Nutty_DK on Nostr: สรุป Session ดร. โสภณ Vs พี่วิชิต ...
สรุป Session ดร. โสภณ Vs พี่วิชิต ซ้ายเกล้า #THBW2024
พี่ชิต - ความผันผวนมันเป็นเรื่องของคนสายตาสั้น แต่ Bitcoiner เป็นคนมองยาว!!
ดร. - (บอยไม่ดื่ม) ถ้าเราข้ามความขมไปได้ สวรรค์และความรื่นรมย์กำลังรอเราอยู่!!
####
ท่ามกลางบรรยากาศประหนึ่งสนามมวย iconic ที่ชัดเจน ตัวแทนสินทรัพย์ที่โดดเด่นตลอดกาลอย่าง อสังหา และ บิทคอยน์ ที่มาแสดงความคิดเห็นโดนมีกรรมนามสุดน่ารักอย่าง นาโอมิ (แทคนาโอมิ) คุยสบาย ๆ แบบคนรักกัน
**Performance**
หากเราซื้อสินทรัพย์ทั้ง 2 ชนิดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว วัด performance กันแล้ว อะไรให้ผลตอบแทนมากกว่ากัน?
ดร.
- ยอมรับว่า BTC เป็นสินทรัพย์ที่โดดเด่นและยังไม่มีอะไรเทียบได้ในตอนนี้ แถมมีการเติบโตที่น่าสนใจ แต่ก็แอบเป็นห่วงว่า Satoshi ที่ถือครองอยู่เยอะมาก เพราะการถือครองคนเดียวอย่างนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล อีกสิ่นหนึ่งที่น่ากังวลคือต้นทุนการขุดที่เพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้ว่าราคาบิทคอยน์จะพุ่งสูงขึ้นตามเช่นกัน
- สำหรับอสังหายังทีโอกาสเติบโตอยู่ หากเทียบที่ดินกรุงเทพในสมัยก่อนจะพบว่าราคาขึ้นมากกว่า 40 เท่า แต่ระหว่างทางก็มีโอกาสที่ราคาจะปรับลดลงเช่นกัน ขึ้นอยู่กับจังหวะ หากเราซื้อในช่วงที่ทุกคน panic ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้ของถูกถ้าสินทรัพย์ที่ขึ้นวันละ 7% ก็มีโอกาสที่จะลง 7% เหมือนกัน (แซะบิทคอยน์น่ะแหละ)
พี่ชิต
- 10-15 ปี ที่ผ่านมา ไม่มีสินทรัพย์ไหนจะสู้ BTC ในเรื่อง Performance ได้เลย แต่ถ้าดู Marketcap ของบิทคอยน์ ก็ยังนับว่าเล็กมากอยู่ดี สิ่งหนึ่งที่ทำให้ performance ของบิทคอยน์เพิ่งขึ้นได้สูงขนาดนี้ เพราะว่าปัญหาจากระบบการเงินมัน Broken เงินมันถูกพิมพ์ขึ้น ลองคิดภาพ 1 หรือ 3 หรือ 5 ปีข้างหน้า เงินเฟ้อจะเป็นยังไง และในขณะที่เงินเสื่อมค่าไปทุกวัน ดราจะหนีตายยังไง?? เราถึงต้องมี Asset เพราะเงินที่ไหลเข้าระบบ สุดท้ายก็จะไหลไปยัง Asset ต่าง ๆ และ Asset จะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เราอยู่รอดได้
- การลงทุนในอสังหาต้องใช้เงินเยอะ เวลาที่พี่ชิตมองบิทคอยน์ พี่ชิตไม่ได้มองในเรื่องของการลงทุน แต่พี่ชิตมองในเรื่องของการเก็บออม ให้คิดภาพเวลาเรามีพลังงานเหลือ เราเอาไปเก็บไว้ไหน ถ้าเป็นสมัยก่อนก็คงเอาไปซื้อพันธบัตร ไปซื้อทองคำ สิ่งที่ดีในการ saving คือทองคำ แต่เวลาจะใช้ก็ต้องเอาไป exchange ไปเป็นอย่างอื่น มนุษย์เองก็มองหาเครื่องมือมาเก็บพลังงานเป็นที่ดินเหมือนกัน แต่ว่ามันเปลี่ยนยาก แต่บิทคอยน์เป็นเครื่องมือเก็บพลังงานที่เหมาะสมที่สุด
**การที่บิทคอยน์ราคาผันผวน ถือเป็นโอกาสรึเปล่า??**
พี่ชิต
- ความผันผวนมันเป็นเรื่องของคนสายตาสั้น แต่ Bitcoiner เป็นคนมองยาว!! เหมือนน้ำในทะเล เรามองใกล้ ๆ ก็เห็นว่ามันมีคลื่น มันผันผวน แต่ข้างนอกมันสงบจะตาย แต่จะดูที่ความผันผวนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูสัดส่วนของ return ด้วย
ดร.
- เรื่องเงินเฟ้อเป็นเรื่องธรรมดา (พี่ชิตมองหน้า ดร. แบบงงๆ) ถ้าผมไปจับปลาที่อ่าวไทย แล้วได้ปลาน้อย ผมก็ต้องขึ้นราคา อุปทานเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่คิดไปเอง ราคาข้าวของไม่ได้เฟ้ออย่างที่เราคิด
**แล้วสินทรัพย์ที่จับต้องได้ กับจับต้องไม่ได้??**
พี่ชิต
- หลายคนยังเข้าใจผิด คิดว่าสิ่งที่จับต้อไม่ได้ไม่มีค่า แล้วพลังงานล่ะมีค่ามั้ย?? ความรู้ล่ะมีค่ามั้ย?? บางครั้งสิ่ง (สินทรัพย์) ที่จับต้องได้ อาจทำให้เราเสียเปรียบด้วยซ้ำ เช่น ที่ดิน ถ้าเรามีที่ดินจากบรรพบุรุษ แล้วโดนระเบิดลงทำลายที่ดินจนหมด เพาะปลูกไม่ได้แล้วจะทำยังไง อีกอย่างคือ คนเรามีพลังงานเหลือเฟือ เราทำงานแล้วเอา energy ที่เหลือมาเก็บออมไว้ ถ้าเราเก็ย economic energy เก็บไว้ใน cyber bank มันให้อิสระให้เราเอาไปที่ไหนก็ได้ และมันก็เป็นไปตามเทรนด์ที่มันควรจะเป็นด้วย
ดร.
- เราจะมองแค่เรื่องจับต้องได้หรือไม่ได้ แค่นั้นไม่พอ ต้องดูด้วยว่าสามารถเคลื่อนย้ายได้มั้ย แต่อสัหาเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่เรามี ยอมรับว่าอสังหาเคลื่อนย้ายไม่ได้ แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็น
**ถ้าเกิดวิกฤขึ้นมา??**
ดร.
- อัตราเงินเฟ้อในประเทศเราไม่ถึง 1% แต่ว่าดอกเบี้ยเงินฝากของเรามากกว่า 1% และถ้าดู Warren Buffet ก็พบว่ามีการถือเงินสดเพิ่มขึ้น ถ้าเราเป็นคนมีฐานะดี เราจะไม่กลัวเงินเฟ้อ อย่าไปกลัวเงินเฟ้อมากก็แค่เอาเงินไปทำอย่างอื่น เลือกซื้อให้เหมาะสม
พี่ชิต
- เมื่อใดที่มีวิกฤตทางการเงิน ทุก Asset จะแย่หมด จะเกิดปัญหา Liquidity ทันที สภาพคล่องหาย แต่ว่าค่าใช้จ่ายไม่ได้หายไปไหน คนที่ถือ Asset ก็จะคลายพลังงานออกมา
**แล้วถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง??**
พี่ชิต
- แล้วแต่ละคน ถ้าคนรวยมากเขาก็มี Option คนเบี้ยน้อยหอยน้อยก็คงเลือกอสังหาไม่ได้ ต้องดูข้อจำกัด (ขั้นต่ำ) ด้วย ถ้าจะซื้ออสังหาอย่างน้อยก็ต้องมีสักล้านนึง ถ้าซื้อทอง 1 สลึง ก็ต้องมีสัก 10,000 บาท แต่บิทคอยน์ ถ้ามี 100 เราก็ออม 100, ถ้ามี 1,000 เราก็ออม 1,000 มัน flexible มากกว่า
############
พี่ชิต - ความผันผวนมันเป็นเรื่องของคนสายตาสั้น แต่ Bitcoiner เป็นคนมองยาว!!
ดร. - (บอยไม่ดื่ม) ถ้าเราข้ามความขมไปได้ สวรรค์และความรื่นรมย์กำลังรอเราอยู่!!
####
ท่ามกลางบรรยากาศประหนึ่งสนามมวย iconic ที่ชัดเจน ตัวแทนสินทรัพย์ที่โดดเด่นตลอดกาลอย่าง อสังหา และ บิทคอยน์ ที่มาแสดงความคิดเห็นโดนมีกรรมนามสุดน่ารักอย่าง นาโอมิ (แทคนาโอมิ) คุยสบาย ๆ แบบคนรักกัน
**Performance**
หากเราซื้อสินทรัพย์ทั้ง 2 ชนิดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว วัด performance กันแล้ว อะไรให้ผลตอบแทนมากกว่ากัน?
ดร.
- ยอมรับว่า BTC เป็นสินทรัพย์ที่โดดเด่นและยังไม่มีอะไรเทียบได้ในตอนนี้ แถมมีการเติบโตที่น่าสนใจ แต่ก็แอบเป็นห่วงว่า Satoshi ที่ถือครองอยู่เยอะมาก เพราะการถือครองคนเดียวอย่างนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล อีกสิ่นหนึ่งที่น่ากังวลคือต้นทุนการขุดที่เพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้ว่าราคาบิทคอยน์จะพุ่งสูงขึ้นตามเช่นกัน
- สำหรับอสังหายังทีโอกาสเติบโตอยู่ หากเทียบที่ดินกรุงเทพในสมัยก่อนจะพบว่าราคาขึ้นมากกว่า 40 เท่า แต่ระหว่างทางก็มีโอกาสที่ราคาจะปรับลดลงเช่นกัน ขึ้นอยู่กับจังหวะ หากเราซื้อในช่วงที่ทุกคน panic ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้ของถูกถ้าสินทรัพย์ที่ขึ้นวันละ 7% ก็มีโอกาสที่จะลง 7% เหมือนกัน (แซะบิทคอยน์น่ะแหละ)
พี่ชิต
- 10-15 ปี ที่ผ่านมา ไม่มีสินทรัพย์ไหนจะสู้ BTC ในเรื่อง Performance ได้เลย แต่ถ้าดู Marketcap ของบิทคอยน์ ก็ยังนับว่าเล็กมากอยู่ดี สิ่งหนึ่งที่ทำให้ performance ของบิทคอยน์เพิ่งขึ้นได้สูงขนาดนี้ เพราะว่าปัญหาจากระบบการเงินมัน Broken เงินมันถูกพิมพ์ขึ้น ลองคิดภาพ 1 หรือ 3 หรือ 5 ปีข้างหน้า เงินเฟ้อจะเป็นยังไง และในขณะที่เงินเสื่อมค่าไปทุกวัน ดราจะหนีตายยังไง?? เราถึงต้องมี Asset เพราะเงินที่ไหลเข้าระบบ สุดท้ายก็จะไหลไปยัง Asset ต่าง ๆ และ Asset จะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เราอยู่รอดได้
- การลงทุนในอสังหาต้องใช้เงินเยอะ เวลาที่พี่ชิตมองบิทคอยน์ พี่ชิตไม่ได้มองในเรื่องของการลงทุน แต่พี่ชิตมองในเรื่องของการเก็บออม ให้คิดภาพเวลาเรามีพลังงานเหลือ เราเอาไปเก็บไว้ไหน ถ้าเป็นสมัยก่อนก็คงเอาไปซื้อพันธบัตร ไปซื้อทองคำ สิ่งที่ดีในการ saving คือทองคำ แต่เวลาจะใช้ก็ต้องเอาไป exchange ไปเป็นอย่างอื่น มนุษย์เองก็มองหาเครื่องมือมาเก็บพลังงานเป็นที่ดินเหมือนกัน แต่ว่ามันเปลี่ยนยาก แต่บิทคอยน์เป็นเครื่องมือเก็บพลังงานที่เหมาะสมที่สุด
**การที่บิทคอยน์ราคาผันผวน ถือเป็นโอกาสรึเปล่า??**
พี่ชิต
- ความผันผวนมันเป็นเรื่องของคนสายตาสั้น แต่ Bitcoiner เป็นคนมองยาว!! เหมือนน้ำในทะเล เรามองใกล้ ๆ ก็เห็นว่ามันมีคลื่น มันผันผวน แต่ข้างนอกมันสงบจะตาย แต่จะดูที่ความผันผวนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูสัดส่วนของ return ด้วย
ดร.
- เรื่องเงินเฟ้อเป็นเรื่องธรรมดา (พี่ชิตมองหน้า ดร. แบบงงๆ) ถ้าผมไปจับปลาที่อ่าวไทย แล้วได้ปลาน้อย ผมก็ต้องขึ้นราคา อุปทานเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่คิดไปเอง ราคาข้าวของไม่ได้เฟ้ออย่างที่เราคิด
**แล้วสินทรัพย์ที่จับต้องได้ กับจับต้องไม่ได้??**
พี่ชิต
- หลายคนยังเข้าใจผิด คิดว่าสิ่งที่จับต้อไม่ได้ไม่มีค่า แล้วพลังงานล่ะมีค่ามั้ย?? ความรู้ล่ะมีค่ามั้ย?? บางครั้งสิ่ง (สินทรัพย์) ที่จับต้องได้ อาจทำให้เราเสียเปรียบด้วยซ้ำ เช่น ที่ดิน ถ้าเรามีที่ดินจากบรรพบุรุษ แล้วโดนระเบิดลงทำลายที่ดินจนหมด เพาะปลูกไม่ได้แล้วจะทำยังไง อีกอย่างคือ คนเรามีพลังงานเหลือเฟือ เราทำงานแล้วเอา energy ที่เหลือมาเก็บออมไว้ ถ้าเราเก็ย economic energy เก็บไว้ใน cyber bank มันให้อิสระให้เราเอาไปที่ไหนก็ได้ และมันก็เป็นไปตามเทรนด์ที่มันควรจะเป็นด้วย
ดร.
- เราจะมองแค่เรื่องจับต้องได้หรือไม่ได้ แค่นั้นไม่พอ ต้องดูด้วยว่าสามารถเคลื่อนย้ายได้มั้ย แต่อสัหาเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่เรามี ยอมรับว่าอสังหาเคลื่อนย้ายไม่ได้ แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็น
**ถ้าเกิดวิกฤขึ้นมา??**
ดร.
- อัตราเงินเฟ้อในประเทศเราไม่ถึง 1% แต่ว่าดอกเบี้ยเงินฝากของเรามากกว่า 1% และถ้าดู Warren Buffet ก็พบว่ามีการถือเงินสดเพิ่มขึ้น ถ้าเราเป็นคนมีฐานะดี เราจะไม่กลัวเงินเฟ้อ อย่าไปกลัวเงินเฟ้อมากก็แค่เอาเงินไปทำอย่างอื่น เลือกซื้อให้เหมาะสม
พี่ชิต
- เมื่อใดที่มีวิกฤตทางการเงิน ทุก Asset จะแย่หมด จะเกิดปัญหา Liquidity ทันที สภาพคล่องหาย แต่ว่าค่าใช้จ่ายไม่ได้หายไปไหน คนที่ถือ Asset ก็จะคลายพลังงานออกมา
**แล้วถ้าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง??**
พี่ชิต
- แล้วแต่ละคน ถ้าคนรวยมากเขาก็มี Option คนเบี้ยน้อยหอยน้อยก็คงเลือกอสังหาไม่ได้ ต้องดูข้อจำกัด (ขั้นต่ำ) ด้วย ถ้าจะซื้ออสังหาอย่างน้อยก็ต้องมีสักล้านนึง ถ้าซื้อทอง 1 สลึง ก็ต้องมีสัก 10,000 บาท แต่บิทคอยน์ ถ้ามี 100 เราก็ออม 100, ถ้ามี 1,000 เราก็ออม 1,000 มัน flexible มากกว่า
############