดสูงสุดคือพระอริยบุคคล ที่เข้าใจอนัตตา

พระพุทธองค์ตรัสว่า

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ผู้เห็นกรรมย่อมเห็นธรรม ผู้เห็นธรรมย่อมพ้นจากทุกข์” (ขุททกนิกาย อุทาน)

ดังนั้น เป้าหมายของสัตตาวาส 9 คือ การพัฒนาจิตไปสู่การหลุดพ้นจากวัฏสงสาร


🪷กลไกและวิธีละสัตตาวาส 9 ตามหลักพุทธพจน์


สัตตาวาส 9 เป็นการจำแนกระดับของสัตว์โลกตามลักษณะของรูปนามและทิฏฐิ การจะละจากสัตตาวาสแต่ละระดับ ต้องอาศัยปัญญาและการปฏิบัติที่ถูกต้อง ตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า

พระพุทธองค์ตรัสว่า

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ผู้ใดเข้าใจธรรมตามความเป็นจริง ผู้นั้นย่อมพ้นจากวัฏฏะอันเป็นที่ตั้งแห่งสัตตาวาส”
(อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต สัตตาวาสสูตร)

1. หลักการละจากสัตตาวาส

การละจากสัตตาวาส ต้องอาศัยการเจริญไตรสิกขา ได้แก่
1. ศีล – การรักษาความประพฤติให้บริสุทธิ์
2. สมาธิ – การฝึกจิตให้ตั้งมั่น
3. ปัญญา – การเห็นธรรมตามความเป็นจริง

เมื่อศีล สมาธิ และปัญญาพัฒนาถึงระดับสูงสุด ย่อมนำไปสู่การหลุดพ้นจากสัตตาวาสทั้ง 9

2. กลไกและวิธีละสัตตาวาสแต่ละประเภท

หมวดที่ 1: วิธีละจากการยึดติดในรูปและสัญญา

(1) สัตว์ที่มีรูปและมีสัญญา

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! อริยสาวกเห็นรูปเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ย่อมละความยึดมั่นในรูปนั้น” (สังยุตตนิกาย ขันธวรรค)

วิธีละ:
• พิจารณาขันธ์ 5 (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ว่าเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
• ฝึกวิปัสสนาภาวนาโดย เห็นว่ากายนี้ไม่ใช่ของเรา

(2) สัตว์ที่มีรูปแต่ไม่มีสัญญา

“ผู้เห็นโทษแห่งสัญญา ย่อมไม่ติดอยู่ในภพที่ไม่มีสัญญา” (อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต)

วิธีละ:
• ไม่ยึดติดกับการเข้าฌานเพียงเพื่อเสวยสุขของอรูปฌาน
• เจริญปัญญาเห็นว่าสมาธิสูงสุดก็ยังเป็นอนัตตา

(3) สัตว์ที่ไม่มีรูปแต่มีสัญญา

“ภิกษุละความยึดมั่นในรูปได้แล้วย่อมไม่ติดอยู่ในอรูป” (มัชฌิมนิกาย อรูปสัมภวสูตร)

วิธีละ:
• ละอัตตาทิฏฐิที่ยังหลงเหลือแม้อยู่ในอรูปภพ
• ใช้วิปัสสนาปัญญาพิจารณาว่า แม้แต่จิตที่รับรู้อยู่ ก็เป็นอนัตตา

หมวดที่ 2: วิธีละจากการยึดติดในสัญญา

(4) สัตว์ที่มีรูป มีสัญญา แต่เสื่อมจากสัญญาเป็นบางคราว

“ภิกษุทั้งหลาย! ผู้หลงในฌานแต่ไม่เจริญปัญญา ย่อมไม่ถึงนิพพาน” (ขุททกนิกาย อุทาน)

วิธีละ:
• ต้องพัฒนาปัญญาควบคู่กับสมาธิ
• ไม่ติดอยู่แค่ความสุขของสมาธิ แต่เห็นว่าทุกข์ยังมีอยู่

(5) สัตว์ที่มีรูป มีสัญญา แต่เสื่อมจากสัญญาจนหมดสิ้น

“ผู้ละสัญญาโดยเห็นว่ามันเป็นเพียงสังขาร ย่อมเข้าถึงอรหัตผล” (สังยุตตนิกาย นิพพานวรรค)

วิธีละ:
• ไม่ติดอยู่ในสัญญาเวทยิตนิโรธ (การดับสัญญาชั่วคราว)
• เห็นว่าสัญญาและวิญญาณยังเป็น ขันธ์ 5 ที่ต้องละให้สิ้นเชิง

หมวดที่ 3: วิธีละจากทิฏฐิที่ผิดเกี่ยวกับตัวตนและโลก

(6) สัตว์ที่เข้าใจว่าสัญญานี้เที่ยง

“ภิกษุผู้เห็นไตรลักษณ์ย่อมละมิจฉาทิฏฐิได้” (อังคุตตรนิกาย ทิฏฐิสูตร)

วิธีละ:
• ใช้ ปฏิจจสมุปบาท พิจารณาว่า ทุกสิ่งเกิดจากเหตุปัจจัย ไม่ใช่สิ่งเที่ยงแท้
• เห็นว่าแม้สัญญาก็เปลี่ยนแปลง

(7) สัตว์ที่เข้าใจว่าสัญญานี้ไม่เที่ยง แต่ตนเองจะดำรงอยู่ชั่วกาลนาน

“ภิกษุทั้งหลาย! อัตตาทิฏฐิเป็นเหตุให้ติดอยู่ในภพ” (ขุททกนิกาย ธัมมปทัฏฐกถา)

วิธีละ:
• ละความเชื่อว่า ตัวตนแท้จริงยังคงอยู่
• เจริญ อนัตตสัญญา โดยเห็นว่าตัวเราเป็นเพียงสังขารที่ปรุงแต่งขึ้น

(8) สัตว์ที่เข้าใจว่าไม่มีอะไรเลย (สุนยตาวาท)

“ภิกษุทั้งหลาย! การเห็นว่าสิ่งทั้งปวงสูญเปล่าคือมิจฉาทิฏฐิ” (มัชฌิมนิกาย อลคัททูปมสูตร)

วิธีละ:
• เข้าใจว่า นิพพานไม่ใช่ความว่างเปล่าแบบสูญนิยม
• เห็นว่าธรรมชาติของสิ่งทั้งปวงเป็น สุญญตา แต่ยังมีปัจจัยปรุงแต่ง

(9) สัตว์ที่เข้าใจว่า “นี่มิใช่ของเรา มิใช่ตัวเรา มิใช่ตัวตนของเรา”

“ผู้เห็นขันธ์ 5 ตามความเป็นจริง ย่อมพ้นจากทุกข์โดยสิ้นเชิง” (ขุททกนิกาย อุทาน)

วิธีละ:
• บรรลุอรหัตผลโดยละตัณหาและอวิชชาทั้งหมด
• ไม่ถือมั่นขันธ์ 5 ว่าเป็นตัวตน

3. สรุป: เส้นทางแห่งการหลุดพ้นจากสัตตาวาส

1. ละความยึดติดในรูปและนาม
• เจริญวิปัสสนา พิจารณาขันธ์ 5 ว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา

2. ละสมมติสัญญาและความยึดมั่นในภพ
• ไม่ติดอยู่ในสุขแห่งฌานหรือความไม่มีสัญญา
• เจริญปัญญาโดยเห็นว่า แม้สมาธิสูงสุด ก็ยังไม่ใช่นิพพาน

3. ละทิฏฐิผิดเกี่ยวกับอัตตา
• เห็นไตรลักษณ์อย่างสมบูรณ์ จนไม่เหลือความยึดมั่นในตัวตน

4. บรรลุอรหัตผล
• ดับตัณหาและอวิชชา
• พ้นจากสัตตาวาสโดยสมบูรณ์

พระพุทธองค์ตรัสว่า

“ภิกษุผู้เห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรคโดยแจ้งชัด ย่อมพ้นจากวัฏสงสาร” (สังยุตตนิกาย มรรควรรค)

นี่คือเส้นทางแห่งการละสัตตาวาสอย่างสมบูรณ์ จนถึงความหลุดพ้นอันสูงสุดคือนิพพาน

#Siamstr #พุทธวจนะ #พุทธวจน #ธรรมะ #nostr
Author Public Key
npub1hge4uuggdfspu0wmffxqs9vj38m55238q3z2jzd907e8qnjmlsyql78hs2