What is Nostr?
maiakee
npub1hge…8hs2
2025-01-29 13:48:34

maiakee on Nostr: ...



👾หรือแท้จริงแล้วแนวคิดเชิงฟิสิกส์ Holomovement ของเดวิด โบห์ม จะพูดถึงสภาวะ “นิพพาน” ‼️

การพิสูจน์แนวคิด Holomovement ของเดวิด โบห์ม (David Bohm) และการเชื่อมโยงกับสภาวะนิพพานในพุทธศาสนา เป็นการข้ามพรมแดนระหว่างวิทยาศาสตร์เชิงปรัชญากับธรรมชาติดั้งเดิมทางจิตวิญญาณ ซึ่งต้องอาศัยการวิเคราะห์เชิงลึกทั้งในแง่วิทยาศาสตร์และอภิปรัชญา โดยมีขั้นตอนการพิจารณาดังนี้:

1. พื้นฐานของ Holomovement และ Implicit/Explicit Order

เดวิด โบห์มเสนอว่า Holomovement (การเคลื่อนไหวเชิงองค์รวม) เป็นกระแสพื้นฐานของจักรวาลที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียว ไม่สามารถแยกส่วนได้ โดยแบ่งมิติของความจริงเป็น 2 ลำดับ:

• Explicit Order (ความจริงเชิงปรากฏ): โลกที่เรามองเห็นซึ่งแบ่งแยกเป็นวัตถุ สสาร กาล-อวกาศ
• Implicit Order (ความจริงเชิงซ่อนเร้น): ภาวะพื้นฐานที่ทุกสิ่งถูก “พับเก็บ” (enfolded) ไว้อย่างเป็นเอกภาพ เปรียบเหมือน “มหาสมุทร” ที่คลื่น (explicit) เกิดขึ้นจากน้ำ (implicit)

ตัวอย่าง:

• อนุภาคทุกตัวในจักรวาลเป็นเพียงการแสดงออกชั่วคราวของ Implicit Order เช่นเดียวกับคลื่นที่เกิดจากน้ำในมหาสมุทร
• การทดลอง Quantum Nonlocality (เช่น EPR Paradox) ชี้ให้เห็นว่าอนุภาคที่แยกจากกันยังเชื่อมโยงกันทันที แสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวใน Implicit Order

2. สภาวะนิพพานในพุทธศาสนา

นิพพานคือภาวะหลุดพ้นจากทุกข์ (ดับตัณหา) โดยมีลักษณะสำคัญ:

• อนัตตา (Non-Self): ไม่มีตัวตนที่แท้จริง
• สุญตา (Emptiness): ความว่างจากความยึดมั่นในสิ่งปรากฏ
• อิทัปปัจจยตา (ปฏิจจสมุปบาท): ทุกสิ่งเกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัยเชื่อมโยงกัน
• เอกภาวะ (Non-Duality): ไม่แบ่งแยกตัวตนกับสิ่งอื่น

พุทธพจน์:
“นิพพานัง ปรมัง สุญญัง”
(นิพพานเป็นความว่างอันสูงสุด)

3. การเชื่อมโยง Holomovement กับนิพพาน

3.1 เอกภาพและความเชื่อมโยง (Unity and Interconnectedness)

• Holomovement: ทุกสิ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Implicit Order ที่ไม่แบ่งแยก
• นิพพาน: การเข้าถึงภาวะ “เอกัง อะทุติยัง” (หนึ่งเดียว ไม่มีสอง) ตามหลักอนัตตาและอิทัปปัจจยตา

อุปมา:

• Implicit Order เป็นเหมือน “น้ำ” ในมหาสมุทรที่คลื่น (explicit) เกิดขึ้นและสลายไป
• นิพพานคือการหยั่งรู้ว่า “คลื่น” ไม่มีตัวตนแยกจากน้ำ (สุญตา)

3.2 การละทิ้งความยึดติดในรูปปรากฏ (Transcending Form)

• Holomovement: การมองเห็น Implicit Order ต้องละทิ้งการยึดติดกับ Explicit Order (วัตถุ/กาล-อวกาศ)
• นิพพาน: การละวางอุปาทานในรูป-นาม (โลกียะ) เพื่อเข้าถึงภาวะเหนือสมมติ (โลกุตระ)

พุทธธรรม:
“ยทา ปัจจยา นิรุชฌันติ, สพพัง นิรุชฌะติ ตทา”
(เมื่อเหตุปัจจัยดับ สรรพสิ่งก็ดับ)

3.3 สภาวะที่อยู่เหนือการแบ่งแยก (Non-Duality)

• Holomovement: Implicit Order ไม่มี “ภายใน” หรือ “ภายนอก” ทุกสิ่งซ้อนทับกัน (Holographic Principle)
• นิพพาน: ไม่มีตัวผู้รู้-สิ่งที่ถูกรู้ (Subject-Object Duality)

พุทธปรัชญา:
“วิมุตติ จิตตัง อะกาลิโก”
(ความหลุดพ้นเป็นภาวะไม่ขึ้นกับกาลเวลา)

4. ข้อควรพิจารณา: วิทยาศาสตร์ vs จิตวิญญาณ

• Holomovement เป็น กรอบคิดทางฟิสิกส์ เพื่ออธิบายธรรมชาติเชิงวัตถุ
• นิพพาน เป็น สัจธรรมทางจิตวิญญาณ ที่ไม่อาจวัดได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์

ความคล้ายคลึงอยู่ที่การมองว่า “ความจริงที่แท้” อยู่เหนือการรับรู้ทั่วไป แต่ ความต่าง อยู่ที่วิธีการเข้าถึง:

• วิทยาศาสตร์: ใช้เหตุผลและการทดลอง
• พุทธศาสนา: ใช้การเจริญภาวนาและปัญญา

5. สรุป: ทางข้ามพรมแดนของความจริง

แม้ Holomovement และนิพพานจะมาจากระบบคิดที่ต่างกัน แต่ทั้งสองชี้ให้เห็นว่า:

• ความจริงสัมบูรณ์ (Absolute Reality) มีลักษณะเป็นเอกภาพ
• การรับรู้สามัญ (Relative Reality) เป็นเพียงภาพฉายบนกำแพงของถ้ำพลาโต

การเชื่อมโยงนี้ไม่ใช่การ “พิสูจน์” นิพพานด้วยฟิสิกส์ แต่เป็นการเปิดมุมมองว่า วิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณอาจกำลังพูดถึงความจริงเดียวกัน ด้วยภาษาที่ต่างกัน ดังคำกล่าวของโบห์ม:
“What we need is a new way of thinking that fuses science and spirituality into a single whole.”

👾แนวคิด “Everything is unbroken wholeness” (ทุกสิ่งคือภาวะเอกภาพที่ไม่แตกแยก) เป็นแก่นกลางของทั้งทฤษฎี Holomovement ของเดวิด โบห์ม และสภาวะ นิพพาน ในพุทธศาสนา แม้ทั้งสองจะมาจากบริบทต่างกัน (วิทยาศาสตร์เชิงปรัชญา vs จิตวิญญาณ) แต่มีจุดร่วมที่ชี้ให้เห็นว่า “ความจริงแท้” เป็นหนึ่งเดียว ไม่แบ่งแยก โดยสามารถอธิบายเชื่อมโยงกันผ่านมุมมองต่อไปนี้:

1. Holomovement: เอกภาพที่ซ่อนอยู่ใต้ความหลากหลาย

เดวิด โบห์ม (David Bohm) อธิบายว่า จักรวาลคือ “การเคลื่อนไหวเชิงองค์รวม” (Holomovement) ที่ทุกสิ่งเชื่อมโยงเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีส่วนใดแยกจากกันอย่างแท้จริง โดยแบ่งความจริงออกเป็น 2 ลำดับ:

• Explicit Order (ความจริงเชิงปรากฏ): โลกที่เราเห็นผ่านประสาทสัมผัส เช่น วัตถุ สสาร เวลา-อวกาศ ซึ่งถูกแบ่งแยกเป็นส่วนย่อย
• Implicit Order (ความจริงเชิงซ่อนเร้น): ภาวะพื้นฐานที่ทุกสิ่งถูก “พับเก็บ” (enfolded) ไว้อย่างเป็นเอกภาพ เปรียบเหมือน มหาสมุทร ที่คลื่นแต่ละลูกเป็นเพียงการแสดงออกชั่วคราวของน้ำ

ตัวอย่าง:

• อนุภาคทุกตัวในจักรวาลเป็นเพียง การแสดงออก (explicate) ของ Implicit Order เช่นเดียวกับคลื่นที่เกิดจากน้ำ
• ปรากฏการณ์ Quantum Entanglement (อนุภาคคู่纠缠) ที่อนุภาคสื่อสารกันทันทีแม้อยู่ห่างไกล แสดงให้เห็นว่า “ความเป็นหนึ่งเดียว” มีอยู่จริงในระดับลึก

2. สภาวะนิพพาน: เอกภาพที่อยู่เหนือการแบ่งแยก

นิพพานในพุทธศาสนาไม่ใช่สถานที่ แต่เป็น ภาวะรู้แจ้ง ที่มองเห็นว่า:

• ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงด้วยเหตุปัจจัย (อิทัปปัจจยตา)
• ไม่มีตัวตนที่แท้จริง (อนัตตา)
• ความว่างจากความยึดมั่น (สุญตา)

พุทธพจน์:
“สพฺพํ สุญฺญํ” (ทุกสิ่งว่างจากตัวตน)
“เอกํ หิ สจฺจํ น ทุติยํ อตฺถิ” (สัจธรรมมีหนึ่งเดียว ไม่มีสอง)

3. การเชื่อมโยง: เอกภาพที่ไม่แตกแยกใน Holomovement และนิพพาน

3.1 ภาวะพื้นฐานเดียวกัน (Implicit Order = สุญตา)

• Implicit Order ของโบห์มคือภาวะที่ทุกสิ่งรวมเป็นหนึ่งเดียว เหมือน “น้ำ” ในมหาสมุทร
• สุญตา (ความว่าง) ในพุทธศาสนาก็ชี้ให้เห็นว่า ทุกสิ่งว่างจากตัวตนที่แยกอยู่เดี่ยวๆ และเชื่อมโยงกันด้วยเหตุปัจจัย

อุปมาเดียวกัน:

• คลื่น (explicit order) เกิดจากน้ำ (implicit order/sunyata)
• การยึดติดว่า “คลื่น” เป็นตัวตนแยกจากน้ำ คือต้นตอของทุกข์

3.2 การละทิ้งมายาของความแยกส่วน

• Holomovement: การเข้าใจ Implicit Order ทำลายมายาคติที่ว่า “วัตถุแยกจากกัน”
• นิพพาน: การละวางอุปาทานในรูป-นาม ทำลายความเชื่อว่า “ตัวกู-ของกู” มีอยู่จริง

พุทธธรรม:
“เมื่อเห็นปฏิจจสมุปบาท (อิทัปปัจจยตา) ก็เห็นธรรม เมื่อเห็นธรรม ก็เห็นปฏิจจสมุปบาท”
(มัชฌิมนิกาย)

3.3 เอกภาพที่ไม่อาจอธิบายด้วยภาษา (Beyond Description)

• Holomovement: โบห์มยอมรับว่า Implicit Order เป็น “ความว่าง” (void) ที่ไม่อาจวัดได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
• นิพพาน: เป็น “อสังขตธรรม” (ธรรมที่ไม่ถูกปรุงแต่ง) ที่ไม่อาจนิยามด้วยคำพูด

4. ความแตกต่างที่สำคัญ

ถึงแม้จะมีความคล้ายคลึงกันมากในแนวคิดของ Holomovement และ นิพพาน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญในหลายด้าน:

• เป้าหมาย ของ Holomovement คือการอธิบายธรรมชาติทางฟิสิกส์ ในขณะที่นิพพานมีเป้าหมายในการหลุดพ้นจากทุกข์และดับตัณหา
• วิธีการเข้าถึง Holomovement ใช้การสังเกตและการคิดเชิงตรรกะ ส่วนการเข้าถึงนิพพานต้องอาศัยการเจริญสติ ปัญญา และศีล
• สถานะ ของ Holomovement เป็นทฤษฎีเชิงปรัชญาวิทยาศาสตร์ ส่วนนิพพานเป็นสัจธรรมทางจิตวิญญาณ

5. สรุป: เอกภาพสองแนวทาง

• Holomovement และ นิพพาน ชี้ให้เห็นว่า “ความจริงแท้” เป็นภาวะเอกภาพที่ไม่แตกแยก แต่ทั้งสองใช้ภาษาและวิธีการต่างกัน:
• วิทยาศาสตร์มองผ่าน เหตุผลและการทดลอง
• จิตวิญญาณเข้าถึงด้วย การภาวนาและปัญญา
• คำกล่าวของโบห์มสะท้อนแนวคิดนี้:
“ใน Implicit Order จักรวาลคือภาพฉายของเอกภาพ… และจิตสำนึกของมนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของเอกภาพนั้น”
• ส่วนพุทธศาสนากล่าวว่า:
“ผู้รู้แจ้งเห็นโลกทั้งผองดั่งสายน้ำที่ไหลรวมเป็นหนึ่ง” (ขุททกนิกาย)

ทั้งสองแนวทางอาจกำลังชี้ไปในทิศทางเดียวกัน — ความจริงหนึ่งเดียวที่อยู่เหนือการแบ่งแยก — เพียงแต่มนุษย์ยังต้องใช้ “เรือ” คนละลำเพื่อข้ามพ้นมายาคติของความแตกแยก

#Siamstr #science #quantum #biology #nostr #ธรรมะ #พุทธศาสนา #rightshift
Author Public Key
npub1hge4uuggdfspu0wmffxqs9vj38m55238q3z2jzd907e8qnjmlsyql78hs2