LATES on Nostr: ...
ขออนุญาตตอบคำถามอีกจำพวกที่ผมเจอบ่อยแล้วจนถึงทุกวันนี้ผมเข้าใจว่าก็ยังมีคนมาถามใน siamese bitcoiners อยู่เรื่อยๆ คือ
1. อาจารย์ stack sats ยังไงครับ?
ผมตอบไปหลายทีแล้วแต่ขออนุญาตสรุปตอบอีกทีเพราะเข้าใจว่าช่วงนี้มีหน้าใหม่เข้ามาเยอะ
ผมไม่เคย stack sats ครับ
ผมเข้าตลาดมาครั้งแรกช่วงสิงหา-กันยาปี 21 จำได้เพราะตอนนั้นเพิ่งเลิกทำกองทุนได้ไม่กี่เดือน แล้วมีเงินส่วนหนึ่งของ asset allocation ที่ยังไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเลยศึกษา bitcoin เพิ่ม (จากพี่ Nick Ragan นี่แหละ คนที่รู้จักผมดีจะรู้ว่าผมโดน bitcoin ตกเพราะพี่นิคหมอยมด ไม่ใช่อาจารย์ตั๊ม ไม่ใช่คุณบิตหรือใครทั้งสิ้น ...555) แล้วรอจังหวะซื้อ ทันทีที่ bitcoin ทำ higher low แล้วตัดขึ้น มีสัญญาณซื้อที่หนักแน่นเป็นครั้งแรก ผมซัดไม้เดียวเลยที่ 44,000$ ครับ ไม่มีมาลีลาทยอยซื้อใดๆทั้งสิ้น แต่ผมซื้อยังไงล่ะ?
ผมทำหนังสือขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทยนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์และอนุพันธ์ต่างประเทศ 2 ล้านบาท แล้วเอาหนังสือนี้ไปยื่นขอซื้อดอลลาร์ที่ธนาคารกรุงไทย โอนดอลลาร์ไปบัญชี silvergate bank ของ FTX แล้วก็ซื้อ bitcoin ...จบ ไม่เคย stack
2. ไม่ stack แล้วทำไมซื้อแค่นั้น?
ผมไม่ใช่ maxi ไม่เชื่อในการ all-in จะว่าไปผมทำทุกอย่างในชีวิตด้วยเหตุด้วยผล ผมเป็นมนุษย์จำพวก super-reasonable เคยอธิบายไปแล้วว่า bitcoin ผมเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ต อยู่ในหมวด commodity and alternative assets ทุกๆปีที่ผมทำ balancing asset allocation ก็จะเติม bitcoin ให้มันเป็นไปตาม balance sheet ที่คำนวณไว้ ดังนั้นถ้าจะถือว่าผม stack sats ปีละครั้งก็อาจจะได้ เพียงแต่ปีที่ผ่านมาไม่ได้เติม เพราะฬาเทศทำให้ผมมี bitcoin เพิ่มโดยไม่ต้องไปซื้อในตลาด
สมมุติปีแรกผมคำนวณว่าต้องมี bitcoin 5% ของ port ผมก็ซื้อไป 5% พอปีที่ 2 ผมคิดว่าควรจะเป็น 10% ผมก็ใช้วิธีเดิม โอนเงินไปเมืองนอกแล้วซื้อครั้งเดียวให้เป็น 10% ปีที่ 2 นี่ผมจำได้ว่าโอนเงินไปแล้วผมเอาไป cover short ก่อน เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ผมกล้า short bitcoin แถวๆ 6-7 หมื่นนี่แหละ ได้กำไรมานิดหน่อยก็เอาไปซื้อ bitcoin เพิ่ม จนต้นทุนรวมๆผมเท่ากับ MicroStrategy เป๊ะ อันนี้จำได้ดีเพราะทุกครั้งที่ MicroStrategy มันรายงานพอร์ต bitcoin ของมัน ผมยังสงสัยว่าทำไมมึงกับกูช่างทำอะไรเหมือนกันเหลือเกิน ...555
แล้วปีที่ 2 ผมทำฬาเทศแล้ว พอเข้าปีที่ 3 ถึงแม้ผมคำนวณว่า allocation ควรจะมี bitcoin 15% ผมก็ไม่ต้อง stack เพิ่มละ ด้วยเหตุผลที่ผมจะตอบในคำถามต่อไป
3. อาจารย์เคยขาย bitcoin ไหมครับ?
ไม่เคยตั้งใจขายในตลาดครับ พอฬาเทศมันเริ่ม settle ผมไม่สามารถควบคุมการซื้อขาย bitcoin ตามใจตัวเองได้อีกต่อไป เพราะฬาเทศมันบังคับผมแลกเปลี่ยน bitcoin ไปโดยปริยาย ซึ่งตรงนี้โคตรยากเนื่องจากผมมีความรู้เรื่องทำบัญชีไม่พอ เคยไปถามเพื่อนที่เป็นนักบัญชีว่าต้องทำบัญชีมันยังไง เพื่อนก็บอกว่าต้องทำแบบแบงค์ ซึ่งมันยากไปผมทำไม่เป็นครับ บัญชีฬาเทศจึงออกแนวมั่วซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจริงๆเสียหายนะ ไม่ใช่ว่าดี แต่ไม่รู้จะทำยังไงได้ นี่คือข้อเสียข้อนึงของ self-sovereignity คุณ...คนเรามันจะไปรู้เรื่องทุกเรื่องที่ควรรู้ได้ยังไง
ทุกวันนี้ balance sheet ของ bitcoin ผมมันบวมเกิน 15% ของ wealth allocation ที่วางแผนไว้ไปนิดหน่อยเพราะผมไม่สามารถควบคุมมันได้แบบสิ้นเชิงครับ ดูแลได้แค่หลวมๆ อย่างบางช่วงก็โดนเอาเงินบาทมาถล่มแลก bitcoin ไป หรือเดือนสองเดือนที่ผ่านมาก็โดน bitcoin มาถล่มแลกเงินบาทอะไรแบบนี้ ผมก็ได้แต่ประคองพอร์ตด้วยการปรับเพิ่มหรือลดขนาดของโหนดไปตามหลักการบัญชีที่มันควรจะเป็น อยากบอกเผื่อคนที่อยากทำบ้างว่าตรงนี้แ***ยากกว่าทำโหนดเยอะ ทุกวันนี้ผมจึงตีมูลค่าฬาเทศเป็นทรัพย์สินเสื่อมและมีความเสี่ยงจะเป็นหนี้สูญโดยสมบูรณ์ไปเลย ตีแบบนี้ก็สบายใจขึ้น อยากทำอะไรก็ทำ ...555
ข้อดีอีกอย่างของการทำ bitcoin business คือผมไม่ต้องไป active stack sats ในตลาดอีกแล้ว เพราะจะว่าไป กิจการผมเองนั่นแหละที่เป็นตลาด
4. แล้วอาจารย์เสียภาษียังไงครับ?
ผมไม่ได้เลี่ยงนะ แต่ไม่รู้วิธีเสียอ่ะ ก็มันไม่ใช่ธุระ ไม่ใช่ความเฮ๊าเลี่ยนของผม ใครอยากได้ก็มาหาวิธีเก็บเอาเอง (หรือเก็บไปแล้ววะ 2 ล้าน sats ..ที่มาปล้นกูน่ะ 555)
5. แล้วสมมุติ bitcoin เมื่อเทียบกับเฟียตมันขึ้นไปเรื่อยๆ อาจารย์จะขายไหมครับ ถ้าจะขาย ขายตรงไหน?
ใจผมน่ะไม่อยากขาย แต่อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนทำอะไรด้วยเหตุผล ไม่ทำตามใจตัวเอง ไม่แอบอ้างอุดมการณ์ ไม่เอาเรื่องคนละเรื่องมาเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้า bitcoin มันขึ้นไปเรื่อยๆแล้วพอตีมูลค่าเป็น fiat แล้ว balance มันบวมจนเป็น 30-40-50% ของ allocation โดยหลักการมันต้องขายเพื่อลดความเสี่ยง ...ผมจะทำยังไง?
จะไม่ขายได้ ผมต้องเปลี่ยนสถานะของมันครับ วิธีที่ผมยังจะถือมันอยู่เหมือนเดิมได้คือต้องดึงมันออกจาก allocation แล้วเปลี่ยนมันเป็น core business asset ที่มีจุดประสงค์เพื่อ generate income และ bitcoin อีกส่วนก็ตีเป็น enterprise reserved ทั้งหมดต้องไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของ wealth allocation port อีกต่อไป พูดบ้านๆง่ายๆ ฬาเทศต้องเป็นกิจการที่ทำรายได้หลักให้ผมมากกว่ารายได้อื่น ผมถึงจะสามารถลงทุนกับมันด้วยเม็ดเงินระดับนี้ได้อย่างมีเหตุผล ถ้าไม่อย่างนั้นก็แปลว่าผมทำอะไรเอาแต่ใจ ไม่มีหลักวิชาละ
6. โอ้โห...แบบนี้ก็เท่ากับอาจารย์จำกัดการถือ bitcoin ของตัวเองสิ ไม่เสียเปรียบคนอื่นแย่?
เสียเปรียบก็ต้องยอม คนเรามีหลักการของชีวิตไม่เหมือนกัน เรามีเหตุผลแบบนี้ ไม่เชื่อในอุดมการณ์บ้าบอเว่อเกิน ก็ต้องยอมครับ
เพราะวิธีคิดแบบนี้มันก็มีข้อดีของมันนะไม่ได้มีแต่ข้อเสีย ถ้าวันใด bitcoin ถูกรัฐจัดการ หรือมีมูลค่าเหลือศูนย์ ผมก็ยังพอมีกินเหมือนเดิม ไม่ได้รับผลกระทบที่เกินกว่าจะรับได้แต่อย่างใด
พวกคุณอย่าโดนหลอกด้วยอุดมการณ์ ไอ้คนที่เย้วๆว่า bitcoin อย่างนู้น bitcoin อย่างนี้ เอาจริงๆคุณรู้เหรอว่าบางคนถือบิทคอยน์อยู่จริงแค่ไหน เขารวยจาก bitcoin หรือรวยจากการบอกว่า bitcoin ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้กันแน่ ...ใครจะไปรู้ได้ ใช่มั้ย
อ่านโลกใบนี้ให้ขาด bitcoin มันเจ๋งมากน่ะจริงครับ แต่ก็ใช่ว่ามีแต่มันอย่างเดียวในโลกใบนี้ ...ไม่ได้แม้แต่จะใกล้เคียง
#siamstr #lightningnode #LATES
1. อาจารย์ stack sats ยังไงครับ?
ผมตอบไปหลายทีแล้วแต่ขออนุญาตสรุปตอบอีกทีเพราะเข้าใจว่าช่วงนี้มีหน้าใหม่เข้ามาเยอะ
ผมไม่เคย stack sats ครับ
ผมเข้าตลาดมาครั้งแรกช่วงสิงหา-กันยาปี 21 จำได้เพราะตอนนั้นเพิ่งเลิกทำกองทุนได้ไม่กี่เดือน แล้วมีเงินส่วนหนึ่งของ asset allocation ที่ยังไม่รู้จะเอาไปทำอะไรเลยศึกษา bitcoin เพิ่ม (จากพี่ Nick Ragan นี่แหละ คนที่รู้จักผมดีจะรู้ว่าผมโดน bitcoin ตกเพราะพี่นิคหมอยมด ไม่ใช่อาจารย์ตั๊ม ไม่ใช่คุณบิตหรือใครทั้งสิ้น ...555) แล้วรอจังหวะซื้อ ทันทีที่ bitcoin ทำ higher low แล้วตัดขึ้น มีสัญญาณซื้อที่หนักแน่นเป็นครั้งแรก ผมซัดไม้เดียวเลยที่ 44,000$ ครับ ไม่มีมาลีลาทยอยซื้อใดๆทั้งสิ้น แต่ผมซื้อยังไงล่ะ?
ผมทำหนังสือขออนุญาตธนาคารแห่งประเทศไทยนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์และอนุพันธ์ต่างประเทศ 2 ล้านบาท แล้วเอาหนังสือนี้ไปยื่นขอซื้อดอลลาร์ที่ธนาคารกรุงไทย โอนดอลลาร์ไปบัญชี silvergate bank ของ FTX แล้วก็ซื้อ bitcoin ...จบ ไม่เคย stack
2. ไม่ stack แล้วทำไมซื้อแค่นั้น?
ผมไม่ใช่ maxi ไม่เชื่อในการ all-in จะว่าไปผมทำทุกอย่างในชีวิตด้วยเหตุด้วยผล ผมเป็นมนุษย์จำพวก super-reasonable เคยอธิบายไปแล้วว่า bitcoin ผมเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ต อยู่ในหมวด commodity and alternative assets ทุกๆปีที่ผมทำ balancing asset allocation ก็จะเติม bitcoin ให้มันเป็นไปตาม balance sheet ที่คำนวณไว้ ดังนั้นถ้าจะถือว่าผม stack sats ปีละครั้งก็อาจจะได้ เพียงแต่ปีที่ผ่านมาไม่ได้เติม เพราะฬาเทศทำให้ผมมี bitcoin เพิ่มโดยไม่ต้องไปซื้อในตลาด
สมมุติปีแรกผมคำนวณว่าต้องมี bitcoin 5% ของ port ผมก็ซื้อไป 5% พอปีที่ 2 ผมคิดว่าควรจะเป็น 10% ผมก็ใช้วิธีเดิม โอนเงินไปเมืองนอกแล้วซื้อครั้งเดียวให้เป็น 10% ปีที่ 2 นี่ผมจำได้ว่าโอนเงินไปแล้วผมเอาไป cover short ก่อน เป็นครั้งเดียวในชีวิตที่ผมกล้า short bitcoin แถวๆ 6-7 หมื่นนี่แหละ ได้กำไรมานิดหน่อยก็เอาไปซื้อ bitcoin เพิ่ม จนต้นทุนรวมๆผมเท่ากับ MicroStrategy เป๊ะ อันนี้จำได้ดีเพราะทุกครั้งที่ MicroStrategy มันรายงานพอร์ต bitcoin ของมัน ผมยังสงสัยว่าทำไมมึงกับกูช่างทำอะไรเหมือนกันเหลือเกิน ...555
แล้วปีที่ 2 ผมทำฬาเทศแล้ว พอเข้าปีที่ 3 ถึงแม้ผมคำนวณว่า allocation ควรจะมี bitcoin 15% ผมก็ไม่ต้อง stack เพิ่มละ ด้วยเหตุผลที่ผมจะตอบในคำถามต่อไป
3. อาจารย์เคยขาย bitcoin ไหมครับ?
ไม่เคยตั้งใจขายในตลาดครับ พอฬาเทศมันเริ่ม settle ผมไม่สามารถควบคุมการซื้อขาย bitcoin ตามใจตัวเองได้อีกต่อไป เพราะฬาเทศมันบังคับผมแลกเปลี่ยน bitcoin ไปโดยปริยาย ซึ่งตรงนี้โคตรยากเนื่องจากผมมีความรู้เรื่องทำบัญชีไม่พอ เคยไปถามเพื่อนที่เป็นนักบัญชีว่าต้องทำบัญชีมันยังไง เพื่อนก็บอกว่าต้องทำแบบแบงค์ ซึ่งมันยากไปผมทำไม่เป็นครับ บัญชีฬาเทศจึงออกแนวมั่วซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจริงๆเสียหายนะ ไม่ใช่ว่าดี แต่ไม่รู้จะทำยังไงได้ นี่คือข้อเสียข้อนึงของ self-sovereignity คุณ...คนเรามันจะไปรู้เรื่องทุกเรื่องที่ควรรู้ได้ยังไง
ทุกวันนี้ balance sheet ของ bitcoin ผมมันบวมเกิน 15% ของ wealth allocation ที่วางแผนไว้ไปนิดหน่อยเพราะผมไม่สามารถควบคุมมันได้แบบสิ้นเชิงครับ ดูแลได้แค่หลวมๆ อย่างบางช่วงก็โดนเอาเงินบาทมาถล่มแลก bitcoin ไป หรือเดือนสองเดือนที่ผ่านมาก็โดน bitcoin มาถล่มแลกเงินบาทอะไรแบบนี้ ผมก็ได้แต่ประคองพอร์ตด้วยการปรับเพิ่มหรือลดขนาดของโหนดไปตามหลักการบัญชีที่มันควรจะเป็น อยากบอกเผื่อคนที่อยากทำบ้างว่าตรงนี้แ***ยากกว่าทำโหนดเยอะ ทุกวันนี้ผมจึงตีมูลค่าฬาเทศเป็นทรัพย์สินเสื่อมและมีความเสี่ยงจะเป็นหนี้สูญโดยสมบูรณ์ไปเลย ตีแบบนี้ก็สบายใจขึ้น อยากทำอะไรก็ทำ ...555
ข้อดีอีกอย่างของการทำ bitcoin business คือผมไม่ต้องไป active stack sats ในตลาดอีกแล้ว เพราะจะว่าไป กิจการผมเองนั่นแหละที่เป็นตลาด
4. แล้วอาจารย์เสียภาษียังไงครับ?
ผมไม่ได้เลี่ยงนะ แต่ไม่รู้วิธีเสียอ่ะ ก็มันไม่ใช่ธุระ ไม่ใช่ความเฮ๊าเลี่ยนของผม ใครอยากได้ก็มาหาวิธีเก็บเอาเอง (หรือเก็บไปแล้ววะ 2 ล้าน sats ..ที่มาปล้นกูน่ะ 555)
5. แล้วสมมุติ bitcoin เมื่อเทียบกับเฟียตมันขึ้นไปเรื่อยๆ อาจารย์จะขายไหมครับ ถ้าจะขาย ขายตรงไหน?
ใจผมน่ะไม่อยากขาย แต่อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนทำอะไรด้วยเหตุผล ไม่ทำตามใจตัวเอง ไม่แอบอ้างอุดมการณ์ ไม่เอาเรื่องคนละเรื่องมาเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้า bitcoin มันขึ้นไปเรื่อยๆแล้วพอตีมูลค่าเป็น fiat แล้ว balance มันบวมจนเป็น 30-40-50% ของ allocation โดยหลักการมันต้องขายเพื่อลดความเสี่ยง ...ผมจะทำยังไง?
จะไม่ขายได้ ผมต้องเปลี่ยนสถานะของมันครับ วิธีที่ผมยังจะถือมันอยู่เหมือนเดิมได้คือต้องดึงมันออกจาก allocation แล้วเปลี่ยนมันเป็น core business asset ที่มีจุดประสงค์เพื่อ generate income และ bitcoin อีกส่วนก็ตีเป็น enterprise reserved ทั้งหมดต้องไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของ wealth allocation port อีกต่อไป พูดบ้านๆง่ายๆ ฬาเทศต้องเป็นกิจการที่ทำรายได้หลักให้ผมมากกว่ารายได้อื่น ผมถึงจะสามารถลงทุนกับมันด้วยเม็ดเงินระดับนี้ได้อย่างมีเหตุผล ถ้าไม่อย่างนั้นก็แปลว่าผมทำอะไรเอาแต่ใจ ไม่มีหลักวิชาละ
6. โอ้โห...แบบนี้ก็เท่ากับอาจารย์จำกัดการถือ bitcoin ของตัวเองสิ ไม่เสียเปรียบคนอื่นแย่?
เสียเปรียบก็ต้องยอม คนเรามีหลักการของชีวิตไม่เหมือนกัน เรามีเหตุผลแบบนี้ ไม่เชื่อในอุดมการณ์บ้าบอเว่อเกิน ก็ต้องยอมครับ
เพราะวิธีคิดแบบนี้มันก็มีข้อดีของมันนะไม่ได้มีแต่ข้อเสีย ถ้าวันใด bitcoin ถูกรัฐจัดการ หรือมีมูลค่าเหลือศูนย์ ผมก็ยังพอมีกินเหมือนเดิม ไม่ได้รับผลกระทบที่เกินกว่าจะรับได้แต่อย่างใด
พวกคุณอย่าโดนหลอกด้วยอุดมการณ์ ไอ้คนที่เย้วๆว่า bitcoin อย่างนู้น bitcoin อย่างนี้ เอาจริงๆคุณรู้เหรอว่าบางคนถือบิทคอยน์อยู่จริงแค่ไหน เขารวยจาก bitcoin หรือรวยจากการบอกว่า bitcoin ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้กันแน่ ...ใครจะไปรู้ได้ ใช่มั้ย
อ่านโลกใบนี้ให้ขาด bitcoin มันเจ๋งมากน่ะจริงครับ แต่ก็ใช่ว่ามีแต่มันอย่างเดียวในโลกใบนี้ ...ไม่ได้แม้แต่จะใกล้เคียง
#siamstr #lightningnode #LATES