K@tusung on Nostr: พอเริ่มฟังบิทคอยมากขึ้น ...
พอเริ่มฟังบิทคอยมากขึ้น เปิดโลกทางความคิดมากขึ้นจริงๆ ถ้าตามกระแสโซเชียลช่วงนึงมีแต่ประมงทำลายธรรมชาติ เครื่องมือบางอย่างในบางพื้นที่มันอาจส่งผลกระทบเกิดการติดสัตว์อื่นที่เขาไม่อยากได้ (bycatch) มากก็จริง แต่การทำลายทรัพย์สินผู้อื่นนั่นผิดกฏหมายนะ แถมการเก็บอุปกรณ์ของคนอื่นมั่วซั่วเป็นการลักทรัพย์ดีๆนี่เอง
จากการทำงานร่วมกับชาวประมงพื้นบ้านหลายๆคนเขารักธรรมชาตินะ แต่ปากท้องเขาเองก็สำคัญ ในเมื่อเงินมันเฟ้อไม่หยุด เขาต้องพยายามหากินให้มากเพื่อปากท้องทั้งครอบครัว เวลาที่จะมาสนใจการอนุรักษ์มันก็น้อยลงไปทุกที
ถ้าการเงินมันดี หลายๆอย่างก็จะดีตามมาจริงๆ
#siamstr
จากการทำงานร่วมกับชาวประมงพื้นบ้านหลายๆคนเขารักธรรมชาตินะ แต่ปากท้องเขาเองก็สำคัญ ในเมื่อเงินมันเฟ้อไม่หยุด เขาต้องพยายามหากินให้มากเพื่อปากท้องทั้งครอบครัว เวลาที่จะมาสนใจการอนุรักษ์มันก็น้อยลงไปทุกที
ถ้าการเงินมันดี หลายๆอย่างก็จะดีตามมาจริงๆ
#siamstr
quoting note12qr…gxvdเมื่อเราไม่ได้อยู่ ทช. แล้ว สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ เราได้ศึกษาเรื่องอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของการเพาะเลี้ยงแน่นอน 5555555
มันทำให้เรารู้ว่าจริงๆแล้วต้นตอของปัญหาทางธรรมชาติคืออะไร มันคือระบบการเงิน
ระบบการเงินที่เสื่อมมูลค่าอยู่เสมอ การออมที่ไม่มีจริง เพราะเงินออมของคุณจะมีมูลค่าลดลงและอำนาจในการใช้จ่ายนั้นไม่เท่าเดิม
การที่ผู้คนจะเก็บเกี่ยวผลผลิตทางธรรมชาตินั้น มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลก อะไร มันคือการล่าสัตว์ การหาอาหารทั่วไป มันคือพื้นฐานที่สื่งมีชีวิตเขาทำกัน ตามห่วงโซ่อาหาร
แต่ แต่ ระบบการเงินที่เสื่อมมูลค่า นั้น มันสร้างผลกระทบ ที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะว่าเงินที่เสื่อมมูลค่านั้น ทำให้ผู้คนกอบโกยเงินมากกว่าปกติ เพราะค่าของเงินมันไม่เท่าเดิม ซึ่งแลกมาด้วย ทรัพยากรที่เสียไปโดยไร้ประโยชน์ เช่น สัตว์น้ำวัยอ่อน ประมงอวนลาก เป็นต้น
ในอีกทางหนึ่ง เมื่อเงินเสื่อมมูลค่า นั้นทำให้ผู้คน ไปหาสินทรัพย์ที่จะรักษามูลค่าของเงินเขาไว้ หนึ่งในหลายๆอย่างนััน คือ ที่ดิน!! เมื่อที่ดิน ไม่ได้ถูกใช้ในการอยู่อาศัย หรือประกอบอาชีพ แต่กลับถูกใช้เป็นแหล่งเก็บรักษามูลค่า มันทำให้ ที่ดินถูกใช้งานเกินความจำเป็น อีกทั้งมูลค่ามันก็สูงเกินที่ควรจะเป็นอีกด้วย ซึ่งเป็นผลที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติ ถูกทำลาย แหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ก็หายไป ปริมาณสัตว์ก็ลดลงตาม หลักcarrying capacity
สุดท้ายความขัดแย้ง ในความหวงแหงธรรมชาตินั้น มันเป็นสิ่งที่ผู้คนตรรกะหนักรู้ และเริ่มที่จะหวงแหนมันไว้ แต่ด้วยปัญหาของระบบการเงินที่ยังมีอยู่ และความไม่มี skin in the game นั้น มันง่ายที่ผู้คน บอกให้ใครคนใด เลิกประกอบอาชีพ หรือทำลายอุปกรณ์ประกอบอาชีพ เช่น เหตุการณ์ตัวอย่างที่ชัดเจนมากของความไม่มี skin in the game ในงานธรรมชาติ คือ มันมีรูปหนึ่งที่ถ่ายจากจุดที่พบฉลามวาฬ แต่มันเป็นภาพของลอบ อุปกรณ์ของชาวประมงในพื้นที่ และเป็นอุปกรณ์ที่ทำลายธรรมชาติน้อยที่สุด เพราะลอบจะเป็นกับดักที่กักขังปลา ปลาจะยังไม่ตาย และชาวประมงสามารถเลือกชนิดปลาที่จะนำไปขายได้ แต่มันก็มีผู้มีอำนาจออกกฏพื้นที่คุ้มครองธรรมชาติ ห้ามทำประมงลอบ ซึ่งเป็นการออกกฏที่ไร้ skin in the game นอกจากนั้นก็มีนักท่องเที่ยวดำน้ำที่มาใช้ทะเลแค่เพียงครั้งคราว ก็ได้ทำการ กรีดทำลาย ลอบ ที่เป็นอุปกรณ์ทำมาหาของชาวประมงในพื้นที่ นอกจากนั้น คนที่ไม่มี skin in the game ยังย้ายลอบออก ไปไว้ในที่ลึก ชาวประมงที่มีอุปกรณ์ดำน้ำแบบที่ไม่ได้มาตรฐานตามต้นทุน ต้องเสี่ยงลงน้ำลึกๆ ในการตามหา เครื่องมือประมงส่วนตัว แต่ก็ต้องพบกับความสูญหายและถูกทำลาย ซึ่งมันก็เกิดเหตุการณ์ขึ้น มีชาวประมงท้องถิ่นเสียชีวิต จากการตามหา ลอบของเขา โดยพวกคนที่มาใช้ทะเลแค่ครั้งคราว และคนออกกฏหมาย ไม่ต้องมารับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้ เป็นต้น ความขัดแข้งของผู้คนก็เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น
#siamstr