What is Nostr?
maiakee
npub1hge…8hs2
2025-02-03 05:11:08

maiakee on Nostr: ...



The Rheomode: ภาษาที่ไหลเลื่อน อกรรมกริยา และความจริงที่ไร้การแบ่งแยก

“อายตนะของสัตว์ผู้ไม่มีสัญญา นำไปสู่การรู้แจ้ง”
— พระพุทธเจ้า

“Truth is the whole, and the whole is in movement.”
— David Bohm

1. ภาษา: เครื่องมือแบ่งแยก หรือช่องทางสู่ความจริง?

ภาษาที่เราใช้ทุกวันมักเป็นเครื่องมือแบ่งแยกโลกออกเป็นส่วน ๆ ด้วยคำนามและกริยาที่ตายตัว เรากล่าวว่า “ต้นไม้” ราวกับว่ามันเป็นสิ่งแยกขาดจากดินฟ้าอากาศ กล่าวว่า “ฉัน” ราวกับมีตัวตนที่คงที่ตลอดไป ทว่าในความเป็นจริง สิ่งทั้งปวงอยู่ในภาวะไหลเลื่อน เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ไม่มีขอบเขตชัดเจนระหว่างสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่ง

David Bohm เสนอแนวคิด The Rheomode—ระบบภาษาที่เน้นอกรรมกริยา (verb-based) เพื่อนำเสนอธรรมชาติของความเป็นจริงที่ไม่หยุดนิ่งและเชื่อมโยงกันทุกขณะ เขาเห็นว่าการใช้คำนามทำให้เราหลงยึดติดกับ “ตัวตน” ที่ไม่เที่ยง เช่นเดียวกับที่พระพุทธองค์ทรงชี้ให้เห็นว่า “อัตตา” เป็นเพียงบัญญัติแห่งภาษา

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย! อัตตามีขนาดจำกัดไม่จำกัด มีรูปไม่มีรูป”—หากยึดมั่นในอัตตา จะเป็นการแบ่งแยก แต่หากเห็นว่าอัตตาคือกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลง ก็จะหลุดพ้นจากการจำกัดทางภาษา

2. การไหลเลื่อนของสรรพสิ่ง

ใน Wholeness and the Implicate Order Bohm อธิบายว่า “สรรพสิ่งดำรงอยู่ในความเป็นองค์รวมและอยู่ในสภาวะที่ซ่อนเร้นเชื่อมโยงกัน” เช่นเดียวกับแนวคิดของ เต๋า ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแนวคิด แต่เป็นการดำรงอยู่ที่แทรกซึมในทุกสิ่ง เต๋าไม่สามารถถูกระบุว่าเป็นอะไรบางอย่าง เพราะทันทีที่นิยาม มันก็หลุดออกไป

“เต๋าที่สามารถกล่าวถึงได้ ไม่ใช่เต๋าที่แท้จริง” (道可道,非常道)

อนุภาคมูลฐานของจักรวาล เช่น อิเล็กตรอน โปรตอน หรือควาร์ก ไม่ควรถูกมองว่าเป็น “สิ่ง” แต่ควรถูกมองว่าเป็น “กระบวนการ” ที่ไหลเวียน พึ่งพา และปรากฏขึ้นโดยสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมเหมือนระลอกคลื่นในสายน้ำ อิเล็กตรอนไม่ได้เป็น “อนุภาค” หรือ “คลื่น” อย่างตายตัว มันเป็นเพียง การเคลื่อนไหวที่สัมพันธ์กัน นั่นคือการมีอยู่แบบ rheomode ซึ่งไม่ใช่สิ่ง แต่เป็นกระแส

3. อัตตาภาษา และการเกิดใหม่

พระพุทธองค์ถูกถามว่า “ตถาคตหลังจากดับขันธ์แล้ว ยังคงมีอยู่หรือไม่?” พระองค์ตรัสว่า “ไม่สมควรที่ภิกษุจะกล่าวเช่นนั้น” เพราะทันทีที่กล่าวถึง เราได้แบ่งแยก “ตถาคต” ออกจากสภาวะธรรมดาของจักรวาลแล้ว

อัตตาเป็นเพียง บัญญัติ ที่เกิดจากภาษา แต่ถ้าละวางจากการยึดมั่น ก็จะเห็นว่า “อัตตา” มิใช่ของตายตัว เช่นเดียวกับคำถามเรื่องการเกิดใหม่—หากคิดว่าอัตตามีอยู่จริง ก็ติดอยู่กับคำตอบว่า “เกิด” หรือ “ไม่เกิด” แต่ถ้าหลุดพ้นจากข้อจำกัดทางภาษาแล้ว ก็จะพบว่า ไม่มีอะไรต้องเกิด ไม่มีอะไรต้องดับ

4. การตรัสรู้: อายตนะของสัตว์ผู้ไม่มีสัญญา

การเข้าถึงญาณระดับสูง ไม่ได้เกิดจากการแปลความหมายหรือยึดติดกับแนวคิดใด ๆ หากแต่เป็นการคลายความยึดมั่นในภาษาและการแบ่งแยกทางปัญญา พระพุทธองค์ตรัสถึง อายตนะของสัตว์ผู้ไม่มีสัญญา สภาวะที่ไม่มีการยึดติดกับอัตตา ไม่มีการแบ่งแยกของรูปและนาม เมื่อถึงจุดนั้นแล้ว คำพูดหรือแนวคิดทั้งหมดก็ไม่สามารถนิยามได้

“ในสิ่งที่ไม่มีอะไรเลย กลับมีทุกสิ่ง ในทุกสิ่ง กลับไม่มีอะไรเลย”

เช่นเดียวกับที่ Bohm กล่าวถึง Implicate Order—การดำรงอยู่ที่ซ่อนอยู่ภายใต้โลกของปรากฏการณ์ อนุภาคไม่ใช่สิ่งที่ “มีอยู่” หรือ “ไม่มีอยู่” อย่างเด็ดขาด แต่มันเป็น ความเป็นไปที่สัมพันธ์กัน การตรัสรู้จึงไม่ใช่การค้นพบ “สิ่งที่แท้จริง” แต่เป็นการปล่อยวางจากภาษาที่แบ่งแยก

5. สรุป: เต๋า และ The Rheomode

เต๋าไม่สามารถนิยามได้ Rheomode เป็นภาษาที่ไม่แบ่งแยก Bohm พยายามสื่อให้เราเข้าใจว่า จักรวาลไม่ควรถูกทำให้เป็นสิ่งที่หยุดนิ่งด้วยภาษา เช่นเดียวกับพุทธศาสนาที่กล่าวถึงอัตตาว่าเป็นเพียงกระแส ไม่ใช่ตัวตน

เมื่อเราคลายความยึดมั่นในคำพูด เห็นว่าสรรพสิ่งเป็นการไหลเลื่อนที่สัมพันธ์กัน ไม่แบ่งแยกออกเป็น “ฉัน” และ “โลก” ไม่แยก “อัตตา” และ “อนัตตา” ก็จะเข้าใจถึงสภาวะของความเป็นหนึ่งเดียวที่อยู่เหนือภาษาและความคิด

“ไม่มีอะไรแยกจากกัน เพราะทุกอย่างเป็นการเคลื่อนที่ของสิ่งเดียวกัน”

#Siamstr #พุทธวจนะ #พุทธวจน #nostr #ธรรมะ #science #quantum #tao #taoism
Author Public Key
npub1hge4uuggdfspu0wmffxqs9vj38m55238q3z2jzd907e8qnjmlsyql78hs2